สวัสดีครับเพื่อน ๆ ทุกคน วันนี้ผมจะพาเพื่อน ๆ ทุกคนไปเที่ยวกันที่ จ.พัทลุง ซึ่งเป็นเมืองรองที่มีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย และเริ่มเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ วันนี้เรามีเวลาเที่ยวพัทลุงเพียง 1 วันเท่านั้น แต่ไม่เป็นไรครับ เราจะใช้เวลาที่มีให้คุ้มค่าที่สุด ไปกันเลย เราเริ่มต้นวันด้วยสายฝน ฝนตกมาทักทายเราตั้งแต่เช้าด้วยความชุ่มฉ่ำ แต่ไม่เป็นไร ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับเราครับ เมื่อฝนหยุด ก็ได้เวลาเที่ยวแล้ว ที่เที่ยวที่แรกของเรา คือ วังเจ้าเมืองพัทลุง ตั้งอยู่ที่ ต.ลำปำ อ.เมือง จ.พัทลุง วังเจ้าเมืองพัทลุงตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองพัทลุงประมาณ 8 กิโลเมตรเท่านั้นครับ หากมาจากหาดใหญ่ ให้เลี้ยวขวาทางเข้าตัวเมืองพัทลุง และขับตรงไปเรื่อย ๆ มีป้ายทางบอกเส้นทางตลอด ซึ่งเป็นทางเดียวกับทางไปชายทะเลลำปำ จะถึงก่อนถึงชายทะเลประมาณ 2 กิโลเมตร ตั้งอยู่ขวามือครับ ขับมาแป๊บ ๆ ถึงจุดหมายปลายทางแล้วครับ ขอย้อนประวัติความเป็นมา เพื่อเป็นประโยชน์ทางประวัติศาสตร์แก่เพื่อน ๆ ครับ วังแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เป็นลักษณะเรือนไทยแฝด 3 หลัง ยกใต้ถุนสูง จั่วขวางตะวัน เรือนหลังที่ 1 และหลังที่ 2 ทำเป็นห้องนอน ด้านหน้าห้องนอนสร้างเป็นห้องโถงติดกัน ถัดออกไปเป็นชานขนาดเล็กต่อไปยังเรือนครัว ใช้ไม้ในการสร้างทั้งหมด ปัจจุบันเทศบาลเมืองพัทลุงได้ปรับปรุงและเปิดให้เข้าเยี่ยมชมได้ เชิญทุกคนเข้าชมภายในวังเก่าได้เลยครับ ผมเดินเข้าไปชมบริเวณภายในอย่างเงียบ ๆ ด้วยความรู้สึกอบอุ่นใจอย่างไรบอกไม่ถูก เหมือนได้ย้อนอดีตกลับไปสู่ยุคสมัยนั้น ด้านหลังของวังติดกับคลองลำปำ ที่ยังคงมีวิถีชีวิตชาวบ้านที่หาปลาในคลองลำปำ เพื่อเป็นรายได้เลี้ยงครอบครัว ผมไม่ลืมที่จะบันทึกภาพความประทับใจไว้มากมายหลายรูป นั่งอยู่ในวังสักพัก ก็ถึงเวลาที่ต้องเดินทางต่อ จริงๆ แล้ว บริเวณ ต.ลำปำ ยังมีที่เที่ยวที่เป็นที่รู้จักอีก 2 แห่งคือ ชายทะเลลำปำ ซึ่งเป็นทะเลที่สวย มีชื่อเสียงมานาน อีกที่หนึ่งเป็นร้านกาแฟ ชื่อ โรงคั่วกาแฟสวนไผ่ แต่น่าเสียดายด้วยเวลาที่จำกัด เลยไม่ได้แวะเวียนไปเที่ยว แต่ไม่เป็นไร ไว้โอกาสหน้า ผมได้แวะมาอีกแน่นอน และจะมารีวิวพาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวด้วยกันนะครับ ออกจากวังเจ้าเมืองเพื่อไปเที่ยวต่อด้วยฟ้าครึ้ม ๆ ระหว่างทางเราขับผ่านภูเขาอกทะลุ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ประจำจังหวัดพัทลุง พื้นที่ตรงกลางของภูเขาลูกนี้ทะลุจริง ๆ ตามภาพเลยครับ ขับมาเรื่อย ๆ ตั้งค่า GPS ไปพาเราไปถึงที่ ที่นี่ครับ "เรื่องเล่ากับข้าวยามเย็น" ตั้งอยู่บนถนนบายพาส ซึ่งเป็นถนนที่สร้างขึ้นใหม่ เป็นถนนเลี่ยงถนนสายหลักในตัวเมืองที่มีความแออัด ถนนนี้มีขื่อว่าถนนมโนห์ราครับ และแล้วเราก็มาถึงจุดหมายที่ 2 ผมไปถึงหน้าประตูประมาณ 4 โมงเย็น แต่ที่นี่เปิดให้บริการ 16.30 น. ตายละวา มาถึงซะเร็วเชียวเรา แต่ไม่เป็นไร ผมลงจากรถเดินเล่นรอบ ๆ แถวนี้ไปก่อน บริเวณรอบ ๆ พื้นที่ตรงนี้ยังคงเป็นธรรมชาติอยู่มาก ถึงแม้จะเริ่มมีอาคารพาณิชย์ ตึก หรือร้านค้าที่ค่อย ๆ เพิ่มจำนวนขึ้น และแล้วผมก็ได้พบกับภาพตรงหน้า ซึ่งผมชอบมาก เป็นแอ่งน้ำเล็ก ๆ มีต้นไม้อยู่ตรงกลาง และมีความคอนทราสต์คือ ติดกับถนนใหญ่เลยทีเดียว เสียดายอย่างหนึ่งว่าฟ้ายังคงครึ้ม ไม่มีแสงสวย ๆ แต่สำหรับผม ภาพที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ สวยที่สุดแล้ว ผมเดินกลับมาที่จุดหมายปลายทางเดิม เรื่องเล่ากับข้าวยามเย็น เริ่มมีคนทะยอยเข้ามา แต่ไม่มากนัก จากการสอบถามแม่ค้าที่นั่นแจ้งว่า ส่วนใหญ่เขาจะมากันตอนค่ำ ๆ เนื่องจากจะมีแสง สี เสียง มีการเปิดไฟประดับสวยงามทั้งบริเวณพื้นที่ และบนชิงช้าสวรรค์ ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่ แต่ไหน ๆ ผมก็มาถึงจุดหมายที่ผมต้องการแล้ว ไม่ว่าจะยังไง ณ ตอนที่มาถึงก็ดีใจแล้วครับ ชื่นชมบรรยากาศไปสักพัก ท้องเริ่มหิว เหมือนจะเตือนว่าได้เวลาอาหารเย็นแล้ว ด้านในมีอาหารให้เลือกหลากหลาย กินคนเดียว อิ่มคนเดียวเลยครับ หลังจากกินอิ่มแล้วก็เริ่มง่วง เลยว่ากลับไปพักผ่อนดีกว่า ออกเที่ยวตั้งแต่เช้า ผมจองโรงแรมไว้ชื่อโรงแรมชัยคณาธานี อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ขับรถไม่ถึง 5 นาทีก็ถึงแล้ว ชัยคณาธานี เป็นโรงแรมขนาดกลาง ไม่เล็กไม่ใหญ่ มีที่จอดรถภายบริเวณโรงแรมเป็นสัดส่วนดีครับ ลักษณะโรงแรมยังใหม่ สะอาด ราคาไม่แพง ด้านหน้ามีร้านอาหาร ร้านกาแฟพร้อมให้บริการแก่นักท่องเที่ยว บนห้องพักกว้างกำลังดี มีระเบียงเล็ก ๆ ออกมาชมบรรยากาศด้านนอก ผมยืนมองวิวเมืองพัทลุงจากชั้น 3 ลมพัดเย็น ๆ พร้อมกาแฟ 1 แก้ว มีความสุข และรู้สึกคุ้มค่ากับเวลาที่ได้ใช้ไปวันนี้ หลังจากนั้นก็ได้เวลาพักผ่อน จบทริปพัทลุงวันฟ้าครึ้ม 1 วันเต็ม มาพัทลุงครั้งนี้ ผมมีเวลาเพียงน้อยนิด แถมฟ้าฝนยังไม่ค่อยเป็นใจ แต่ผมสัญญากับตัวเองไว้ว่าจะต้องกลับมาอีกแน่นอน เพราะยังมีสถานที่เที่ยว ที่กินอีกหลายที่ ที่ยังไม่ได้ไปเยือน แล้วผมจะกลับมาอีกครั้ง...