ถ้าพูดถึงประเด็นที่กำลังได้รับความสนใจอยู่ในขณะนี้ ก็คงไม่พ้นเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าหรือโควิด-19 ด้วยความรุนแรงของโรคและการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว โควิด-19 จึงกลายเป็นประเด็นใกล้ตัว ที่ทุกคนติดตามกันอย่างใกล้ชิด ตัวผู้เขียนเองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ติดตามข่าวนี้อย่างใกล้ชิดเช่นกัน ในทุก ๆ วันผู้เขียนและครอบครัวจะพูดคุยกันถึงเรื่องโควิด-19 เป็นประจำ จนวันหนึ่งผู้เขียนได้สังเกตเห็นว่า ลูกชายวัย 6 ขวบของผู้เขียนนั้น ก็ได้นั่งฟังสิ่งที่พ่อ แม่ ยายและป้าคุยกันอย่างตั้งใจ ผู้เขียนจึงเกิดคำถามขึ้นมาในหัวว่าการที่ผู้ใหญ่อย่างเราคุยกันถึงเรื่องนี้ทุก ๆ วัน จะทำให้เด็ก ๆ เกิดความเครียดหรือไม่ แล้วเขามีความเข้าใจในเรื่องโควิด-19 มากน้อยแค่ไหน ผู้เขียนจึงได้ตั้งคำถามขึ้นมา 5 ข้อ เพื่อทดสอบว่า "โคโรน่าไวรัสหรือโควิด-19" ในความเข้าใจของเด็ก ๆ นั้นเป็นอย่างไร โดยผู้เขียนก็ได้เลือกเด็ก 2 คนจาก 2 ครอบครัว มาเป็นผู้ตอบคำถามในครั้งนี้ 1. น้องเอ (อายุ 6 ขวบ) ภาพโดย : ผู้เขียน โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนคิดว่า เรื่องของการดูแลสุขภาพตัวเอง เป็นเรื่องสำคัญที่เด็ก ๆ ควรจะรู้ โดยเฉพาะเด็กในวัยอนุบาลอย่างน้องเอ เพราะเด็กในวัยนี้จะเริ่มมีเพื่อนมีสังคม ชอบออกไปนอกบ้าน ไปพบเจอผู้คน หากเขาไม่ทราบถึงเหตุผลว่าทำไมจึงออกไปไหนไม่ได้ อาจจะก่อให้เกิดความเบื่อหน่ายและความเครียดมากกว่าเดิม ซึ่งคำตอบของน้องเอก็ถือว่าน่าพอใจ เพราะถึงแม้ว่าน้องเอจะยังไม่เข้าใจประเด็นที่มีความซับซ้อน อย่างเช่นความเป็นมาของโรคและอาการที่จะเกิดขึ้นเมื่อติดเชื้อ แต่ในเรื่องของการดูแลตัวเอง เพื่อไม่ให้ติดเชื้อโควิด-19 น้องเอมีความเข้าใจเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ส่วนในเรื่องของความเครียดนั้น ก็พบว่าน้องเอไม่ได้มีความวิตกกังวลว่าตนจะติดเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใด 2. น้องบี (อายุ 10 ขวบ) ภาพโดย : ผู้เขียน จากคำตอบของน้องบี จะเห็นได้ว่าน้องบียังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับที่มาของไวรัสโควิด-19 คงเป็นเพราะน้องใช้ Social Media เป็นช่องทางในการติดตามข่าวสาร และด้วยวัยเพียง 10 ขวบ ทำให้น้องบีไม่สามารถแยกความจริงออกจากความคิดเห็นได้ จึงทำให้เกิดความเข้าใจผิดตามมา ส่วนในเรื่องของการดูแลตัวเองและวิธีการสังเกตอาการเบื้องต้น ถือว่ามีความเข้าใจในระดับที่ดีอยู่แล้ว สุดท้ายเรื่องของความกังวลเป็นประเด็นที่ผู้เขียนสนใจ เพราะด้วยวัยที่ต่างกันเพียง 4 ปี น้องบีกลับแสดงให้เห็นว่ามีความกังวลเกี่ยวกับโควิด-19 มากกว่าน้องเออย่างชัดเจน ขอบคุณภาพจาก : Pixabay จากการทดสอบครั้งนี้ ผู้เขียนได้เห็นว่าเด็ก ๆ ไม่ได้เพิกเฉยต่อปัญหาโควิด-19 และสถานการณ์ที่ตึงเครียดรอบ ๆ ตัว ถึงแม้เขาจะไม่สามารถเข้าใจเนื้อหาที่ผู้ใหญ่คุยกันได้ทั้งหมด แต่เขาสามารถจับประเด็นของปัญหาได้ และเด็ก ๆ จะพยายามหาข้อมูลเพิ่มเติมด้วยตัวเองเมื่อมีโอกาส อย่างในกรณีของน้องเอที่ยังไม่สามารถเข้าถึงสื่อได้ด้วยตัวเอง ก็เลือกจะหาข้อมูลจากการฟังข่าวและถามจากผู้ปกครอง ส่วนกรณีของน้องบีเลือกที่จะหาข้อมูลด้วยตัวเองผ่าน Social Media ซึ่งแน่นอนว่าข้อมูลเหล่านั้นไม่ได้ถูกต้องทั้งหมด เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดปัญหาใด ๆ ก็ตาม ผู้ปกครองควรจะบอกรายละเอียดและวิธีการแก้ปัญหาให้กับเด็ก ๆ พร้อมกับทำให้เขามั่นใจว่าปัญหานี้จะจบลง เราและเขาจะผ่านมันไปได้อย่างแน่นอน เพื่อป้องกันไม่ให้เด็ก ๆ รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง และเกิดความกังวลมากจนเกินไป ขอบคุณรูปปกจาก : Pixabay