อย่างที่ทราบกันดีว่าโรคยอดฮิตอันดับต้น ๆ ที่คร่าชีวิตของผู้คนมามากมายคงหนีไม่พ้น “โรคมะเร็ง” โดยทั่วไปแล้วการรักษามะเร็งจะมีวิธีรักษาได้อยู่ 3 วิธีนั่นก็คือ การผ่าตัด การใช้เคมีบำบัด และรังสีรักษา ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์และการตัดสินใจของผู้ป่วยว่าเหมาะสมกับการรักษาในแบบใดตามชนิดของมะเร็งและระยะของโรค แต่เนื่องจากในบางครั้งถ้าผู้ป่วยเกิดมีก้อนมะเร็งหรือก้อนเนื้ออยู่ใกล้กับจุดสำคัญทำให้การผ่าตัดอาจมีความเสี่ยงสูงเกินไปหรือไม่สามารถผ่าตัดได้เลย อีกทางเลือกหนึ่ง คือ การรักษาด้วยรังสีรักษา ซึ่งในบทความนี้จะไม่ได้กล่าวถึงรังสีรักษาทั่วไป(Radiotherapy) แต่จะขอกล่าวถึง การรักษาด้วย “รังสีศัลยกรรม (Radiosurgery) รังสีรักษาทั่วไปต่างจากรังสีศัลยกรรมยังไง?? ในปัจจุบันเทคโนโลยีการรักษามะเร็งมีการพัฒนาไปได้อย่างก้าวไกลเป็นอย่างมาก โดยเน้นเพื่อที่จะสามารถแก้ปัญหาในการรักษาได้อย่างเฉพาะจุดโดยส่งผลกระทบต่อเนื้อเยื่อใกล้เคียงให้น้อยที่สุด ดังนั้น เราจะมาทำความรู้จักกับรังสีศัลยกรรมกันว่ามันคืออะไร รังสีศัลยกรรมหรือเรียกอีกอย่างว่ารังสีร่วมพิกัด คือ การทำลายก้อนเนื้องอกหรือมะเร็งโดยการฉายรังสีเอ็กซ์ปริมาณสูงไปยังเป้าหมายด้วยความแม่นยำและส่งผลกระทบต่อเนื้อเยื่อใกล้เคียงน้อย รังสีศัลยกรรมต่างกับรังสีรักษาทั่วไปตรงที่ว่ารังสีศัลยกรรมใช้ระยะเวลาในการรักษาระยะสั้น ประมาณ 1-5 ครั้ง (ส่วนใหญ่ไม่เกิน 5 ครั้ง) แต่รังสีรักษาทั่วไปใช้เวลาในการรักษาระยะยาวหลายสัปดาห์รังสีศัลยกรรมมีการใช้ปริมาณรังสีต่อครั้งที่สูงกว่า ซึ่งจากข้อมูลการวิจัยทางการแพทย์พบว่า การฉายรังสีในระยะเวลาสั้น ๆ ด้วยปริมาณรังสีที่สูงมาก ๆ จะสามารถทำลายและฆ่าเซลล์มะเร็งได้ดีกว่า ลดโอกาสการกลับมาเกิดซ้ำ ผลข้างเคียงน้อยกว่าแบบการฉายรังสีทั่วไปรังสีศัลยกรรมสามารถจำกัดรังสีปริมาณสูงให้อยู่เฉพาะบริเวณได้ดีกว่าการฉายรังสีแบบทั่วไปจึงเหมาะกับการรักษาก้อนเนื้อหรือก้อนมะเร็งที่มีขนาดเล็กหรือมีอวัยวะสำคัญอยู่ใกล้ ๆเราได้รู้จักกันไปแล้วว่ารังสีศัลยกรรมคืออะไร มีข้อดีกว่ากว่าแบบทั่วไปอย่างไร แล้วในปัจจุบันการรังสีศัลยกรรมรักษากันอย่างไร?? ทางโรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถได้มีนวัตกรรมการรักษามะเร็งสมัยใหม่ที่ต้องการจะมุ่งเน้นรักษาแบบเฉพาะจุด ด้วยเครื่องมือที่ชื่อว่า “เครื่องฉายรังสี EDGE” เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการรักษาแบบรังสีศัลยกรรมโดยเครื่องชนิดนี้ได้ถูกออกแบบให้ขอบเขตลำรังสีสอดรับกับรูปร่างหรือรูปทรงของก้อนมะเร็งและมีระบบตรวจสอบที่จะทำให้การรักษาถูกต้องและแม่นยำ ซึ่งลักษณะสำคัญของเครื่องมือนี้คือจะมีซี่วัตถุกำบังรังสีจำนวน 120 ซี่ที่สามารถเคลื่อนตัวได้อย่างอิสระโดยแต่ละซี่วัตถุกำบังรังสีจะมีขนาดเล็กมากทำให้สามารถเปิดขอบเขตลำรังสีได้อย่างกระชับสอดรับกับรูปร่าง/รูปทรงของก้อนเนื้อเยื่อที่ต้องการจะรักษา ขณะเดียวกันซี่วัตถุกำบังรังสีเหล่านี้จะช่วยปิดกั้นไม่ให้รังสีไปโดนอวัยวะปกติรอบข้างทำให้อวัยวะรอบข้างโดยรังสีให้น้อยที่สุด รศ.นพ.ประเสริฐ เลิศสงวนสินชัย ผู้อำนวยการฝ่ายดูแลผู้ป่วยโรคมะเร็ง โรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถ กล่าวว่าเครื่องมือนี้สามารถใช้กับมะเร็งในสมองจะเห็นผลที่สุดเพราะมะเร็งบริเวณสมองจะมีความเสี่ยงสูงมากกว่าบริเวณอื่นๆถ้ารักษาด้วยวิธีการอื่นๆอาจจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของสมองได้แต่ถ้าใช้เครื่องฉายรังสี EDGE จะช่วยลดการกระทบกระเทือนและผลกระทบให้น้อยลงได้ และการทำงานของเครื่องนี้ยังสามารถปรับการใช้งานได้หลายเทคนิค สามารถทำการรักษามะเร็งได้หลายชนิด จากข้อมูลที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนี้ การรักษาแบบรังสีศัลยกรรมนี้ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ ที่จะทำให้เพิ่มโอกาสรักษาผู้ป่วยให้อยู่รอด มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและประหยัดเวลาการรักษาเมื่อผู้ป่วยไม่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีการผ่าตัดหรือการให้เคมีบำบัด ซึ่งในปัจจุบันเครื่องมือชนิดนี้ประเทศไทยมีเพียง 2 เครื่อง อยู่ที่โรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถ และโรงพยาบาลรามาธิบดีศูนย์รังสีรักษา โรงพยาบาลมะเร็งกรุงเทพ วัฒโนสถศูนย์รังสีศัลยกรรม คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดลขอบคุณรูปภาพจาก รูปภาพปกโดยนักเขียน / รูปภาพ1 / รูปภาพ2 / รูปภาพ3 / รูปภาพ4 / รูปภาพ5