“เขาช้างเผือก” เรียกได้ว่าเป็นเขาวัดดวงของนักท่องเที่ยวก็ว่าได้ เพราะยากกว่าการพิชิตเขา ก็คือการจองเขาเนี่ยแหละ ต้องดวงดีจริงๆ ถึงจะโทรติด แต่ยังไม่พอต้องดวงดีถึงสองชั้นด้วย เพราะถึงแม้ว่าเราจะได้ขึ้นไปถึงจุดกางเต็นท์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คุณจะได้ขึ้นไปพิชิตยอดเขาช้างเผือก ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวที่โทรจองขึ้นเขาช้างเผือกได้ แต่พอขึ้นไปถึงกลับไม่สามารถเดินบนสันคมมีดได้ เนื่องจากฝนตกทำให้ไม่สามารถเดินได้ แม้ฝนจะตกเพียงเล็กน้อย แต่เจ้าหน้าที่ประเมินแล้วไม่ปลอดภัย นักท่องเที่ยวก็ไม่สามารถขึ้นไปพิชิตยอดเขา และเดินบนสันคมมีดได้ เขาช้างเผือกตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี ต้องโทรจองล่วงหน้า 7 วัน พร้อมส่งชื่อ-นามสกุล เลขบัตรประชาชน และจำกัดจำนวนขึ้นเขาวันละไม่เกิน 60 คน ทางขึ้นเขาจะอยู่ในหมู่บ้านอีต่อง ใช้เวลาในการเดินขึ้นเขาประมาณ 6 ชั่วโมง แต่เราใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง และต้องไปรายงานตัวที่อุทยานประมาณแปดโมงเช้าก่อนขึ้นเขา ถ้าใครที่ไม่มีรถไม่ต้องกังวลไป เรามีสองวิธีแนะนำให้ วิธีแรกนอนที่อุทยานแล้วตอนเช้ารายงานตัวเสร็จ ก็ขอติดรถไปลงที่หมู่บ้าน และวิธีที่สองไปพักที่หมู่บ้านอีต่อง แล้วตอนเช้านั่งรถประจำหมู่บ้านสีเหลืองเที่ยวแรกของวันประมาณตีห้าครึ่ง นั่งรถมาลงที่อุทยาน จากนั้นก็ขอติดรถกลับไปที่หมู่บ้าน ใครสะดวกแบบนั้นก็เลือกวิธีนั้น แต่เราเลือกวิธีที่สองเพราะอยากแวะเที่ยวหมู่บ้านอีต่อง ในหมู่บ้านบรรยากาศดีมากว่างเราจะมาเล่าให้ฟัง เราเริ่มขึ้นเขาช้างเผือกประมาณเก้าโมงเช้า เดินขึ้นเขาเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 10 คน ระหว่างทางจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล แม้ว่าเขาช้างเผือกจะโทรจองยากและมีระยะเวลาการเปิดให้เข้าชมสั้น แต่เขาช้างเผือกก็ยังเป็นหนึ่งเส้นทางเดินป่าในฝันของนักท่องเที่ยวหลายๆคน เพราะเป็นเขาที่มีธรรมชาติที่สวยงาม น่าตื่นตาตื่นใจ เส้นทางเดินไปสู่ยอดเขาช้างเผือกเป็นป่าโปร่งสลับกับทุ่งหญ้า และที่สำคัญที่สุด จุดไฮไลท์ของการเดินทางอยู่ที่ “สันคมมีด” เป็นสันเขาที่สวยงามและน่าหวาดเสียวไปพร้อมกัน ตอนที่เราเดินผ่านสันคมมีด หัวใจเต้นรัวมาก ไม่กล้ามองลงมาข้างล่าง แต่เราไม่กลัวตกเพราะมีเจ้าหน้าที่ดูแลตลอด และคอยบอกว่าเราควรก้าวเท้าไหนก่อนหรือต้องทำยังไง เดินผ่านคมมีดไปได้ เราจะได้เจอวิว 360 องศาบนยอดเขาช้างเผือก วันที่เราไปหมอกหนามากสวยสุดๆ ทำให้เราลืมความเหนื่อยไปเลย ใครที่ได้ไปรับรองว่าไม่ผิดหวังแน่ๆ