พูดถึงอินเดียในปี 2020 นี้ คงต้องยกให้ 2 เมืองนี้ที่คนนึกถึงและนิยมไปนั่นก็คือ อากรา และ ชัยปุระ และหญิงเถื่อนก็ได้ไปทั้งสองเมืองมาแล้ว ก็ต้องรับว่าเป็นเมืองที่สวยมาก ๆ เลย โดยเฉพาะเรื่องสถาปัตยกรรมและพระราชวัง เรารู้จัก 2 เมืองนี้ดี อย่างอากราก็คือเมืองที่มี 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก หรือก็คือทัชมาฮาลนั้นเอง ส่วนชัยปุระหรือจัยปูร์ก็โดดเด่นในเรื่องของพระราชวังที่มีสีสันชมพูพาสเทลที่สวยงามมาก ๆ สำหรับการเดินทางจากไทยไปชัยปุระนั้น ในปัจจุบันนี้มีเที่ยวบินตรงไปยังชัยปุระมากมาย และหนึ่งในนั้นก็มีสายการโลวคอส ราคาไม่แพง อย่างแอร์เอเชียด้วย แต่สำหรับอากรานั้นไม่มีบินตรง เราต้องบินไปลงเมืองใดเมืองหนึ่งของอินเดีย แล้วนั่งรถไฟ หรือรถบัสไปนะคะ แต่ผู้เขียนเดินทางไปลงที่ชัยปุระด้วยสายการบิน SpiceJet รวมราคาแล้วแพงกว่าแอร์เอเชียอยู่นิดหน่อย แต่ฟรีน้ำหนักกระเป๋าเช็คอินเลยเลือกไปกับสายการบินนี้ ถ้าให้พูดตามตรง ผู้เขียนก็ไม่ได้ตื่นเต้นกับจัยปูร์นะ เพราะคนไทยไปเยอะมากๆ รูปก็มีเยอะมากๆ แล้ว แต่ไฟท์มันถูกไงลยไปลง เราพักที่ Moustache Hostel 2 เตียงห้องรวมหญิง 510 บาท / คืน เราเคยพักในเครื่อ Moustache ที่อักราแล้ว สวย ดีไซน์ ดี ไม่แพง มีร้านอาหาร จัดว่าเลิศ จองผ่านบุ๊คกิ้งเด้อ Jaipur จัยปูร์ หรือชัยปุระ เราไปถึงเที่ยง ก็ขึ้นไปเติมกำลังด้วยการกินก่อนเลย ร้านอาหารของที่พักซึ่งอยู่บนดาดฟ้า เราได้สั่ง Chicken Curry และ โรตี และ Aloo และแน่นอนว่า ที่ขาดไม่ได้เลยคือ มาซาล่าที หรือก็คือชาอินเดียนั่นเอง เรานี้เป็นคนที่หลงรักอาหารอินเดียมาก ๆ กินยับ กินตลอด เงินหมด ก็ยังกิน เริ่มเที่ยวชัยปุระ โดยไปที่ Jal Mahal (ชัล มหัล) ก่อนเลย พระราชวังกลางน้ำที่ทุกคนเห็นอยู่นั้น เขาไม่ได้สร้างมาแค่ชั้นเดียวแล้วตั้งใจให้มันไปอยู่กลางทะเลสาบมันสกานะคะ เดิมที่มีทั้งหมด 5 ชั้นด้วยกัน สร้างด้วยหินทรายแเดง เป็นสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างราชปุตและโมกุล ไม่มีประวัติใดกล่าวไว้อย่างชัดเจนถึงสาเหตุที่น้ำท่วมขัง แต่ได้กล่าวไว้ว่าในทุกยุคสมัยจะมีการบูรณะต่อเติมบำรุงรักษาโดยรัฐบาลของชัยปุระอย่างดี รอบ ๆ บริเวณนี้มีของขายมากมาย โดยเฉพาะของแต่งตัวสวย ๆ ทั้งนั้นเลย ทั้งต่างหู กำไร สร้อยคอ หรือแม้แต่พวกกุญแจ ชุดงานแกะสลักทั้งหลาย มีหลายเรียงรายเยอะมาก แนะนำให้ต่อราคาแบบลดครึ่งต่อครึ่งเลยนะ ส่วนใหญ่คนอินเดียพอเห็นว่าเราเป็นชาวต่างชาติก็มักจะเพิ่มราคาเป็นเท่าตัวอยู่แล้ว ต่อเลย ถ้าร้านแรกไม่ให้ให้เดินออกไปต่อร้านอื่น แต่เชื่อซิ พอคุณหันหลังปุ๊ปพวกเขาจะเรียกคุณมาทำการต่อรองราคาใหม่ มาต่อที่ Hawa mahal ( ฮาวามาฮาล ) ที่ตรงนี้สวยมาก ๆ ค่ะ โดยเฉพาะยามค่ำคืนเมื่อตัวพระราชวังเปิดไฟสีทองสว่างไสว งดงามอลังกาลมาก เสียดายที่ตัวหญิงเถื่อนต้องเดินทางไปเมืองอื่นทำให้มีเวลาอยู่ตรงนี้น้อยมาก ๆ เอาเป็นว่าขอแนะนำให้วางแผนไปนั่งชิวที่ร้านอาหารฝั่งตรงข้ามในช่วงเย็น ไปถึงค่ำจะดีที่สุด ฮาวามาฮาล มีชื่อที่เรียกขานกันอีกชื่อคือ พระราชวังแห่งสายลม ไฮไลท์หลักของที่นี้เลยก็ว่าได้ พระราชวังสีชมพูส้มพาสเทล สร้างด้วยหินทรายสีชมพู ออกแบบให้มีหน้าตาคล้ายรวงผึ่งแกะสลัก มีบานประตูหน้าต่างที่มากมาย เพื่อให้นางสนมในสมัยนั้นสามารถมองภายนอกได้ ต้องบอกว่าในสมัยนั้น ผู้หญิงต้องเก็บเนื้อเก็บตัวมาก ๆ โดยเฉพาะบรรดานางสนมในวัง และก็กลัวเพราะพวกนางจะเบื่อ สถาปัตยกรรมในลักษณะพระราชวังจึงมีหน้าต่างหลายบาน ตัวไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นแต่อย่างน้อยก็ยังได้เห็นชีวิตคนข้างนอกจากหน้าต่างนั่นเอง จริงๆ แล้วทุกคนสามารถไฟต่อที่ City Palace, Jantar Mantar, Sawai Man Singh Town Hall ได้เลยแต่ตัวหญิงเถื่อนไม่ได้ไป หากพูดถึงอย่างละเอียดก็ไม่มีรูปภาพประกอบให้จึงจะขอข้าม 3 สถานที่ที่บอกไปเมื่อครู่ไปเลย Agra อากรา หรืออัครา สำหรับเมืองอากรานี้ ขึ้นชื่อในเรื่องของ ทัชมาฮาลนั่นเอง ใคร ๆ ก็มาที่นี้เพื่อมาดูทัชมาฮาล ถ้ามาหน้าร้อนก็จะเห็นทัชมาฮาลอย่างชัดเจน แต่ข้อเสียคือหน้าร้อนของอินเดียจะร้อนกว่าประเทศไทยในเดือนเมษายนมาก ๆ แต่ถ้ามาในฤดูหน้าอาการก็จะน่าเที่ยวมาก ๆ ก็เสี่ยงที่จะถ่ายรูปทัชมาฮาลได้ไม่ชัด เพราะหมอกบังแบบเราที่ไปในฤดูหนาว รอครึ่งค่อนวันหมอกก็ไม่จางหายไป ที่พักที่อากรา เราพักโฮสเทล ชื่อว่า Moustache Agra เป็นโฮสเทลที่มีร้านอาหารทั้งดาดฟ้าและใต้ดิน ก็ถ้าคุณหนาวก็ลงใต้ดิน อยากเห็นวิวก็ขึ้นดาดฟ้า รสชาติอาหารที่นี้อร่อยมาก จากที่พักของเราเดินไปยังทัชมาฮาลได้เลย ไม่ไกล การเดินก็ดีนะ มันทำให้เราได้เห็นอะไรเยอะแยะ แถมมีเวลาถ่ายรูปมากขึ้น ผู้คนอินเดียมากมายก็หลั่งใหลไปทัชมาฮาลเหมือนกัน คนอินเดียหน้าตาคมเข้ม ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ แล้วเราก็เดินมาจนถึงทัชมาฮาล ค่าเข้าชม 1000รูปี ต่อคน แต่ช้าก่อน ถ้าท่านโชว์พาสปอร์ตไทยแล้วเหลือ 530 รูปี ทัชมาฮาลเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ หากคุณได้อ่านข้อความต่อไปนี้คุณก็จะเข้าใจว่าทำไมที่นี่จึงถูกยกให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ตามประวัติกล่าวไว้ว่าทัชมาฮาลสร้างจากแรงงานคน ไม่มีการใช้เครื่องจักร ซึ่งใช้แรงงานคนทั้งหมดประมาณ 20,000คน และใช้เวลาสร้างนานถึง 22 ปี ทั้งหมดสร้างด้วยหินอ่อนสีขาว ศิลาแลง ทุกหน้าประวัติศาสตร์ ได้กล่าวไว้ว่า ทัชมาฮาล ถือเป็นอนุสรณ์สถานแห่งความรักของพระเจ้าชาจาร์ฮาน มีให้พระมเหสีมุมตัซ มาฮาล พระเจ้าชาจาร์ฮาทรงรักพระมเหสีมุมตัซมาก และเสียใจหนักมากเมื่อพระมเหสีมุมตัซจากไป จนไม่เป็นการทำงาน หยุดว่าการบริหารบ้านเมือง และนำเงินในท้องพระคลังมาสร้างทัชมาฮาล จริง ๆ แล้วหลังจากสร้างทัชมาฮาลสำเร็จแล้ว พระองค์ก็วางแผนจะสร้างหลุมฝั่งศพของตนเองโดยเอาไว้อีกพื้นที่หนึ่งซึ่งจะอยู่ข้างหลังทัชมาฮาล เพื่อหวังว่าแม้ตายไปแล้วก็ยังได้มองพระมเหสีอันเป็นที่รัก แต่ก็ไม่ได้สร้างหรอกนะคะ เนื่องจากลูกชายของพระองค์ทนไม่ได้ที่พระบิดานำเงินในท้องพระคลังมาใช้อย่างมากมายมหาศาล จึงจับพระองค์ไปขัง แต่ก็ยังพาไปขังในที่ที่ยังคงมองเห็นทัชมาฮาล แม้ในวาระสุดท้ายของพระองค์ก็ยังทรงนอนมองทัชมาฮาลผ่านช่องกระจกและจากไปในที่สุด นอกจากทัชมาฮาลแล้วก็ยังมี Baby taj ที่น่าไป Baby taj จะเป็นสถาปัตยกรรมที่นำไอเดียสร้างมาจากทัชมาฮาล ก็จะคล้าย ๆ ทัชมาฮาลแต่ เล็กกว่า และคนไม่พลุกพล่านเท่าทัชมาฮาล แล้วสรุปว่า Baby taj คืออะไร?? Baby taj ก็คือหลุมฝังศพที่ออกแบบมาในรูปแบบเดียวกับทัชมาฮาล ถูกสร้างขึ้นโดยนูร์จาฮานสำหรับบิดาของเธอมิร์ซา Ghiyas Beg ยังมีอีกหลายเมืองในอินเดียที่สวยมาก ๆ อินเดียไม่ได้น่ากลัว หรืออันตรายอย่างที่ใครหลายคนเข้าใจ ยิ่งถ้าคุณเข้าใจคนอินเดีย คลุกคลีกับเขาแบบไม่มีอคติ คุณจะรู้ว่า จริง ๆ แล้วพวกเขาใจดีมาก ๆ เฟรนลี่และคุยสนุกมาก ๆ เราฟังเรื่องราวอินเดียมาเยอะพอสมควร พอมาศึกษาเองก็รู้สึกว่ามันไม่เหมือนอย่างที่ใคร ๆ พูดก็เลยออกเดินทางไปเองเลย ก็ไม่ใช่อย่างที่ใคร ๆ ว่าเขาจริง ๆ นั่นแหละ เขาว่าไปอินเดีย ไม่รัก ก็เกลียด แต่สำหรับเราคือรักหมดใจเลยแหละค่ะ ลองไปดูค่ะจะได้รู้ว่าจริง ๆ แล้วเป็นอย่างไร และหากคุณชอบบทความนี้ ก็สามารถแชร์บทความนี้ออกไปได้เลย และถ้าอยากจะติดตามเรื่องราวอื่น ๆ ได้ที่เพจเฟสบุ๊ค แบกกล้องชิวเที่ยวไปเรื่อย และช่องทางยูทูป หญิงเถื่อน Traveler เขียนและถ่ายภาพโดย : หญิงเถื่อน