สวัสดีนักอ่านทุกท่าน กลับมาอีกครั้งหลังจากที่ห่างหายไปนาน ช่วงหยุดยาวนี้ทำให้ผมได้นึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมา ได้คิดทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ ผมค้นพบว่าช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตที่แสนจะมีค่ามากของผม ก็คือช่วง มัธยมศึกษาตอนปลาย ต้องเกริ่นก่อนว่าตอนนั้นผมเรียนโรงเรียนประจำจังหวัด และห้องเรียนที่ผมอยู่เป็นห้องเรียนที่เสริมสร้างความรู้และทักษะทางด้านวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์เป็นสำคัญ เรียกว่าเรียนอย่างเข้มงวดและดุเดือดมาก จึงไม่แปลกที่ห้องผมจะเป็นตัวแทนโรงเรียนในการสอบแข่งขันสาขาวิชาต่าง ๆ ซึ่งการสอบแข่งขันที่เป็นที่จดจำที่สุดของผมก็คือ โอลิมปิกวิชาการ โอ้โห... แค่ชื่อก็ดูยิ่งใหญ่แล้ว หลายท่านสงสัยว่ามันคืออะไร วันนี้ผมจะพามาทำความรู้จักกับการสอบแข่งขันนี้กันครับ“การแข่งขันโอลิมปิก” เมื่อพูดคำนี้ขึ้นมา ทุกคนคงนึกถึงการแข่งขันกีฬาที่ประเทศไทยเราก็ไปคว้าเหรียญมามากมาย ทั้งกีฬาชกมวย ยกน้ำหนัก เทควันโดและอีกหลายกีฬา แต่คุณเคยได้ยินคำนี้ไหมครับ คำว่า “โอลิมปิกวิชาการ” น่าจะไม่เคยได้ยินกัน 555 อันนี้ก็ไม่ต่างกับการแข่งกีฬาโอลิมปิกเลยครับ แค่เปลี่ยนจากกีฬา เป็น ความรู้วิชาการด้านต่าง ๆ อาจจะยังงง ๆ กันใช่ไหมครับ? คืออย่างนี้ การสอบแข่งขันโอลิมปิกวิชาการ คือการคัดเลือกนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษา เพื่อเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันวิชาการในระดับโลก ว่าแต่ต้องทำไงบ้างถึงจะได้ไปแข่งระดับโลก มันก็เหมือนแข่งร้องเพลงแหละครับ ต้องผ่านไปทีละด่าน ง่ายบ้าง ยากบ้างตาม Level ที่สูงขึ้น มา ๆ เดี๋ยวผมเล่าให้ฟังจุดเริ่มต้นของการสอบแข่งขันวิชาการโอลิมปิกของผม มันเริ่มมากจากการได้เรียนวิชาชีววิทยากับคุณครูท่านหนึ่ง ท่านทำให้ผมสนใจและหลงใหลในวิชานี้มาก จนผมพยายามอ่านหนังสือเพื่อสอบแข่งขันวิชานี้ตั้งแต่ชั้น ม.4 แต่ผมสอบไม่ผ่าน ช่วงนั้นเสียใจและผิดหวังกับตัวเองเป็นอย่างมาก แต่ก็ได้กำลังใจจากคุณครูท่านเดิม ผมขยันและตั้งใจมากขึ้นกว่าเดิม จนสุดท้ายผมก็ติดเป็นตัวแทนการแข่งขันวิชาการโอลิมปิก ตอนชั้น ม.5 แต่เดี๋ยวๆๆ อันนี้ยังไม่ใช่ตัวแทนประเทศนะครับ แค่ตัวแทนภาคตะวันออกเท่านั้นเอง จากนั้นนักเรียนประมาณ 30 คนจากทั้งภูมิภาค จะต้องมาเข้าค่าย ซึ่งเรียกว่า “ค่าย 1” เพื่อเรียนรู้ชีววิทยาให้ลึกซึ้งและละเอียดมากขึ้นจากอาจารย์ระดับมหาวิทยาลัย ห๊ะๆๆ อ่านไม่ผิดหรอกครับ เรียนอยู่ชั้นมัธยมแต่ได้เรียนกับอาจารย์มหาวิทยาลัยแล้วครับ แค่นี้ก็คุ้มสุด ๆ แล้ว หลังจากเข้าค่ายมาเกือบ 1 เดือน จะมีการสอบคัดเลือกเพื่อเข้าสู่ “ค่าย 2” ซึ่งจะเหลือแค่ 20 คน ซึ่งเด็กที่ผ่านเข้ารอบจะไปเรียนที่มหาวิทยาลัย โดยจะเรียนทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ใช้ระยะเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นจะมีการสอบคัดเลือกเพื่อเป็นตัวแทนภาคไปแข่งกับภาคอื่น ๆ จากทั่วประเทศ ตอนนี้ก็จะเหลือ 6 คนแล้วครับ ผมและเพื่อนอีก 5 คน ต้องเก็บตัวติวเสริมอย่างหนักหน่วงเพื่อไปแข่งระดับชาติเช้าวันแข่งโอลิมปิกวิชาการระดับชาติ เป็นเช้าที่ผมตื่นเต้นมากอีกวันหนึ่ง บอกเลยว่าหัวใจแทบจะหลุดออกมา แบบมันเหมือนเป็นที่ที่รวมคนที่เก่งชีววิทยาไว้ด้วยกัน แล้วมาแข่งขันกัน ข้อสอบก็ยากเสียเหลือเกินเน้นการเอาความรู้ที่มีมาประยุกต์เป็นส่วนใหญ่ หลังจากสอบเสร็จทั้งภาคเช้าและเย็น ทางผู้จัดก็ได้พาพวกผมไปเที่ยวผ่อนคลาย เพื่อรอฟังผลในวันรุ่งขึ้นวันฟังผล ขอบอกก่อนว่า ผลที่ประกาศจะมีสองส่วนคือ 1. ได้เข้ารอบไปต่อ 2. ได้เหรียญรางวัลซึ่งมีตั้งแต่เหรียญทองแดง เหรียญเงิน และเหรียญทอง นั่นหมายความว่าได้เหรียญก็อาจไม่ได้เข้ารอบก็ได้ ซึ่งการเข้ารอบไปต่อระดับประเทศ จะมีโควตาประมาณ 60 คน ใช่แล้วครับ ทั้งประเทศรับแค่ 60 คน ซึ่งวันนั้นผมได้เหรียญทองแดง และได้เข้ารอบต่อไป หลังจากนั้นผมต้องไปศึกษาเนื้อหาที่ลึกขึ้นอีก จากอาจารย์ระดับศาสตราจารย์ที่มาจากทั่งประเทศ เพื่อติวเข้าและคัดเลือกจนเหลือผู้แทนประเทศ 4 คน ซึ่งแน่นอนว่าผมไปไม่ถึงขั้นนั้นหรอกครับ แต่บอกเลยว่าสำหรับผมมาถึงขนาดนี้ก็เกินคาดมากแล้วครับ เล่ามาถึงขนาดนี้ หลายคนคงมองว่าค่ายอะไรเนี่ยมีแต่เรื่องเครียดเต็มไปหมด เดี๋ยวก็เรียน เดี๋ยวก็สอบ ไม่เห็นสนุกเลย จะบอกว่านั่นก็แค่ส่วนหนึ่งของค่ายครับ จริง ๆ แล้วนอกจากความรู้สิ่งหนึ่งที่ได้จากค่ายนี้คือ ประสบการณ์การใช้ชีวิต เพราะเราต้องไปอยู่ในที่ที่ไม่ใช่บ้านเป็นเวลานานมากเป็นเดือน ๆ ต้องทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ ๆ ซึ่งบอกเลยว่าเป็นช่วงชีวิตที่สนุกมาก เพราะหลังจากเรียนอย่างโหด ก็จะมีเพื่อนกลุ่มนี้แหละที่ชวนไปกินข้าว เล่นเกม เล่นกีฬา ชวนพูดคุยสนุกสนานทุกวัน คือไม่มีทางจะเหงาได้เลย นอกจากนี้สิ่งที่ได้ติดตัวจนเป็นนิสัยของเราคือวินัยในการอ่านหนังสือ เพราะเราต้องอ่านมันทุกวันเป็นเดือน ๆ ไม่ติดมาก็แปลกแล้วครับ สิ่งที่สำคัญอีกอย่างที่ได้รับจากการแข่งขันวิชาการครั้งนี้ ย้ำว่าการแข่งขันวิชาการ ก็คือมิตรภาพดี ๆ ของเพื่อนผู้ร่วมแข่งขันทุกคน ซึ่งตอนนี้ก็ยังติดต่อกันอยู่ แม้จะผ่านมาถึง 7 ปี แล้วก็ตามคับสุดท้ายนี้อยากฝากถึงน้อง ๆ ที่สนใจอยากสอบแข่งขันโอลิมปิกวิชาการ บอกเลยว่าสมัครสอบเถอะ สิ่งที่น้อง ๆ จะได้ก็เหมือนที่พี่เล่ามา มันยังไม่คุ้มอีกหรอ ค่าใช้จ่ายก็ไม่เสียแต่สิ่งที่ได้มามันมีค่ามหาศาลมาก อย่างน้อย ๆ ถ้าน้องทำได้มันก็เท่ากับชนะใจของน้องเองแล้ว มาเถอะ ๆ ชีวิตแบบนี้ไม่ได้มีกันบ่อย ๆ นะครับ ภาพปกและภาพประกอบโดยนักเขียน