เมื่อภาวะหมดไฟไม่ได้เกิดขึ้นกับมนุษย์เงินเดือนเพียงกลุ่มเดียว แต่ยังลุกลามรวมถึงกลุ่มเด็กวัยรุ่น วัยเรียน และผู้สูงวัยด้วย อาการนี้เป็นปัญหาที่เราควรใส่ใจและตระหนักเป็นพิเศษหากเกิดกับคนใกล้ชิด เพราะมันอาจส่งผลไปถึงเรื่องของสภาวะจิตของพวกเขาต่อไปด้วย แต่เดิมนั้นภาวะหมดไฟมีสาเหตุมาจากการใช้ชีวิตที่ไม่สมดุลทางกายและทางใจ การต้องรับผิดชอบในหน้าที่การงาน การเรียน การใช้ชีวิตที่มีภาระ หน้าที่ หรือแรงกดดันจากคนรอบข้าง ทำให้เกิดอาการหดหู่ เบื่อหน่าย ไม่อยากทำงานหรือหน้าที่ที่เคยได้รับ มองโลกในแง่ร้ายมากขึ้น จนถึงขั้นไม่อยากทำอะไรเลยแต่เป็นเพราะปัจจุบันนี้ ที่เกิดการระบาดของไวรัสโคโรนา หรือ โควิด 19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อการเป็นอยู่และการใช้ชีวิตของผู้คนเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ภาคธุรกิจต่าง ๆ ทั่วโลกต้องปิดตัวลงหรือหยุดชะงัก มนุษย์ส่วนใหญ่ตกงาน หรือขาดรายได้ประจำ และส่งผลต่อการใช้ชีวิตจากเดิมที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้ทุกคนต้องใช้เวลานอกบ้านให้น้อยที่สุด คนที่ตกงานก็เกิดปัญหาเรื่องการเงินขึ้น ทั้งที่ก่อนหน้าอาจมีความเครียดสะสมมาจากการทำงานจนมีภาวะหมดไฟมาก่อนแล้ว ส่วนคนที่ยังได้ทำงานอยู่ก็อาจมีปัญหาที่หลากหลายจากการทำงานที่บ้าน และการที่คนส่วนใหญ่นั้นไม่ได้ออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านเป็นปกติเหมือนเดิม เช่น การไปออกกำลังกาย หรือไปเที่ยวพักผ่อน ทำให้มีความเครียดที่มีอยู่ไม่ถูกจัดการให้หมดไป การใช้ชีวิตที่ไม่สมดุลแบบนี้ ก็ยิ่งทำให้หลายคนเกิดภาวะหมดไฟได้มากขึ้น หากเราหรือคนใกล้ชิด รู้สึกว่าตัวเองก็เป็นหนึ่งคนดังที่กล่าวมา ลองให้คำแนะนำเขาหรือลองปรับเปลี่ยนการกระทำความคิดเบื้องต้นดังนี้1. พักหัวใจสักครู่ หากิจกรรมที่จะช่วยให้เราผ่อนคลายทำดู อาจจะเป็นการดูหนัง ซีรีย์ หรือละครน้ำดี ย้ำว่าต้องเป็นหนังหรือละครที่มีเนื้อหาที่ดีเท่านั้น หลีกเลี่ยงสื่อที่กระตุ้นความรู้สึกลบกับจิตใจเราอย่างเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นแนวดรามาเคล้าน้ำตา, โศกนาฏกรรมอัดหดหู่, การล้างแค้นแบบสิบปีก็ยังไม่สาย หรือหนังสยองขวัญกระตุกต่อมประสาทอะไรแนวนี้ เพราะแทนที่จะได้ทำเพื่อสร้างความผ่อนคลาย กลับกลายเป็นเพิ่มความตึงเครียดให้ตัวเองแทนเข้าไปอีก การเลือกความบันเทิงให้เป็นหนึ่งในวิธีเยียวยา ก็เพราะเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ทำให้เราได้ปลดปล่อยความรู้สึกลบออกไป (อย่าคิดว่ามันคือการทิ้งความรับผิดชอบที่มี แล้วยิ่งทำให้เรารู้สึกผิดไปใหญ่ หลายคนเข้าใจว่า การละหรือวางมือจากงานหรือความรับผิดชอบที่ทำอยู่คือการกระทำที่ผิด แต่ความจริงแล้ว การทำงานหรือใช้ความคิดตอนที่สมองของเรากำลังได้รับความกดดัน เครียด หรือหดหู่ นั้นไม่สามารถทำให้งานหรือการตัดสินใจของเราออกมาดีได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เราจะทำสิ่งต่าง ๆ ได้ดีก็ต่อเมื่อสมองเราผ่อนคลาย ปลอดโปร่ง และมีอารมณ์ที่ดีต่างหาก) นอกจากดูหนัง ดูละครเพื่อความบันเทิงแล้ว เราอาจแบ่งเวลาไปเล่นกับสัตว์เลี้ยง ฟังเพลง หรือทำสิ่งต่าง ๆ ที่เราชื่นชอบก็ได้2. หยุดนิสัยเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น การมองคนที่ประสบความสำเร็จกว่า หรือไปได้ไกลกว่าเพื่อเอามาเป็นแรงจูงใจให้ตัวเองรู้ว่าคนอื่นทำได้ เราก็ทำได้นั้นเป็นทัศนคติที่ดี แต่หลายคนไม่รู้ตัว ว่ามักเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นแล้วมันทำให้เขารู้สึกด้อยกว่า เพราะในใจลึก ๆ เขาคิดว่ามันเป็นไปได้ยากที่จะพาตัวเองให้ไปได้ไกลแบบนั้น ยิ่งเห็นคนอื่นได้ดีมากแค่ไหน เขาก็ยิ่งรู้สึกหมดพลังมากเท่านั้น ลองสำรวจดูว่า เรารู้สึกยินดี หรือหดหู่ เสียใจ เวลาที่เห็นเพื่อน หรือคนอื่นประสบความสำเร็จ หากเป็นอย่างหลัง ก็ลองหยุดการรับรู้รับฟัง หรือ หยุดเปรียบเทียบระหว่างตัวเองกับคนอื่น แล้วหันไปใส่ใจเรื่องที่ทำให้เรามีความสุขสบายใจมากขึ้นแทน3. เปิดโอกาสให้ความสำเร็จเข้ามาในชีวิต สองข้อที่กล่าวข้างต้นแสดงให้เห็นแล้วว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราเกิดภาวะหมดไฟ ก็เพราะเราให้ความสำคัญกับการประสบความสำเร็จในชีวิต และหลายคนที่ต้องการยกระดับตัวเองก็พยายามทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ แต่ถ้าเราทำแบบนั้นแล้วมันทำให้เรารู้สึกว่าเรายังช้ากว่าคนอื่นก็ให้เปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยการพัฒนาความสามารถของตัวเอง โดยที่เราต้องรู้สึกสนุกไปกับมัน หลายคนไม่รู้ตัวว่าพวกเขามักหาความรู้ หรือฝึกทักษะบางอย่างเพิ่มเติม ด้วยความรู้สึกลึก ๆ ในใจว่ามันเป็นภาระที่เพิ่มขึ้น และกดดันตัวเองให้เร่งรีบทำ เพื่อที่จะเอาชนะผู้อื่น ความรู้สึกแบบนี้เองที่จะยิ่งกระตุ้นให้ภาวะหมดไฟของเขารุนแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัว ทางที่ถูกคือ การมีความสุขและสนุกไปกับการพัฒนาตัวเอง และนอกจากจะพัฒนาทักษะความสามารถแล้ว การปรับบุคลิกภาพให้เป็นคนร่าเริง เข้ากับคนได้ง่ายนี้ก็ยังช่วยให้เรามีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้มากขึ้น ได้รับความช่วยเหลือ หรือความร่วมมือในการทำงานจากคนรอบข้างได้มากอีกด้วย คนที่มีนิสัยร่าเริง เข้ากับคนได้ง่าย มักมีเปอร์เซ็นต์ในการได้รับความไว้วางใจให้ร่วมงานด้วยมากกว่าคนที่เงียบขรึม เพราะความร่าเริง เข้ากับคนได้ง่ายนั้น เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า เขาสามารถเข้าถึงคนได้ทุกแบบ และมีความยืดหยุ่นพร้อมที่จะปรับตัวได้กับหลากหลายสถานการณ์นั่นเอง4. เลือกรับแต่พลังงานดีที่ช่วยหนุนใจของเรา ด้วยการเลือกคบเพื่อนที่พูดแต่สิ่งดี ๆ กับเรา ให้กำลังใจเรา สนับสนุนเรา หรือเสพสื่อดี ๆ อ่านหนังสือฮาวทู ดูหรือฟังแนวคิดของคนที่ประสบความสำเร็จหรือคนที่เคยล้มเหลวมาก่อน เพื่อนบางคนเป็นเหมือนนักดับฝัน ไม่ว่าใครคิดฝันจะทำอะไร เขาก็มักจะพูดหรือแสดงท่าทางดูหมิ่นให้เราหมดกำลังใจ หรือดักคอด้วยคำว่ายาก เป็นไปไม่ได้หรอก ยิ่งทำบ่อยครั้งเข้า เราก็ไม่รู้ตัวว่ามันกำลังซึมซับลงไปในความคิดและทำให้เราเชื่อว่าเราเป็นแบบนั้นจริง ๆ จงเลือกใช้เวลาอยู่กับคนที่พร้อมจะให้คำแนะนำหรือให้กำลังใจที่ดีแก่เราเพื่อเติมเชื้อไฟให้ใจเราอีกครั้ง ส่วนการเลือกอ่านหนังสือฮาวทู ก็จะช่วยให้เรามองเห็นช่องทางหรือโอกาสในเส้นทางความสำเร็จได้มากขึ้น ไม่รู้สึกว่าเป้าหมายที่เราต้องการนั้นมืดมนจนไกลเกินเอื้อม การดูหรือฟังแนวคิดของคนที่เคยล้มเหลวมาก่อนก็เพื่อให้เราเห็นว่าชีวิตของคนอื่นก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป บางคนอาจต้องฝ่าฟันอะไรมามากในแบบที่เราคาดไม่ถึงด้วยซ้ำ นั่นหมายความว่า เราไม่ใช่คนเดียวที่เจอปัญหาและรู้สึกท้อ และเมื่อเขาผ่านมันมาได้ ก็หมายความว่ามันมีเส้นทางให้เขาเดิน คือ ไม่มีทางตันนั่นเอง5. แบ่งเวลาออกกำลังกาย เราอาจจะไม่จำเป็นต้องจัดชุดใหญ่กับการออกกำลังกาย โดยเฉพาะสถานการณ์ตอนนี้ที่ทุกคนต้องอยู่ในบ้านให้มากที่สุด หรือคนที่อยู่ในพื้นที่ที่มีบริเวณจำกัด การขยับร่างกายบ้างจะช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดในร่างกายเราทำงานได้อย่างปกติ เราสามารถบริหารร่างกายด้วยท่าทางต่าง ๆ ที่จะช่วยให้กล้ามเนื้อทุกส่วนทำงานบ้าง อย่าลืมว่ากายและใจนั้นจะทำงานประสานสอดคล้องกันอยู่เสมอ หากใจเราหดหู่ หม่นหมองแล้ว และร่างกายก็ยังอ่อนแอด้วยอีกแบบนี้จะยิ่งทำให้เราหมดไฟมากขึ้นแล้วฟื้นตัวได้ยาก ไม่ต้องรอให้ทุกอย่างลงตัว เพราะการออกกำลังกายนั้นทำได้หลายรูปแบบ แค่ขยับก็เท่ากับออกกำลังกายจริง ๆ 6. ทานอาหารที่มีประโยชน์ สารอาหารบางชนิดมีผลต่อฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งเมื่อร่างกายเสียสมดุลตรงนี้ไปย่อมทำให้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อไปถึงอารมณ์อีกด้วย นอกจากการรับประทานอาหารปกติให้ครบห้าหมู่แล้วยังควรเลือกรับประทานอาหารบางประเภทที่ส่งผลต่ออารมณ์ด้วย เช่น ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เพราะ ช่วยลดฮอร์โมนคอร์ติซอลที่ส่งผลให้เรามีความรู้สึกเครียดได้ หรือการเพิ่มการรับประทานอาหารที่มีสารที่ช่วยในการผลิตฮอร์โมนเซโรโทนิน ที่ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย อย่างเช่น โอเมกา 3 ที่มีอยู่ในปลาทะเลน้ำลึก, กล้วย, เชอร์รี่, อโวคาโด, ดาร์คช็อกโกแลต, ข้าวกล้อง, เต้าหู้ เป็นต้น หากทำปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือความคิดด้วยวิธีดังกล่าวเบื้องต้นแล้วยังไม่รู้สึกดีขึ้น และพบว่าภาวะหมดไฟของเราหรือคนใกล้ชิด มีผลกระทบต่อชีวิตจนอาจเกิดอันตราย คุณสามารถขอคำแนะนำจากจิตแพทย์ได้ หรือเบื้องต้นโทรปรึกษาที่สายด่วนสุขภาพจิต โทร 1323 ตลอด 24 ชั่วโมงค่ะเครดิต ภาพปก , ภาพที่ 1, ภาพที่ 2, ภาพที่ 3, ภาพที่ 4