เที่ยวอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ปกติผู้เขียนไม่ค่อยได้มีโอกาสไปเที่ยวทะเลบ่อยนักเพราะอาศัยในภาคเหนือแต่ช่วงต้นปี 2563 มีเหตุต้องได้ไปเที่ยวทะเลเพราะลูกๆมีวันหยุดหลายวันจะไปเที่ยวพักผ่อนที่ทะเลกันและอยากให้พ่อไปด้วย คุยกันจนได้ข้อสรุปว่าจะไปทะเลฝั่งอันดามันเพราะผู้เขียนไม่เคยไปตกลงว่าจะไปพักที่เขาหลัก จังหวัดพังงาและตระเวณเที่ยวใกล้ๆที่พักเนื่องจากเรามีเวลาเพียงสั้นๆ 4 วัน 3 คืนเท่านั้น (ผู้เขียนลางานได้เพียง 4 วัน) ทริปที่ผู้เขียนประทับใจในวันหยุดนี้คือการไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ โดยซื้อทัวร์จากบริษัท Love Andaman ในราคาคนละ 2,000 บาท รวมค่าอาหาร รถรับส่ง ค่าเรือ ค่าเข้าอุทยานเบ็ดเสร็จ นับว่าสะดวกและคุ้มค่ามาก นักท่องเที่ยวโดยสารเรือเร็วไปยังอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 30 นาที บริษัทส่งรถตู้มารับเราที่โรงแรมตั้งแต่หกโมงเช้า ในรถตู้มีเพื่อนร่วมทริปอีกหลายคนส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ เมื่อเดินทางมาถึงท่าเรือทับละมุหลังจากรับประทานอาหารเช้าแล้วมีการชี้แจงกฎกติกาการเข้าชมอุทยานแห่งชาติ ในคณะของเรามีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางไปด้วยครอบครัวหนึ่ง ดูเขาพยายามอยู่แบบเงียบๆที่สุดเพราะช่วงนั้นไวรัสโควิต 19 กำลังระบาดอย่างรุนแรงที่จีน เขาคงกลัวว่าพวกเราจะรังเกียจ เราเดินทางโดยเรือเร็วใช้เวลาเดินทาง 1 ชั่วโมง 30 นาที นักท่องเที่ยวบางคนมีอาการเมาเรือเล็กน้อยรวมทั้งผู้เขียนด้วย กิจกรรมแรกที่มาถึงอุทยานคือดำน้ำตื้นชมปะการัง มีจุดดำน้ำ 3 จุด คือ อ่าวเต่า(ชายหาดเป็นที่เต่าขึ้นวางไข่) อ่าวแม่ยายและอ่าวนีโม่ (มีปลาการ์ตูนนีโมจำนวนมาก) การดำน้ำของผู้เขียนครั้งนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต รู้สึกลำบาก กลัวจะสำลักน้ำ กลัวโน่นนี่สารพัด แต่พอใส่อุปกรณ์ดำน้ำแล้วลงดำน้ำจริงๆมันก็สบายๆนะเพียงแต่เราหายใจออกทางปากเท่านั้น เรื่องจมน้ำก็ไม่ต้องกลัวเพราะใส่ชูชีพอยู่แล้ว เจ้าหน้าที่ในทีมนำเที่ยวบอกว่าแค่ทำตัวนิ่งๆมันก็จะลอยเองอยู่แล้ว อย่าเกร็ง อย่าตกใจ น้ำก็ไม่ได้ลึกมาก ภาพเมื่อเราดำลงไปใต้ทะเลคือโลกอีกหนึ่งโลกเลย งดงามด้วยปะการัง สัตว์น้ำนานาชนิด สวยงามมาก เคยเห็นแต่ในรายการสารคดีโทรทัศน์แต่นี่คือของจริง สิ่งที่สร้างความฮือฮาแก่นักท่องเที่ยวคือปลาการ์ตูนนีโม มีจำนวนมากเลยที่เดียว ธรรมชาติใต้ท้องทะเลที่นี่ยังสมบูรณ์อยู่มาก การดำน้ำตื้นชมปะการังบริเวณอ่าวเต่า ถ่ายภาพบริเวณป้ายอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ก่อนถึงที่ทำการอุทยาน ทิวทัศน์ทะเลเมื่อมองจากหาดทรายน้อยด้านหลังที่ทำการอุทยาน หาดทรายน้อยหลังที่ทำการอุทยานฯน้ำทะเลใสมาก มีปลาเล็กๆแหวกว่าให้เห็นโดยทั่วไป ช่วงช่องแคบระหว่างเกาะ มีเรือประมงค์พื้นบ้านทอดสมอให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูป เมื่อขึ้นเกาะที่เป็นที่ทำการอุทยานในเวลาเที่ยงแล้วเรามีเวลารับประทานอาหารกลางวันและพักผ่อนบนเกาะราว 2 ชั่วโมง อาหารกลางวันเป็นบุปเฟต์ทำโดยชาวเกาะในท้องถิ่น จากนั้นเที่ยวชมรอบๆเกาะ ที่นี่น้ำใสมากทะเลสะอาดมาก นักท่องเที่ยวมีไม่มากเท่าไร ราวบ่ายโมงเดินทางต่อไปยังหมู่บ้านชาวมอแกน ขึ้นฝั่งชมบ้านที่ปลูกเรียงรายอย่างเป็นระเบียบ ทราบว่าก่อสร้างขึ้นใหม่หลังจากเกิดอัคคีภัยในหมู่บ้านไม่นาน ชาวบ้านทำอาชีพประมงและทำสินค้างานฝีมือจำพวกกำไล สร้อย ของที่ระลึกขายนักท่องเที่ยว ที่นี่มีศูนย์เรียนรู้ชุมชนชาวไทยมอแกน(กศน.) เป็นอาคารเรียนเล็กสำหรับเด็กๆในหมู่บ้าน ชาวบ้านที่นี่ส่วนใหญ่นามสกุลกล้าทะเล แม้จะพูดภาษาไทยได้เพียงเล็กน้อยบางคนพูดไม่ได้เลยแต่ทุกคนก็ยิ้มแย้มแจ่มใสต้อนรับนักเที่ยวอย่างน่าประทับใจ เรือนำเที่ยวจะจอดด้านทิศเหนือ ห่างจากหมู่บ้านชาวมอแกรราว 300 เมตร ลักษณะบ้านของชาวมอแกนมีโครงสร้างจากไม้ กรุด้วยใบไม้อย่างง่ายๆ มีลักษณะเหมือนกันทุกหลัง มีการวางผังบ้านอย่างเป็นระเบียบ ทางเดินระหว่างบ้านเป็นจุดขายของให้นักท่องเที่ยว บ้านชาวมอแกนทุกหลังจะหันหน้าออกสู่ทะเล จุดศูนย์รวมใจของหมู่บ้าน คล้ายศาลหลักเมือง มีนิทรรศการประวัติความเป็นมาของชาวมอแกนให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษา ศูนย์เรียนรู้ชุมชนของการศึกษานอกโรงเรียน เป็นโรงเรียนของรัฐประจำหมู่บ้าน ถ่ายภาพร่วมกันก่อนเดินทางกลับ โปรดสังเกตทรายร้อนมากยืนได้ไม่เต็มเท้า รองเท้าของเราถูกเก็บตั้งแต่ตอนลงเรือเร็ว การเดินทางครั้งนี้เท้าเปล่าตลอดทริป จากนั้นเดินทางกลับใช้เวลาอีกประมาณชั่วโมงครึ่งถึงท่าเรือทับละมุราวห้าโมงเย็น กินอาหารเย็นที่บริษัทจัดเตรียมไว้ให้แล้วรถมาส่งที่โรงแรมเป็นอันจบทริปพิเศษวันนี้ เป็นทริปที่ไม่ลำบากจนเกินไปสำหรับคนอายุมากสิ่งใดที่ไม่เคยทำก็ได้ทำในวันนี้ ที่สำคัญเป็นการใช้วันหยุดร่วมกันกับคนในครอบครัวเป็นช่วงเวลาที่มีค่าที่สุด ภาพถ่ายโดยผู้เขียน