หลายปีมานี้เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินชื่อโรค ๆ หนึ่งที่เกิดขึ้นมาท่ามกลางความแปลกใจของคนหลายคนว่าโรคนี้มันอันตรายขนาดนั้นเลยเหรอ? ใช่ครับ...ทุกคนเดาถูกต้องแล้วมันคือ "โรคซึมเศร้า" แล้วคุณเชื่อมั้ยว่ามันไม่ได้เพิ่งจะเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษนี้... แต่มันถูกค้นพบมาตั้งแต่สมัยยุคกรีกโบราณโดยแพทย์ในสมัยนั้นได้ให้คำจำกัดความเอาไว้ว่า "เป็นโรคที่มีอาการทางกายและใจโดยเฉพาะ มันคือความหวาดกลัวและความหมดหวังเสียใจ" ขอบคุณรูปภาพจาก www.thairath.co.th ▲ ปัจจุบันนี้โรคนี้เกิดขึ้นทั่วโลก มีรายงานบ้างไม่มีรายงานบ้าง ส่วนในประเทศไทยเราคงได้เห็นข่าวตามหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ และสื่อประเภทต่าง ๆ กันบ้างแล้ว รวมทั้งในโลกโซเชียลที่มีการแชร์ต่อ ๆ กันส่งผลทั้งดีและร้ายจากการได้เสพสื่อเหล่านั้น จากที่ผมลองศึกษาหาข้อมูลจากหลาย ๆ บทความ แล้วลองทำความเข้าใจพอจะสรุปสั้น ๆ ได้ว่า "โรคซึมเศร้า" (Major Depressive Disorder) คือ ความผิดปกติทางจิต ซึ่งตัวผู้ป่วยจะเกิดอารมณ์จิตตกกับทุกเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนเองมากน้อยต่างกันออกไป และมักเกิดร่วมกับการขาดความภูมิใจในตนเอง เหมือนเคยขึ้นจุดสูงสุดแล้วกลับมาตกต่ำสุด อาจเกิดจากการเสียความสนใจในกิจกรรมที่ทำให้มีความสุข พูดให้เข้าใจง่าย ๆ คือ "การขาดการสนใจจากคนที่คาดหวัง รู้สึกผิดหวังและส่งผลลบต่อการใช้ชีวิตในปัจจุบันในทุก ๆ เรื่อง" เมื่อผู้ป่วยสะสมสิ่งนั้นมาก ๆ เข้าทำให้เป็นอันตรายต่อตนเอง และเมื่อผู้ป่วยมีการเสพสารเสพติดจนทำให้เกิดอาการประสาทหลอนจนทำให้อาจจะเป็นอันตรายถึงผู้อื่นรอบข้างอีกด้วย ขอบคุณรูปภาพจาก www.thaihealth.or.th ▲ แล้วเราจะรับมือมันอย่างไร? หลายคนเริ่มเป็นโรคนี้โดยไม่รู้ตัว วิธีการเบื้องต้นของการสำรวจตัวเองว่าตัวเรามีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคนี้หรือไม่คือ 1. เราเริ่มมีโลกส่วนตัวเยอะขึ้น 2. เราเริ่มปลีกตัวออกจากสังคมทำกิจกรรมคนเดียว 3. นอนไม่หลับ หรือนอนตื่นเช้ามากและหลับต่อไม่ได้ 4. คิดเรื่องราวมากมายที่หาทางแก้ปัญหาไม่ได้ 5. ความต้องการทางเพศลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ 6. ปวดเมื่อยร่างกาย เคลื่อนไหวช้า หงุดหงิดง่าย 7. มีความรู้สึกน้อยใจคิดที่จะฆ่าตัวตาย "หากคุณเริ่มมีอาการที่กล่าวมา จงรู้เอาไว้ว่าคุณเริ่มเข้าใกล้โรคซึมเศร้ามากขึ้นทุกทีแล้ว..." ขอบคุณรูปภาพจาก www.exta.co.th ▲ ทำอย่างไรเมื่อรู้สึกตัวว่าเริ่มเป็น? การรักษาผู้ป่วยแบ่งตามระดับของผู้ป่วย มีทั้งใช้เคมีบำบัด และการฝึกตนเองควบคู่กันไป การใช้ยาเพื่อระงับโรคมีผลกับผู้ป่วยที่มีอาการหนัก หากผู้ป่วยยังไม่มีความรุนแรงของโรคมากยังไม่จำเป็นต้องใช้ยา สามารถใช้การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทดแทนได้ เช่น การเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน การสร้างกิจกรรมให้กับตนเองอย่างการออกกำลังกาย ท่องเที่ยว ทำบุญให้เด็ก ๆ ให้สังคม ให้ผู้ด้อยโอกาสร่วมกับเพื่อน ๆ ครอบครัว หรือเริ่มตั้งเป้าหมายง่าย ๆ และทำให้สำเร็จร่วมกับครอบครัวหรือเพื่อน ๆ ให้รางวัลตนเองเมื่อทำสำเร็จ หลีกเลี่ยงการใช้ยาเสพติด และทำข้างต้นอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำ จนเรารู้สึกได้เองว่า "การให้คนอื่นมันมีความสุขมากกว่าที่เราคาดหวังจะได้รับ เห็นคนอื่นยิ้ม เราจะยิ้มได้เอง" ขอบคุณรูปภาพจาก www.rachawadeeforgirl.go.th (กิจกรรมออกกำลังกายกับเพื่อนต้านโรคซึมเศร้า) สุดท้ายนี้...หากจะพูดให้เข้าใจง่ายที่สุดในการลดความเสี่ยงคือ...ทำตรงข้ามกับความเสี่ยงที่เราได้อ่านไป แต่ละคนเงื่อนไขแตกต่างกันออกไป จงปรับใช้ให้เหมาะสมกับตนเอง ผมขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนครับ ขอบคุณภาพหน้าปกจาก www.francisloft.com ขอบคุณข้อมูลสำหรับการสรุปให้เข้าใจในสไตล์ By Viewvy▶NewS www.wikipedia.org , www.springnews.co.th