ฉันมาเยี่ยมญาติ ๆ ที่พัทลุง มาถึงที่นี่ช่วงบ่ายแก่ ๆ ใกล้เย็นแล้ว ญาติพาไปเช็คอินเข้าพักในโรงแรมแห่งหนึ่งแล้วขึ้นรถ ดูวิวทิวทัศน์ข้างทางไปเรื่อย ๆ ผ่านสถานที่ที่ชวนให้ลง"เที่ยว" อยู่ 2-3 ที่ แต่ฉัน เซย์ "No" มาตลอด จนมาเซย์ "Yes!" เมื่อพวกเขาบรรยายสรรพคุณให้ฟังถึงหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวของพัทลุง "นาโปแก" เมื่อมาถึง ฉันยืนมองรอบ ๆ บริเวณ ตรงทางเข้าอยู่ครู่หนึ่ง แล้วนึกสนุกกับอะไรบางอย่าง ฉันอยู่ในวัยที่เรียกว่า "กลางเก่ากลางใหม่" วัยกลางคน ที่เคยอยู่ในอดีตของผู้คนในยุคปัจจุบัน และกำลังเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่มาพร้อมกับเด็ก ๆ ในยุคนี้ เพราะฉะนั้น หลายเรื่องราวที่เป็นของใหม่สำหรับคนยุคนี้ เพราะเกิดไม่ทัน คือความธรรมดาสามัญ ที่ฉันคุ้นชินมาตั้งแต่วัยเด็ก … เอาแบบไม่ต้องเปิดตำรากันเลยนะคะ ภาพรวมของนาโปแก คือ ส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของคนพัทลุงสมัยก่อน ยุคคุณทวด คุณตาคุณยายของคนที่เพิ่งเกิดในยุคนี้ … ฉันจะไม่เริ่มที่ทางเข้า แต่จะเริ่มที่นาข้าว ที่บอกให้รู้ถึงหนึ่งในอาชีพของคนพัทลุง … ทำนา เมื่อมีนาก็ต้องมีควาย เพราะคนสมัยก่อน จะทำการพลิกฟื้นหน้าดิน ด้วยการใช้ควายลากคันไถให้ครูดลึกลงไปในดิน เป็นการพรวนดินให้ร่วนซุย ง่ายแก่การเพาะปลูก ฉันเจอควายฟางอยู่ตรงทางเข้า ญาติฉันช่วยเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ … ฉันจะกล้าปฏิเสธได้ยังไง เธอเพิ่งจ่ายค่าโรงแรมให้ฉันเมื่อสักครู่ที่ผ่านมานี้เอง … ต่อด้วยภาพอะไรดี … นี่เลย ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว ข้องจับปลา … แต่ที่ฉันเห็นตรงหน้า มันน่าจะเป็นสุ่มมากกว่าข้อง … เอาเป็นว่า ฉันขอเรียกสิ่งที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าว่า "สุ่ม" ก็แล้วกัน สุ่มเป็นเครื่องมือจับปลาน้ำตื้น ตรงไหนที่ปลา ตัวขนาดที่คุณหมายตาว่ายอยู่ ก็เอาสุ่มครอบลงไปตรงบริเวณนั้น เพื่อดักปลาไว้ในสุ่ม แล้วเอามือล้วงเข้าไปในสุ่มจากด้านบนที่เปิดไว้เป็นช่องวงกลม แล้วควานหาปลาที่อยู่ในนั้นออกมา อีกภาพที่สะดุดตา … ขนำ..กระท่อมน้อยกลางทุ่งนา ที่บางหลังก็ยังคงเป็นขนำ ส่วนบางหลังก็ได้รับการดัดแปลงไปเป็น หอกระจายข่าว ร้านค้า ร้านกาแฟ และ ป้อมปราการที่สร้างขึ้นในรูปแบบของขนำ 2 ชั้น ทำให้ตัวอาคารค่อนมาทางรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ฝาผนังทั้ง 4 ด้านเปิดโล่ง เรื่องขนำ เป็นเรื่องที่พูดได้ยาวอยู่เหมือนกัน ขนำเป็นที่พักที่มีเสน่ห์ มีอัตลักษณ์เฉพาะตัว ถ้าเศรษฐีมีบ้านพักร้อนเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ ขนำก็ถูกสร้างขึ้นไว้บริการชาวนา ด้วยเหตุผลที่ไม่ต่างกันเท่าไหร่นัก บนพื้นที่นาขนาดใหญ่ คงไม่สะดวกนักที่จะกลับไปบ้านในช่วงพักระหว่างวัน ร่มเงาใต้โคนต้นไม้ใหญ่ ที่มีสายลมเย็นพัดผ่านช่วยคลายร้อน คลายเหนื่อย น่าจะเป็นที่มาของสิ่งที่ดีกว่า ขนำน้อยกลางท้องนา ฉันว่า "ขนำ" เป็นเรือนแรม (ที่พักชั่วคราว)ที่มีอนาคต เพราะขนำไม่ได้มีเฉพาะในท้องนา ทุกสวนที่ฉันไปมาในภาคใต้ ล้วนมีขนำทั้งสิ้น ถ้ามีห้องน้ำอยู่ในขนำ แล้วเพิ่มความสะดวกสบายเข้าไปอีกสักนิด ตกแต่งด้วยสไตน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของชุมชนที่ขนำหลังนั้นตั้งอยู่อีกสักหน่อย … ขนำจะกลายเป็นเรือนรับรองที่หลายคนจะต้องตกหลุมรักและมีแขกมาเยี่ยมเยือนชนิดหัวบันไดไม่แห้ง เลยทีเดียวล่ะคะ("หัวบันไดไม่แห้ง"ขอหยิบคำเก่า ๆ มาใช้บ้าง เพื่อไม่ให้สูญหายไปนะคะ) อีกอย่างที่ฉันอยากจะพูดถึงใน นาโปแกก็คือ สะพานเชื่อมต่อที่จะเดินไปยังที่ต่าง ๆ สะพานเหล่านี้น่าจะเป็นตัวแทนของคันนา ที่จะช่วยทำให้การเดินชมพื้นที่ส่วนต่าง ๆ ในนาโปแกเป็นไปได้สะดวกขึ้น สำหรับสะพานตรงทางเข้าที่มีการยกระดับให้มองดูคล้ายเนินสูง และมีป้อมปราการอยู่ด้านบนในช่วงที่เป็นระดับสูงสุดของสะพานนั้น น่าจะเป็นการจัดทำขึ้นมาเป็นพิเศษ เพื่อให้ดูโดดเด่นสวยงาม แถมท้ายอีกสักนิดกับ รถสองแถวนาโปแก นี่ก็เป็นการเดินทางในยุคก่อน แต่ก็ยังเป็นภาพคุ้นตาอยู่ในยุคปัจจุบัน เพียงแต่สองแถวที่เราเห็นกันอยู่ตอนนี้ อาจจะเป็นสองแถวที่ดัดแปลงมาจากรถกระบะขนาดเล็กเสียเป็นส่วนใหญ่ แน่นอนว่า ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอื่น ๆ ในนาโปแก ที่ฉันไม่ได้พูดถึง แต่สิ่งที่เล่ามาข้างต้น เป็นสิ่งที่ฉันเห็นมันโดดเด่นออกมาจากส่วนอื่น ๆ เหมือนมันกำลังกวักมือไหว ๆ เรียกฉันอยู่และความชัดเจนตรงหน้าก็ชวนให้ร้อยเรียงเรื่องราวที่ยังอยู่ในความทรงจำขึ้นมาอีกครั้ง เหมือนคนที่คุ้นเคยกันมานาน แล้วห่างหายกันไปพักใหญ่ และเมื่อมีโอกาสได้กลับมาเจอะเจอกันอีกครั้ง ก็อดไม่ได้ที่จะทบทวนความหลังให้กันฟัง