EDM หรือที่ย่อมาจากคำว่า Electronic Dance Music ที่คนไทยเราเริ่มคุ้นหูกันมากขึ้นกับปาร์ตี้แนว EDM อย่าง Watersonic, Together Festival และอีกหลาย ๆ งาน ที่มาบูมมาก ๆ ในไทยในช่วง 5-6 ปีมานี้ หลายคนอาจสงสัยว่า อะไรคือแนวเพลง EDM แล้ว มีที่มาจากไหนEDM คืออะไรEDM ถ้าให้แปลกันลงตัวก็คือเพลงเต้นรำที่ใช้เครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ มีแนวเพลงย่อยมากมาย เช่น House, Drum n Bass, Dubstep, Trap และ Hardstyle ก่อนที่จะมาฮิตแบบทุกวันนี้ เพลง EDM มีเล่นตามไนท์คลับยุค 1980 ไม่มากนัก ต้นกำเนิด EDM ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 นักแต่งเพลงเริ่มพยายามที่จะหาแนวคิดใหม่ ๆ ในการใช้เครื่องดนตรีและการทำเสียงออกมา ให้ได้ซาวด์แบบใหม่ ที่ดูทันสมัย ฟังดูเป็นซาวด์จากอนาคต คนที่ได้รับการกล่าวถึงคนแรก ๆ คือ Delia Derbyshire โปรดิวเซอร์สาวที่ใช้เครื่องสังเคราะห์เสียงในการทำงาน เธอทำเพลงในอัลบั้มชุด An Electric Storm ของวง White Noise ในปี 1969 ที่อาจจะถือได้ว่าเป็นอัลบั้ม EDM ชุดแรก ๆ ที่ได้รับการเอ่ยถึงการมาของดิสโก้จนในยุค 70 แนวเพลงดิสโก้ได้ถือกำเนิดขึ้นมา กระแสลูกแรกของ EDM ก็เกิดขึ้นกับแนวเพลงที่รู้จักในชื่อ Euro dance สำหรับเพลงดิสโก้นั้นคือการผสมผสานระหว่างเพลง Funk, Soul เข้ากับเครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ ในช่วงนี้เองที่เพลงดิสโก้ก้าวสู่กระแสหลัก จนมีการจ้างดีเจมาเปิดแผ่นกันที่ไนต์คลับ แล้วกลายเป็นว่าทุก ๆ คลับต้องมีดีเจเปิดแผ่นทุกที่จนถึงปัจจุบัน ผู้ที่ถือเป็นหัวหอกคือ Giorgio Moroder ที่มีฉายาว่า บิดาแห่งดิสโก้ เขาใช้ซาวด์อิเล็กทรอนิกส์ผนวกเข้ากับบีตสำเร็จรูป การใช้จังหวะซ้ำ ๆ แบบที่เราได้ยินในเพลง EDM ในยุคปัจจุบันนี้ ศิลปินแนวอิเล็กทรอนิกส์ในยุคต้น ๆ ก็เช่น Kraftwerk และ Donna Summer ที่ดูจะมีแนวเพลงแบบ Electro และ House มีการใช้ดรัมแมชชีนอย่าง Roland TR-808 และ TR-909 เพลงเริ่มแตกแขนงจนในยุค 80, 90 เริ่มมีแนวเพลงแตกแขนงเพิ่มมากขึ้นอย่าง House, Industrial, Freestyle และ Techno และเพลงเหล่านี้ก็ได้รับความนิยม และแนวเพลง Acid house และ Rave ก็เริ่มเป็นที่นิยมในเยอรมนีและ UK กลุ่มผู้ฟังเพลงเหล่านี้จะมาปาร์ตี้กันที่โกดังเก็บของและปาร์ตี้ใต้ดิน ที่ถือเป็นก่อร่างสร้างตัวของวัฒนธรรม EDM คนไปเที่ยวคลับจะเที่ยวได้ถึงตี 2 ในสหราชอาณาจักร แต่หลังจากนั้นพวกเขาจะไปปาร์ตี้กันต่อที่โกดังกันตลอดคืนยันเช้า ในช่วงปี 1989 นี้เอง มีคนราวหมื่นคนมายังปาร์ตี้ใต้ดินที่สุดท้ายรู้จักในชื่อว่า Rave ขณะที่ในอเมริกาในยุค 90 ยังอยู่ในวงแคบ ๆ ในอเมริการู้จักในอีกชื่อที่เรียกว่า Electronica ส่วนใน UK ผู้สร้างกระแส EDM ในยุคนี้ได้แก่ The Prodigy, The Chemical Brothers และ Fatboy Slim จนในที่สุดในอเมริกา ผู้ที่ทำให้คนรู้จักเพลง Electronica ในกระแสนิยมหลักคือ Madonna กับอัลบั้ม Ray of Light ในปี 1998 (คำว่า Electronica เลิกใช้กันไปในยุค 2010) ต่อมากลางยุค 2000 กระแสเพลงเต้นรำเริ่มเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมสมัยนิยม มีโซเชียลมีเดียเกิดขึ้น อย่าง YouTube และ SoundCloud ที่ได้ฉีดเชื้อเพลงให้คนสนใจมากขึ้น รวมถึงการมาของเพลง Dubstep นำโดย SkrillexEDM ในปัจจุบันEDM เริ่มเป็นที่นิยมอย่างมากในงานเทศกาลดนตรี และการแสดงสด โปรโมเตอร์เริ่มรวบรวมดีเจชื่อดังมาไว้ในงานเดียวกัน อย่าง Electric Daisy Carnival และ Defqon โดยเน้นย้ำด้วยประสบการณ์ทางแสง สี เสียง ภาพวิดีโอกราฟฟิกต่าง ๆ อย่างตื่นตาตื่นใจ ศิลปินแกนนำในงานเทศกาลดนตรี เช่น Avicii และ Swedish House Mafia ที่รับงานประเภทนี้มากกว่าในไนต์คลับเสียอีก จนในปี 2013 นิตยสารผู้เชี่ยวชาญการจัดอันดับเพลง ได้มีชาร์ตใหม่ที่ชื่อ EDM, Dance/Electronic Songs chart เป็นการตอกย้ำคำว่า EDM ให้ผู้คนคุ้นหูกันมากขึ้น ในปัจจุบัน EDM เริ่มพัฒนา รวมแนวเพลงต่าง ๆ เข้ามาด้วยกัน เริ่มมีดีเจเกิดขึ้นมากมายทุก ๆ วัน เป็นวัฒนธรรมการฟังเพลงที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน เครดิตภาพถ่ายภาพปก ภาพโดย ธนาชัย ปานกลาง จาก Pixabayภาพที่ 1 ภาพโดย StockSnap จาก Pixabay ภาพที่ 2 ภาพโดย Thanks for your Like • donations welcome จาก Pixabay ภาพที่ 3 ภาพโดย Bruno /Germany จาก Pixabay ภาพที่ 4 ภาพโดย StockSnap จาก Pixabay ภาพที่ 5 ภาพโดย Emmanuel Ostrovsky México จาก Pixabay