ก่อนอื่นท้าวความก่อนเลยนะครับว่าครั้งที่แล้วผมได้เขียนบทความการท่องเที่ยวมาเลเซีย ในเมืองกัวลาลัมเปอร์ และเมืองปุตราจายา ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนที่สนใจเที่ยว สามารถไปตามอ่านกันได้นะครับ ส่วนสำหรับวันนี้ผมอยากจะมาแชร์ประสบการณ์การเที่ยวของผมในเมืองรองของมาเลเซียกันบ้างครับ ซึ่งเมืองรองนี้ก็ไม่ได้น้อยหน้าเมืองหลักอย่างกัวลาลัมเปอร์เลยครับ เมืองรองที่ผมพูดถึง และผมได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวนั่นก็คือ เมืองมะละกา และเกาะปีนังครับ พอพูดมาขนาดนี้หลายคนก็คงจะอ๋อเลยใช่ไหมครับ เพราะทั้ง 2 เมืองนี้หลายคนอาจจะคุ้นหูกันมาบ้างแล้ว แต่ยังอาจจะไม่รู้จัก หรือยังไม่เคยได้มีโอกาสไปเที่ยว ผมเลยจึงขอใช้โอกาสนี้ได้แชร์จากประสบการณ์ของผมที่ได้ไปเที่ยวมาในบทความ "เที่ยวเมืองรองในมาเลเซีย มะละกา - ปีนัง สวยกว่าที่คิด" โดยผมต้องบอกก่อนเลยนะครับว่าผมได้เที่ยวในกัวลาลัมเปอร์แล้วเเละบทความนี้เป็นบทความแยก เที่ยวเฉพาะเมืองรองของมาเลเซียครับ จะมีรายละเอียดอะไรกันบ้างมาดูกันเลยครับ มะละกาจ๋า พี่มาแล้ว.... เริ่มต้นเดินทางด้วยการมาที่สถานีขนส่งผู้โดยสารเบอร์เซอปาดูเซอลาตัน (Terminal Bersepadu Selatan ฺ) โดยสถานีนี้คนทั่วไปจะเรียกสั้น ๆ ว่า TBS ในกัวลาลัมเปอณ์มีสถานีรถบัสหลายสถานีนะครับ ผมไม่รู้ว่าที่อื่นมีรถไปมะละกาไหม แต่มาขึ้นที่สถานีนี้ชัวร์กว่าครับ เพราะว่าเป็นสถานีหลักและสถานีใหญ่ของกัวลาลัมเปอร์ครับ การมาก็แค่นั่งรถไฟฟ้าลงสถานี Bandar Tasik Selatan แล้วก็เดินมาตามทางเดินได้เลยครับ ภายในสถานีของที่มาเลเซียอารมณ์จะออกหรู ๆ หน่อยครับ บรรยากาศเหมือนสนามบิน ที่นี่นะครับผมบอกเลยว่ามาเลเซียรถจะออกตรงเวลามากครับ ไม่เหมือนหมอชิตบ้านเรานะครับ ที่ผู้โยสารไม่ครบรออีก นาทีไม่เป็นไรหรอก ใช้ไม่ได้กับที่มาเลเ.ียนะครับ เพราะผมเจอมากับตัว คือการหลับไม่ตื่นตามนาฬิกาปลุก ง่าย ๆ คือตกรถ คือไปถึงที่สถานีตรงเวลานะครับ แต่เข้าเกทหรือช่องที่ไปขึ้นรถไม่ทัน สายแค่ 3 นาทีนะครับ ย้ำว่า 3 นาทีนะครับ รถคืออกไปแล้วครับ สรุปคือจะไปเที่ยวมะละกาคือผมตกรถ 2 รอบ รอบเเรกที่เขียนในบทความแรกที่ขึ้นรถไฟผิดสาย รอบที่ 2 คือตื่นสาย แผนถัดมาคือการซื้อตั๋วรถใหม่ โดยที่จะไม่เปลี่ยนไปเที่ยวในวันถักไป เพราะผลัดมาหลายวัน บวกกับความสับเพร่าของตนเอง จึงตัดสินใจซื้อตั๋วใหม่แล้วออกเดินทางเลยครับ การตัดสินใจแบบนี้มีข้อดีคือเราได้ไปเลย โดยที่ไม่ต้องสนใจอะไรอีกแล้ว ส่วนข้อเสียคือมีเวลาน้อยมาก ๆ ที่ได้เที่ยวมะละกา (ประมาณ 5 ชั่วโมง) แต่ก็ต้องยอมละครับ จะเก็บให้ได้มากเท่าที่จะมากได้นะครับ นี่คือตั๋วรถไปมะละกาครับ ที่เห็นนั่นคือรวมตั๋วที่ตกรถด้วยนะครับ เราใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง จากกัวลาลัมเปอร์ก็ไปถึงสถานีขนส่งของมะละกาครับ สถานีนี้ผมไม่ได้ถ่ายรูปไว้นะครับ เพราะผมมีเวลาค่อนข้างที่จะจำกัด แต่วิธีการที่ผมจะบอกเพื่อนว่าถ้าจะไปเที่ยวตรงที่คนเที่ยวเยอะ คือ 1. หารถบัสป้ายเลข 17 2. ขึ้นไปลงตรงที่มีวงเวียน และตึกสีแดงครับ ไม่แน่ใจก็ลงตรงที่คนเอยะ ๆ ลงเลยครับ 3. รถหมด 5 ทุ่ม เพราะฉะนั้นเที่ยวระวังด้วยนะครับ ลงตรงนี้ครับ ตามรูป ตรงที่เราลงส่วนมากคนจะเรียกคริสจักรแดงครับ ถนนเส้นนี้อารมณ์เดินที่ยวสบาย ๆ เหมือนในรูปครับ วันที่ผมไปฝนกำลังจะตก ถ่ายรูปออกมาก็จะไม่ค่อยสวย ยังไงก็ขออภัยด้วยครับ โดยถนนเส้นนี้จะเป็นเส้นหลัก แล้วจะมีถนนย่อย ๆ แตกแยกออกไปอีก สำหรับใครมีเวลาเดินเที่ยวเยอะ สามารถเดินได้ทั่วเลยนะครับ และถนนเส้นนี้ก็ยังไม่วายมีร้านขายเสื้อผ้าเเบรนด์ให้คนมาเลือกซื้อครับ แต่ส่วนมาคนที่มาที่นี่จะไม่ค่อบเร่งรีบครับ ตามสไตล์ผมเลยครับ เที่ยวแบบสโลว์ไฟล์ มะละกาตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีครับ อารมณืแบบเป็นเมืองท่า ติดทะเล ลมทะเลก็ตีเข้ามาอยู่ตลอดและบวกกับตึกต่าง ๆ ที่มีสถาปัตยกรรมของยุโรปเข้ามาด้วย มันให้ความรู้สึกที่ดีไปหมดเลยครับ จนผมมาตื่นตากับรถแบบนี้ครับ ตามรูป รถแบบนี้สำหรับผม ผมไม่เคยเห็นที่ไทยนะครับ ถ้าในไทยมีรบกวนเพื่อน ๆ แชร์ข้อมูลให้ผมดูหน่อยนะครับ อารมณ์จะออกแนวรถม้าหรือสามล้อบ้านเราครับ แต่บ้านเราไม่มีการตกแต่งแบบนี้ ใช่ไหมครับ? จึงถือว่าเป็นจุดเด่นของที่นี่เลยครับ เพราะสามารถดึงดูด (ล่อ) นักท่องเที่ยวต่างชาติได้เป็นอย่างดี ใครมีเวลาสามารถเช่าแล้วนั่งชมเมืองแบบชิว ๆ ได้เลยนะครับ ราคาไม่แพงด้วยแต่ผมจำไม่ได้ว่าเท่าไหร่ เพราะแอบไปพูดคุยกับลุง ๆ ที่ขับ แต่บอกได้เลยว่าไม่แพงครับ เดินมาตั้งนานและแดดก็เผาผิวเป็นอย่างมาก เลยหาไอติมกินคลายร้อนครับ รสชาติก็แบบไอติมกะทิบ้านเราครับ แต่ทำไมถึงอร่อยไม่รู้ พอได้ไอติมคลายร้อน ผมเดินหน้าเที่ยวกันต่อครับ และมันก็ทำให้ผมได้รู้ว่ามะละกาคือเมืองในฝันของผม ผมมาที่นี่แค่ 1 ชั่วโมง มันทำให้ผมหลงรักความเป็นเมืองนี้มาก ๆ คือผมไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ทั้งหมด แต่บรรยากาศของเมืองอันเงียบสงบ บวกมันลมทะเลตีขึ้นฝั่ง ได้กลิ่นไอเค็มของทะเลที่ตีมาโดนจมูกเรา กับวิวที่ผสมผสานความเป็นวัฒนธรรมฝั่งยุโรปกับของมาเลเซียเอง มันเป้นความรู้สึกที่บอกไม่ถูกครับ เเละมันเป็นสิ่งที่ผมคิดผิดมาจนถึงปัจจุบันว่าผมมีเวลาเที่ยวที่มะละกาน้อยไป และทำไมผมไม่ทำทริปที่นอนมะละกา นั่นเป็นสิ่งที่ผมคิด และยังไม่มีเวลาที่กลับไปที่นั่นครับ ความรู้สึกที่ผมว่าเป็นยังไงไปดูรูปครับ บ้านเมืองที่ดูจะวุ่นวายแต่ไม่วุ่นวาย และสามารถถ่ายรูปตรงไหนก็ได้ ที่คุณคิดว่าถ่ายแแล้วออกมาสวย เห็นสวย ๆ อย่างนี้ อย่าเที่ยวแล้วลืมดูเวลาเหมือนผมนะครับ เพราะถนนเส้นที่เราอยู่นั่นใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมงเลยนะครับที่จะกลับไปยังสถานีรถบัส ไม่ใช่ไกลนะครับ แต่รถติด ติดมาก ผมเกือบจะต้องเอาตั๋วมาทิ้งไว้ที่นี่อีกแล้ว คือถนนมันแคบและรถจอดข้างทางเยอะ และคนก็เดินข้ามถนนไปมาเลยทำให้รถติดครับ ส่วนใครที่ไม่อยากขึ้นรถเมล์ ก็เรียกแกรบหรืออูเบอร์ได้เลยครับ ใช้เวลาประมาณ 15 - 20 นาที ถ้าได้คนขับดีหน่อยอย่างผมนี่ไม่ถึง 15 นาทีครับเพราะบอกว่าพี่คนขับว่ารีบให้เร็วที่สุดเพราะจะตกรถ(อีกแล้ว) พอมาถึงนี่วิ่ง 4 คูณ 100 เลยครับ หาช่องขึ้นรถ พอขึ้นรถยังไม่ทันได้นั่ง คนขับปิดประตูแล้วออกทันที อย่างที่ผมบอกว่าทีมาเลเซียนั้นตรงเวลามากนะครับ ย้ำว่าตรงแบบตรงเลย ไม่เผื่อนะครับ หลังจากขึ้นรถก็หลับเป็นตาย แล้วเดินทางถึง TBS สถานีรถบัสที่กัวลาลัมเปอร์อย่างสวัสดิภาพครับ เป็นยังไงกันบ้างสำหรับทริป มะละกา 1 วันก็เที่ยวได้ เที่ยวได้จริง ๆ ครับ แต่เก็บความรู้สึกในการเที่ยวมะละกาไม่ครบ ถ้าให้ผมเเนะนำสำหรับคนที่กำลังวางแผนไปเที่ยวมะละกา จากคนที่มีประสบการณ์ตรง ให้เที่ยวและอยู่ไปเลยครับ สัก 1 - 2 วัน อยู่ได้นานกว่านี้ถือว่าดีครับ เพราะคุณจะหลงรักมะละกาเหมือนที่ผมหลงรักแน่ ๆ แต่ถ้าใครที่เที่ยวแบบต้องเก็บให้ครบ มาที่นี่ก็ได้ครับ แต่จะได้อีกโหมดที่ผมพูดถึง ถ้ามาที่นี่ต้องมาแบบสไลว์ไลฟ์ นั่งและนอนรับบรรยายของเมือง ออกไปเที่ยวบ้าง เดินบ้าง ไม่เร่งรีบ จะได้ฟีลลิ่งแบบสุด ๆ ครับ อีกอย่างคือถ้าใครไม่มีเวลาเหมือนผม และต้องการที่จะเที่ยว 1 วันเหมือนผมก็แบ่งเวลาดี ๆ นะครับ เพราะมะละกาจะทำให้เวลาของคุณเดินเร็วมากครับ ท้ายสุดนี้สำหรับใครที่มีสถานที่ในมะละกาที่เคยไปและอยากที่จะแชร์กับผมก็มาแบ่งปันกันได้นะครับ สำหรับวันนี้ขอบคุณทุกคนที่อ่านกันจนจบครับ ภาพประกอบทั้งหมดเป็นของนักเขียน -ปีกแมลงไหม-