สำหรับในช่วงสถานการณ์โควิดนี้เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนเริ่มเบื่อที่จะอยู่บ้านและตั้งหน้าตั้งตารอคอยวันที่จะสามารถออกไปใช้ชีวิตข้างนอกได้อย่างปกติเหมือนเช่นที่ผ่านมา ไม่เป็นไรค่ะ สถานการณ์นี้มันก็แค่ช่วงหนึ่งนะคะ เราเชื่อว่าวันหนึ่งที่วัคซีนมาถึง เราก็จะได้ออกไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติได้แน่นอน จะดีกว่ามั๊ยถ้าเราใช้ชีวิตช่วงนี้ในการอยู่กับตัวเองและได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ วันนี้เราได้เอาสถานที่ท่องเที่ยว สวย ๆ ที่ อ. งาว จ. ลำปางมาฝากค่ะ ให้ทุกคนได้เก็บเป็นข้อมูลและเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจที่จะออกมาสัมผัสหลังจากสถานการณ์ได้คลี่คลายลงแล้วค่ะ จะเป็นยังไงนั้น เราไปดูกันเลย อ. งาว เป็นอำเภอเล็ก ๆ ในจังหวัดลำปาง ซึ่งเป็นทางเชื่อมระหว่างพะเยาไปน่าน หรือ พะเยาไปลำปางค่ะ ถ้าไม่ได้เป็นคนในพื้นที่ก็แทบจะนึกไม่ออกเลยนะคะว่าที่นี่มีอะไรดีบ้าง ที่แรกที่จะพาไปดู คือ สะพานโยง เป็นสะพานข้ามแม่น้ำงาว และเป็นสะพานแขวนแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย ตั้งอยู่ในตัวเมืองงาว ถูกสร้างขึ้นมาก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ปัจจุบันไม่อนุญาตให้นำรถทุกชนิดข้าม แต่ยังมีสพานหลักที่ถูกสร้างไว้ใกล้ ๆ ทำให้สามารถมาถ่ายรูปเก็บบรรยากาศและรำลึกถึงสมัยโบราณ สัมผัสกับกลิ่นอายของความเก่าแก่และวิถีชีวิตของชาวบ้าน รูปที่เราเอามาฝากเป็นรูปบรรยากาศบริเวณใกล้ ๆ สะพานโยง ซึ่งจะเห็นตึกเก่า ๆ อยู่เลียบแม่น้ำงาว เหมาะกับใครที่จะมาถ่ายรูปแบบชิค ๆ ก็จะให้ฟิลลิ่งแบบคูล ๆ คลาสิก ๆ ได้เหมือนกัน หลังจากนั้นถ้าขับรถไปต่อมุ่งหน้าไปทาง อ. เมืองลำปางก็จะเจอกับศาลเจ้าพ่อประตูผา มาที่นี่แล้วอย่าตกใจกับเสียงแตรของรถที่วิ่งผ่านนะคะ เพราะเขาเชื่อว่าการกดแตรเป็นการบอกเจ้าพ่อว่ากำลังเดินทาง เพื่อให้ท่านปกปักรักษาให้เดินทางได้อย่างแคล้วคลาดปลอดภัยค่ะ ที่นี่จะมีร้านเคลบราคาถูกมาก เจ้าของร้านก็อัธยาสัยดีค่ะ อร่อยด้วย ไปแวะชิมได้นะคะ และที่เป็นจุดขายของที่นี่เลยก็คือ หน้าผาค่ะ ซึ่งน่าจะเป็นที่มาของชื่อประตูผา ผาที่นี่จะมีภาพเขียนโบราณหลาย ๆ ภาพเลยค่ะ พาเด็ก ๆ มาก็จะเป็นการช่วยฝึกจินตนาการได้นะคะ หน้าผาที่นี่มีธรรมชาติที่สวยมาก ในภาพเราไปเที่ยวตอนหน้าแล้งค่ะ อากาศจะร้อน ๆ และอาจจะดูแห้งแล้งหน่อย แต่เราว่าสวยมาก ถ้ามีโอกาสเราคิดว่าจะลองไปในหน้าฝน ซึ่งอาจจะให้ฟิวที่ชุ่มฉ่ำ ดูสวยไปอีกแบบ เสร็จจากเจ้าพ่อประตูผาแล้ว เราก็ไปต่อกันที่ศูนย์บริบาลช้างบ้านปางหละ โดยจะต้องขับรถย้อนขึ้นมา (ขับออกห่าง อ.เมืองลำปาง ที่นี่เป็นบ้านหลังสุดท้ายของช้าง ไม่มีการแสดงช้าง ดังนั้นที่นี่จึงไม่มีนักท่องเที่ยวเลยค่ะ แต่ถ้าใครชอบช้าง อยากมาเจอและอยากถ่ายรูปกับช้าง สามารถเข้ามาได้นะคะ เขาจะมีลุงเจ้าหน้าที่ดูแลบริเวณนั้น ซึ่งเขาอัธยาสัยดีมากและยินดีที่จะให้ข้อมูลและตอบทุก ๆ คำถามเลยค่ะ แต่ว่าถ้าไปเองพยายามอย่าเข้าใกล้ช้างโดยพละการนะคะ เพราะช้างบางตัวเขาแก่แล้วและอาจจะบาดเจ็บซึ่งถ้าเขาเข้าใจผิดคิดว่าเราอันตราย เขาก็อาจจะทำร้ายเราได้ค่ะ หลังจากถ่ายรูปกับช้างเสร็จแล้วก็ขับรถย้อนมาเรื่อย ๆ จะพบบ้านแมลงอยู่ทางซ้ายมือ เราเคยนั่งรถผ่านที่นี่หลายครั้ง แต่ไม่เคยคิดว่าเราสามารถเข้าไปท่องเที่ยวได้ ใช่ค่ะ มองข้างนอกดูเหมือนจะเป็นสำนักงานที่ไม่เปิดให้เยี่ยมชม (เพราะดูเงียบและไม่มีนักท่องเที่ยว) แต่ภายในมีแมลงหลากหลายชนิดเปิดรอให้นักเรียนมาทัศนศึกษา รวมไปถึงนักท่องเที่ยวทั่วไปได้มาแวะชมแมลงกันได้ด้วยค่ะ ที่นี่ก็มีเจ้าหน้าที่ในการให้ความรู้ด้วยเหมือนกัน เราเจอแมลงที่ถ้าไม่สังเกตดี ๆ ก็แทบมองไม่ออกว่ามันคือแมลง มันเหมือนใบไม้มาก ๆ เราประทับใจที่นี่มากเลยค่ะ สถานีต่อไปคือวัดจองคำพระอารามหลวงค่ะ วัดนี้เป็นวัดที่สวยมาก มีสถาปัตยกรรมที่ดูแปลกตา ผู้คนสามารถเข้ามาสักการะถ่ายรูปสวยๆเป็นที่ระลึกได้นะคะ ถ้าขับย้อนมาเรื่อย ๆ จะพบป้ายบอกทางของ หล่มภูเขียว ให้ขับรถเข้ามาข้างในอีกสักระยะนึง ตามที่ป้ายบอกทางบอกนะคะ แล้วทุกคนก็จะเจอกับบ่อน้ำขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ท่ามกลางหน้าผา และต้นไม้ตามธรรมชาติ น้ำที่นี่มีสีออกเขียวมรกต มีปลาตัวใหญ่มาก เมื่อดูขนาดปลาแล้วเดาได้ว่าข้างล่างน่าจะลึกพอสมควรค่ะ แต่ที่นี่ชมและดื่มด่ำธรรมชาติได้อย่างเดียวนะคะ เขาห้ามลงเล่นค่ะ มันอันตรายมาก แนะนำให้ไปช่วงหน้าฝนหรือหนาว เพราะน้ำจะยังไม่มีใบไม้ร่วงลงบ่อค่ะ ใครที่ชอบดูนก ที่นี่ก็น่าจะเหมาะนะคะ เพราะว่ามีต้นไม้ใหญ่เยอะมาก และมีเสียงเจี้ยวจ้าว ๆ ของนกตลอดเลย (2 ภาพบนถ่ายตอนฤดูฝนค่ะ ส่วน 1 ภาพล่างถ่ายตอนฤดูหนาว) และที่สุดท้ายเป็นที่ ๆ สวยและโหดมากค่ะ ที่นี่แนะนำให้ไปหน้าหนาวค่ะ เพราะว่าทางเข้าไปมันลำบากมาก มันคือน้ำตกเก๊าฟุ๊ และแม่แก้ ถ้าเริ่มเดินทางจากหล่มภูเขียว น้ำตกเก๊าฟุ๊ก็จะอยู่ห่างไปประมาณ 30 กิโลเมตรได้ค่ะ ตอนเราไปเป็นหน้าฝน ซึ่งพื้นถนนเป็นโคลน คอยลุ้นว่ารถจะจมโคลนเมื่อไหร่ และฝนจะตกลงมามั๊ย ยังไงเตรียมรถและศึกษาสภาพอากาศดี ๆ นะคะ น้ำตกแม่แก้และเก๊าฟุ๊ อยู่ห่างกันประมาณ 1 กิโลเมตรค่ะ แต่ไหน ๆ ก็ไปแล้ว เราอยากให้ไปทั้งสองที่เลยนะคะ ขอบอกว่ามันคุ้มกับการเดินทางมากค่ะ และอย่าลืมชุดว่ายน้ำตัวโปรดด้วยนะคะ จบกันไปแล้วสำหรับทริปสั้น ๆ 1 วันที่งาว เราลืมบอกไปว่าระหว่างทางจากสวนสัตว์แมลงไปวัดจองคำพระอารามหลวง มีร้านก๋วยเตี๋ยวกะลาอยู่ร้านหนึ่งค่ะ (จำเชื่อไมได้แล้ว) อร่อยมาก เส้นนุ่ม เนื้อนุ่ม หอมกะลาด้วยค่ะ และที่นี่ก็มีน้ำชา กาแฟ เย็น ๆ ให้บริการด้วย ใครที่มาเที่ยวและจวบจังหวะทานข้าวพอดี อย่าลืมแวะชิมกันนะคะ อ้างอิง https://www.museumthailand.com