ตั้งแต่ลูกชายเข้าเรียนมหาวิทยาลัย สาขาวิทยาศาสตร์และกีฬา ปีนี้เข้าสู่ปีที่ 2 เทอม 2 แล้ว แม่สมัยใหม่อย่างเราก็เพิ่งจะรู้ว่า วัยรุ่นสมัยนี้เค้าก็ชอบกีฬาที่ท้าทายเหมือนกันนะเนี่ย อะไรที่ไม่เคยเล่น ไม่เคยทำตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด จนเราต้องถึงกับเอ่ยปากชมเขาว่า “เดี่ยวนี้หุ่นดีมีวินัยในการออกกำลังกายมากขึ้นนะเนี่ยยยยยย“ ลูกชายหันมายิ้มหวานแล้วตอบว่า “ปีหน้าหนูจะลงแข่งขันเพาะกาย!!!!“ เรานี่อึ้งกิมกี่ไปพักใหญ่ แต่ก็ยังเขาไปว่า กล้ามยังไม่ใหญ่ขึ้นเลย จะไปแข่งได้ไง.... ตายละวา ตั้งแต่วันนั้นที่พูดไป...เขาก็ตั้งใจฟิตซ้อมออกกำลังกายมากขึ้น หลังเลิกเรียนก็เริ่มจากการวอมร่างกายก่อนออกวิ่งรอบสนามกีฬาในมหาวิทยาลัยทุกวันๆ ละ 5 รอบ ต่อมาเขาเริ่มแบ่งเวลาไปว่ายน้ำ อาทิตย์ละ 3 ครั้ง เพื่อให้มีกำลังที่กล้ามเนื้อช่วงต้นแขน และต้นขาที่ได้สัดส่วน เพราะในการยืนประกวดท่าทางสำหรับนักกีฬาเพาะกายแล้ว ช่วงต้นขาเป็นส่วนที่มีความสำคัญมากเช่นกันเข้าฟิตเนสทุกวันๆ ละ 4-5 ชั่วโมง เขาบอกว่าก่อนที่จะเล่นอุปกรณ์ชนิดต่างๆ จะต้องวอร์มร่างกายและกล้ามเนื้อให้มีการยืดหยุ่นก่อนที่จะเล่นอุปกรณ์ที่มีน้ำหนักมาก หรือไม่ก็จะเริ่มต้นเล่นอุปกรณ์ที่มีน้ำหนักน้อยไปหามาก เพื่อไม่ให้กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นฉีกขาดได้ จากนั้นเขาเริ่มมีการเลือกกินอาหารที่มีโปรตีนสูงจาก อกไก่ต้ม หรือทอด 3-4 ชิ้นต่อมื้อ (ไก่ไม่ติดหนัง) ไข่ไก่วันละประมาณ 2-4 ฟอง กินข้าวโอ๊ต แทนข้าวสวยทั่วๆ ไป วันละ 4-5 มื้อต่อวันเลยล่ะค่ะ และชงดื่มอาหารเสริม (เวย์โปรตีน) ก่อนยกเวท วิดพื้น และออกกำลังกายอื่นๆ 1 แก้วใหญ่ หลังจากที่เขาปฏิบัติและมีวินัยในการออกกำลังกายอย่างจริงจัง และกินอาหารที่มีโปรตีนสูงทุกๆ วัน โอ๊ยยยย!!!! คุณแม่ปวดใจเลยคร่าาา เสื้อผ้านักศึกษาเริ่มแน่นขึ้นๆ ทุกวัน แขนเสื้อก็เริ่มตึง กระดุมเสื้อก็ติดไม่ได้ ต้องเปลี่ยนเสื้อใหม่อีกแล้วสิคะ พอถึงที่มหาวิทยาลัยจะต้องส่งตัวนักกีฬาเพาะกายลงแข่งขัน โดยมีรุ่นพี่ของเขาลงแข่งขันด้วย เขาถึงกับต้องร้องขอไปด้วย เพื่อไปให้กำลังใจรุ่นพี่ และไปดูเพื่อเป็นประสบการณ์ในการแข่งขันของตัวเขาเองในปีหน้า เขาเล่าให้ฟังว่า ก่อนที่รุ่นพี่จะขึ้นประกวดบนเวทีเพาะกาย ระดับมหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทยนั้น จะต้องมีการชั่งน้ำหนัก และลงแว็คทาสีบนลำตัวเพื่อให้เห็นความชัดเจนของกล้ามเนื้อช่วงหน้าอก และช่วงท้อง โอ้วแม่เจ้า!!!...แม่ไม่เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับกีฬาประเภทนี้มาก่อนเลยว่าจะต้องทาอะไรให้ร่างกายดูเงา หรือทาอะไรให้มีสีแทนบนตัว แต่ก็เป็นเรื่องดีเหมือนกันที่ลูกชายมีความสนใจและอยากเรียนรู้กีฬาอีกหลายประเภทที่ยังไม่เคยได้ลอง แต่สุดท้ายเขาบอกว่า “ขอลองลงแข่งขันกีฬาเพาะกายดูก่อนนะแม่ เพราะอยากรู้ว่าจะทำได้ดีหรือเปล่า แต่ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด” แถมมิหนำซ้ำ นางยังจะหันมายิ้มหวานแล้วบอกอีกว่า ถ้าแข่งแล้วไม่ชนะก็ไม่เป็นไร เพราะมันก็เป็นกีฬาที่อยู่ในวิชาเรียนด้วยอยู่แล้ว ถึงยังไงใจก็พร้อมเสมอ อีกอย่างหนูก็โชคดีที่ร่างกายแข็งแรง ไม่เคยเจ็บไข้ได้ป่วยอะไร ตอนนี้ตัวหนูก็ฟิต & เฟิร์มขึ้นเยอะแล้วนะแม่...(เออแม่เชื่อ กระดุมเสื้อติดไม่ได้เลย 555) สุดท้ายนี้...เราคิดว่า ไม่ว่ากีฬาอะไร ประเภทไหนก็ทำให้ทุกๆ คนที่มีความใส่ใจ และจริงจังกับกีฬานั้นๆ มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงด้วยกันทุกคนค่ะ และที่สำคัญไม่ว่าลูกชายจะเลือกเล่นกีฬาประเภทไหน คนเป็นแม่อย่างเราก็พร้อมสนับสนุนทุกอย่างอยู่แล้วค่ะ 💪🏼💪🏼💪🏼