หลังจากที่ปลายมกราคม 2020 ประเทศจีนได้ออกมายืนยันการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ หรือที่ในตอนนี้มีชื่อเรียกว่า COVID-19 ตอนนั้นทั่วโลกได้ตื่นตะลึงกับตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ประกาศออกมาจากทางการจีนจนนำไปสู่การปิดเมืองต้นตอของการระบาดในที่สุด แต่การระบาดของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ตัวนี้ไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่ในประเทศจีนเท่านั้น เพราะปัจจุบันการเดินทางสะดวกขึ้นกว่าอดีตมาก และผู้คนต่างเดินทางท่องเที่ยว/ติดต่อกันไปทั่วโลก โดยเฉพาะขึ้นชื่อว่า จีน ที่ได้ชื่อว่ามีประชากรมากที่สุดในโลก กำลังกลายมาเป็นประเทศที่มีรายได้สูงขึ้นด้วยการเติบโตทางเศรษฐกิจปีละ 6-8% ติดต่อกันนับสิบปี การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนนั้นมาพร้อมกับการติดต่อกับโลกภายนอก เมื่ออัตราการเดินทางระหว่างประเทศสูงขึ้น ในปัจจุบันจึงนำมาสู่การแพร่กระจายของเชื้อออกไปภายนอกอย่างรวดเร็ว Cr: Unsplash ไม่ว่าใครก็ไม่อยากติด COVID-19 ไวรัสสายพันธุ์นี้กลายเป็นที่หวาดกลัวของผู้คนทั่วโลกไปแล้ว แน่นอนว่าไม่มีใครอยากป่วย โดยเฉพาะป่วยด้วยไวรัสอุบัติใหม่ที่ยังไม่สามารถค้นพบวิธีรักษาที่มีประสิทธิภาพได้ เศรษฐกิจโลกที่ถูกกระทบเป็นลำดับแรกจึงกลายเป็นธุรกิจการท่องเที่ยวและสายการบิน และเนื่องจากนักท่องเที่ยวจีนถือเป็นตลาดที่ใหญ่มากสำหรับเศรษฐกิจโลก คาดกันว่าในปี 2020 จีนจะส่งออกนักท่องเที่ยวได้ถึง 160 ล้านคนและจะเติบโตขึ้นในระดับ 6% ในทุก ๆ ปี เม็ดเงินที่จะสะพัดจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจนี้จึงกลายเป็นต้องมีการปรับลดการคาดการณ์กันอีกครั้ง ซึ่ง OECD คาดว่าหากการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างในประเทศจีนถึงจุดสูงสุดที่ไตรมาส 1 ของปี 2020 และการแพร่ระบาดในประเทศอื่น ๆ เป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป การแพร่ระบาดของไวรัสนี้จะทำให้เศรษฐกิจโลกที่เปราะบางอยู่แล้วขยายต้วได้น้อยอยู่แล้วที่ 2.9% จะขยายตัวน้อยลงไปอีกกว่า 0.5 % โดยคาดการณ์ว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกภายหลังการระบาดของไวรัสโควิด-19 จะอยู่ที่ 2.4% เท่านั้น Cr: Unsplash เมื่อความเชื่อมั่นลดลง คนจะลดกิจกรรมทางเศรษฐกิจและลดการใช้จ่าย เมื่อเศรษฐกิจโลกหดตัว ราคาโภคภัณฑ์ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการผลิตก็ปรับตัวลดลง เพิ่มความเสี่ยงให้เกิดวงรอบการถดถอยของระบบเศรษฐกิจอีกครั้ง เมื่อ COVID-19 แพร่ระบาด เศรษฐกิจโลกก็ป่วยไข้ ล่าสุดองค์การอนามัยโลกได้ออกมาประกาศยกระดับโรคนี้ขึ้นจากโรคระบาด (Epidemic) เป็นโรคระบาดครั้งใหญ่ของโลก (Pandemic) อย่างเป็นทางการในวันที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา และไม่มีสำนักใดออกมากล่าวว่าการแพร่ระบาดในครั้งนี้จะจบลงในเร็ววัน Cr: Unsplash รัฐบาลในหลายประเทศตระหนักถึงความเสี่ยงของการถดถอยของวงรอบเศรษฐกิจครั้งนี้แล้ว แม้แต่สหรัฐยังประกาศลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อลดภาระการกู้ยืมของภาคเอกชนลง ขณะที่รัฐบาลฮ่องกงและสิงคโปร์มีมาตรการอุดหนุนเงินช่วยเหลือแก่ประชาชนเพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ในครั้งนี้ ซึ่งหากรัฐบาลในทุกประเทศมีมาตรการควบคุมโรคที่เข้มข้นรวมถึงส่งนโยบายทางเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพออกมา การป่วยไข้ของเศรษฐกิจโลกในครั้งนี้ ก็อาจไม่ได้ยืดเยื้อและยาวนานจนเกินไปนัก