ภาพถ่ายโดย : ผู้เขียนหลาย ๆ คนคงคิดว่าการที่เราเรียนจบใหม่ ๆ ต้องรีบทำงานให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้หาเงินใช้เองได้ ได้หาเงินให้พ่อแม่ได้ใช้ เพราะเด็กจบใหม่ส่วนมากจะไฟแรง ขยัน อยากใช้ความรู้ที่เรียนมาให้เกิดประโยน์กับสายงานที่เรียน ต้องรีบหางานให้เร็วที่สุดอาจจะเป็นงานที่ตรงสายบ้าง ไม่ตรงสายบ้างแต่ก็ทำก่อนเถอะ ขอแต่มีเงินใช้ นี่คงเป็นความคิดของใครหลาย ๆ คน แต่ทว่าในบางครั้งคนอีกกลุ่มหนึ่งก็ไม่ได้คิดแบบนั้นเสมอไป เพราะจะมีความคิดอีกแบบ จึงทำให้คนเราประสบความสำเร็จต่างกัน วันนี้จึงจะพาไปดูความคิดในอีกมุมหนึ่งของเด็กจบใหม่ ที่ยังไม่คิดถึงเรื่องการหางานทำ แต่!! คิดยังไงถึงได้บรรจุข้าราชภายในหนึ่งปีภาพถ่ายโดย : ผู้เขียนข้อ 1 ไม่ได้งานทำไม่เป็นไร ใช้ช่วงนี้ในการอ่านหนังสือเตรียมสอบรอดีกว่าและแน่นอน เรียนจบใหม่หัวใจต้องการเรียกร้องการพักผ่อน สายหมอก ภูเขาและสายลม จะใช้เวลานี้ในการท่องเที่ยวในที่ต่าง ๆ เพื่อเรียนรู้ตนเอง เรียนรู้โลกภายนอก และใช้เวลาทบทวนตัวเองว่าจะเอายังไงต่อกับอนาคตของตัวเอง เรียนต่อดีไหม งานในฝันคืออะไร ถ้าอยากไปสู่ฝันต้องทำยังไง และช่วงเวลานี้แหละเป็นเวลาของเราจริง ๆภาพถ่ายโดย : ผู้เขียนข้อ 2 อ่านหนังสือเตรียมตัวสอบเข้ารับราชการ (กพ. , ท้องถิ่น)พอใช้เวลาทบทวนตัวเองแล้วก็ได้รู้ความฝันก็คือการรับราชการ ข้าราชการคงเป็นความฝันของใครหลาย ๆ คน แต่ถ้าฝันมันก็ยังเป็นแค่ความถ้าเราเริ่มลงมือทำอย่างน้อยก็ทยอยเข้าใกล้ฝันในทุก ๆ วัน เราเริ่มแรกจากการติดตามข่าวสาร ค้นหาข้อมูลว่าถ้าอยากเป็นข้าราชการต้องสอบตัวไหนบ้าง มีวิธีการอย่างไร เราก็พบว่า การสอบ กพ. (จะสอบเฉพาะภาค ก ถ้าผ่านภาค ก ค่อยไปสอบภาค ข ที่หน่วยงานเปิด ) จะเป็นบันไดแรกในการก้าวตามความฝัน และการสอบท้องถิ่น (สอบทั้ง ภาค ก และ ภาค ข ถ้าผ่านทั้งภาค ก และ ข ก็จะได้ขึ้นบัญชีรอบรรจุ ) ซึ่งการอ่านหนังสือของเรา จะเปรียบเหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เพราะว่า ภาค ก ของท้องถิ่นและ กพ. จะแอบคล้ายกันในวิชาหลัก จึงสามารถอ่านครั้งเดียวแล้วนำไปใช้ได้สองงาน (ถือเป็นเรื่องที่ดีเลยทีเดียว) และนี่คือ 1 ข้อที่ควรคิด เราไม่ต้องจบมาแล้วมีงานทำเลยก็ได้ แต่ในขณะที่ว่างงานอยู่นั้น เราได้ใช้ประโยนช์จากเวลาว่างในการพัฒนาตนเอง ความรู้และทักษะตัวเองหรือไม่ !!ภาพถ่ายโดย : ผู้เขียนข้อ 3 เวลาที่ผ่านไปล้วนให้อะไรกับเราเสมอมาเมื่อเราจบมาแล้วไม่ไปทำงาน ไม่มีรายได้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่าชีวิตของเราจะไร้ประโยชน์ซะหน่อย เรายังได้อยู่ที่บ้าน ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับคนที่เรารัก (ถึงจะมีเสียงจากรอบข้างว่าจบมาแล้วไม่มีงานทำก็เถอะ) เรายังได้ช่วยงานพ่อแม่ ได้เห็นความสุขเล็ก ๆ ของพ่อแม่ ได้เห็นรอยยิ้มของท่าน ซึ่งเมื่อเราเข้าสู่วัยทำงานแล้วอาจจะไม่ค่อยได้เห็นหรือไม่ค่อยได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้ ได้ใช้เวลาในการพักผ่อนหลังจากที่เรียนอย่างหนักมาตลอด 4 ปี และนี่คืออีกหนึ่งข้อที่เวลาถึงจะมีมากมายเท่าไหร่ก็ไม่สามารถย้อนมันกลับมาได้ภาพถ่ายโดย : ผู้เขียนข้อ 4 ทุกคนมีเวลาเท่ากัน หนึ่งวันมี 24 ชั่วโมง และใน 24 ชั่วโมงนั้นแน่นอน ทุกคนได้มันมาเท่ากัน แต่ขึ้นอยู่กับแต่ละคนว่าจะใช้เวลานั้นอย่างไรให้เกิดประโยชน์กับตัวเองและผู้อื่นมากที่สุด และแน่นอนฉันเลือกใช้เวลา 24 ชั่วโมงนี้ในการ อยู่กับครอบครัว พักผ่อน อ่านหนังสือ และบำเพ็ญประโยชน์ (เรื่องเวลาแต่ละคนต้องแบ่งเวลาของตัวเองให้เป็น) เพราะเราก็ไม่อาจรู้ได้ว่า 24 ชั่วโมงจะมีให้เราได้ตลอดไปไหม เราจึงต้องใช้ทุกวินาทีให้คุ้ม ให้ไม่เสียใจว่าเวลาได้ผ่านไปโดยที่เราไม่ได้อะไรจากมันเลยภาพถ่ายโดย : ผู้เขียนข้อ 5 ถ้าคิดว่าทำได้ก็ทำได้ แต่ถ้าคิดว่าทำไม่ได้มันก็ทำไม่ได้จริง ๆพออ่านหนังสือมาบ้าง อยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุข อยู่กับตัวเองและก็ถึงวันที่ต้องสอบ ในใจจะบอกกับตัวเองเสมอว่าเราทำได้อยู่แล้ว แค่นี้เอง และนั่นก็ส่งผลต่อความมั่นใจของตัวเอง ต่อการเห็นคุณค่าของตัวเอง จึงส่งผลให้สามารถสอบบรรจุจ้าราชการได้ตามจุดมุ่งหวัง ซึ่งแน่นอนการบอกกับตัวเองว่าทำได้สมองจะจดจำแต่สิ่งดี ๆ และส่งผลต่อความมั่นใจ และการเห็นคุณค่าของตัวเอง จึงพาเราไปถึงจุดมุ่งหวังได้ อย่าคิดว่าตัวเองทำไม่ได้ ไม่ไหวและท้อใจไปก่อน เพราะถ้าคิดแบบนั้นแล้ว มันก็จะเป็นแบบนั้นจริง ๆ และนี่คือความคิดดี ๆ จากฉัน ขอขอบคุณที่อ่านมาจนจบ ถ้าผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วย