เวลาที่เราอยู่ในประเทศไทย เราจะพบว่าเราจะเจอหอยแมลงภู่สดบ้าง ไม่สดบ้างตามตลาดสดหรือไม่ก็ตามซุปเปอร์มาร์เก็ต ส่วนใหญ่มักพบว่าหอยที่มีขายในไทยตัวไม่ใหญ่ หากขนาดใหญ่ก็มักจะโฆษณาว่าเป็นหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ (New Zealand) เสียส่วนใหญ่ แต่ที่เมือง ปีเตอร์สเบริ์ก (Petersburg) รัฐอลาสก้า (Alaska) ประเทศสหรัฐอเมริกา เมืองที่อยู่ในภูมิภาคที่เรียกว่า อลาสก้าอินไซด์พาสเสจ (Alaska Inside Passage) จะมีชายหาดแห่งหนึ่ง ชื่อ ว่า หาดแซนดี้ หรือ Sandy Beach ซึ่งแปลความได้ว่าหาดทรายนั่นแหละ ซึ่งชายหาดนี้จะมีหอยแมลงภู่เยอะมาก ตอนที่ไปเที่ยวชมชายหาดของเมืองนี้เราไม่ได้มีความรู้เรื่องว่าหาดนี้มีหอย เห็นแต่ว่าเป็นชายหาดก็เลยอยากไปสำรวจดู นึกภาพว่าคงเป็นแบบหาดบางแสนหรือพัทยาเหมือนบ้านเรา คือ ที่ที่คนไปพักผ่อน ตากอากาศ หรือปิคนิค ตอนไปถึงก็เห็นมีคนจำนวนมากพอควรเดินลึกเข้าไปเกือบถึงริมทะเล สงสัยอยู่ว่าพวกเขามาทำอะไรกัน ริมทะเลมีอะไรเหรอ เห็นมีเด็ก ๆ อยู่จำนวนมากทีเดียว ที่ชายหาดน้ำลดลงไปมาก เราจึงเดินลงไปดูใกล้ ๆ วิญญาณครูเก่าเข้าสิง นึกอยากรู้ว่าพวกเด็ก ๆ มาทำอะไรกัน ตอนแรกสงสัยคิดว่าครอบครัวคงพาเด็กมาเล่นน้ำ หรือปิคนิคเป็นแน่ แต่แล้วก็เห็นว่าที่หาดนี้มีหอยแมลงภู่เกาะติดอยู่ตามโขลดหินมากมาย ตัวเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง เต็มไปหมด และทั้งหมดไม่ใช่เปลือกหอย ไม่ใช่หอยตาย ไม่ใช่ซากหอยที่คนกินแล้วนำมาทิ้งลงทะเล แต่เป็นหอยเป็น ๆ จ้า ... คิดในใจว่า สงสัยคนพวกนี้คงมาเก็บหอยกินแน่เลย ... เพราะถ้าเป็นที่บ้านเราก็คงไม่รอดใช่ไหม หลังจากสอบถามพูดคุยกับพวกผู้ใหญ่ เราจึงรู้ว่า เราคิดผิด แถมคิดไม่ดีอีกต่างหาก เพราะกลายเป็นว่าวันนี้มีนักเรียนอนุบาลและประถม รวมทั้งผู้ปกครอง และครู จำนวนหนึ่งมาทำกิจกรรมพาเด็กมาศึกษาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศน์วิทยาชายทะเล โอ้ ! เข้าทางเลย ... พอรู้ว่าเขามาเรียนรู้นอกสถานที่ ครูเก่าและแก่แล้วอย่างเราเลยใช้โอกาสนี้สัมภาษณ์พูดคุยกับเด็ก ๆ เสียหน่อย สอบถามเด็กหลายคนว่าหอยแมลงภู่นี้เรียกว่าอะไร รู้จักไหม ปล่าว ! ไม่ได้ถามเป็นภาษาไทย แต่ถามเป็นภาษาอังกฤษ เด็กตอบว่า มันคือ มัสเซิลส์ (Mussels) ซึ่งคำนี้แปลเป็นไทยก็คือ หอยแบบหอยแมลงภู่นี่แหละ คือ เป็นหอยกาบหรือหอยสองฝา ที่มีสีเข้มจนดำ พวกเด็ก ๆ เก็บสิ่งที่พบเห็นลงกระป๋องที่แต่ละคนถือมาคนละชิ้นสองชิ้น สังเกตว่าเป็นสิ่งของที่ไม่น่าจะมีอยู่ในทะเล เช่นพวก ถุงพลาสติก พวกเศษโลหะ หรือ กระป๋อง เราสอบถามว่าเอาไปทำไม เขาบอกว่าเอาไปศึกษา ถามต่อไปอีก ได้ความว่า ของพวกนี้ไม่ควรมาอยู่ที่ชายหาด ...ไหมล่ะ ตูว่าแล้วว่า มันเป็นการจัดการศึกษานอกสถานที่ดี ๆ นี่เอง สังเกตว่าพวกเขาไม่ได้เก็บหอยไปด้วย เลยถามว่าทำไมไม่เก็บไป กินหอยแมลงภู่ไหม ทุกคนส่ายหัว ทำหน้าตกใจ ตาโต ตอบว่าไม่ กินไม่ได้ โอ้ ! คนละเรื่องกับบ้านเราเลยจ้า เราบอกเด็ก ๆ ว่า กินได้ ไม่เคยกินเหรอ เขาหัวเราะกันใหญ่ นึกในใจ เออ ! เนอะ คนเราเกิด และใช้ชีวิตอยู่ ต่างประเทศ ต่างเมือง อาหารที่คนประเทศหนึ่งอย่างไทยเรากิน แต่คนที่นี่ไม่กิน เราจึงเห็นชายหาดแห่งนี้มีหอยแมลงภู่มากมาย และไม่มีใครมารบกวนมัน นี่ถ้าเป็นชายหาดบ้านเรา คงเก็บกินกันไม่เหลือหรอ ... เห็นแล้วน้ำลายย้อยเหมือนกัน คิดถึงเตาปิ้ง หม้อนึ่ง และน้ำจิ้มซีฟู้ดขึ้นมาทันที อ่ะ ! นั่นมันเมนูธรรมดา บ้าน ๆ นะ แต่หากใครที่ฝรั่งหน่อย ฝันหรู นี่เลย หอยตัวใหญ่ ๆ ใส่ชีสหอม ๆ แล้วอบให้สุกเกรียมเหลือง โอ้ย !! เห็นภาพ น้ำลายหก ....ขอไวน์ขาวสักแก้วด้วยนะ การที่เราได้ท่องเที่ยวในต่างบ้านต่างเมืองทำให้เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิต สภาพสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม อย่างเรื่องหอยแมลงภู่ที่หาด Sandy Beach และกลุ่มนักเรียน ครู และผู้ปกครองที่มาทำกิจกรรมนี้ก็เช่นกัน เราจะเห็นว่าไม่ใช่ทุกประเทศกินหอยพวกนี้เป็นอาหาร คนแต่ละประเทศจะมีการดำเนินวิถีชีวิต และวัฒนธรรมการกินที่แตกต่างกัน อาหารที่เรากิน เราว่าอร่อย คนที่อื่นอาจไม่กิน หรือกินแต่ไม่ชอบและอาจบอกว่าไม่อร่อย โดยภาพรวมแล้วคนในสหรัฐฯ มักไม่กินอาหารพวกหอย แม้แต่หอยนางรม ที่เราว่าอร่อยและราคาแพง แต่อาหารพวกหอยก็ยังมีขายในซุปเปอร์มาร์เก็ตบ้าง ทั้งนี้เพราะในสหรัฐฯ มีคนต่างเชื้อชาติที่เข้าไปอาศัยอยู่จำนวนมาก คนหลายชาติกินหอย หรืออาหารบางอย่างที่คนอเมริกันไม่กินอย่างเช่น พวกเครื่องในสัตว์ เป็นต้น