Karibu ขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ผู้เขียนขอใช้ชื่อว่า ย่า hahaha (เป็นพี่สาวของYAYA) ย่าเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของสายการบินแห่งหนึ่ง ซึ่งจะได้เดินทางไปประเทศเคนย่าเดือนละประมาณ 2-3ครั้ง วันนี้เลยมีโอกาสจะพาเพื่อนๆไปเที่ยวเคนย่าในทุกซอกทุกมุม ไปเที่ยวเคนย่ากับย่านะคะ เริ่มกันเลยค่ะ การเดินทางไปเคนย่านั้น ใช้เวลาบินจากกรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร์ ไปยังประเทศเคนย่าน้านนนน สิริรวมแล้ว 8-9ชั่วโมงเลยทีเดียวค่ะ เที่ยวบินที่เดินทางไปยังประเทศเคนย่าก็มีกันหลายสายการบิน แต่ที่บินตรงไปลงยังกรุงไนโรบีเลยมีแค่1สายการบินเท่านั้นค่ะ นั่นก็คือสายการบินของย่าเองค่ะ อิอิ เที่ยวบินบินตรงไปยังเคนย่าก็มีทุกวัน ซึ่งจะออกเดินทางในเวลาประมาณ 01:00 น. ของทุกวัน อย่างที่บอกค่ะ ใช้เวลาบินไป 8-9ชั่วโมง ก็จะถึงที่เคนย่าในเวลา 06:00 น. ซึ่งเป็นเวลาท้องถิ่นของประเทศเคนย่า ซึ่งเวลาที่เคนย่าจะช้ากว่าประเทศไทยเรา 4 ชั่วโมง หลายท่านอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะทำไม เวลาบินถึงไม่สามารถบอกแน่นอนได้ว่า เราจะใช้เวลาบินกี่ชั่วโมงกันแน่ เหตุผลของการบินก็คือ ระยะเวลาบินจะขึ้นอยู่กับทิศทางของลมค่ะ ถ้าบินสวนทางกับทิศทางลม เราก็ต้องใช้เวลาบินเพิ่มมากขึ้น ในทางตรงกันข้ามถ้าบินไปทิศทางเดียวกับลม ก็สบายสิค่ะ ไม่ต้องออกแรงเยียบคันเร่งมาก ลมพาไปค่ะ ถึงเร็วเชียว บางครั้งเราใช้เวลาบินแค่ 7ชั่วโมงครึ่ง แต่บางทีบินต้านลมใช้เวลาบินเกือบ 9ชั่วโมงครึ่งเลยค่ะ และอีกเหตุผลนึงก็คือเส้นทางในการบินค่ะ ถ้าเกิดมีสภาพอากาศที่แปรปวนก็อาจจะต้องหลีกเลี่ยงเส้นทางที่ใกล้ ต้องบินอ้อม เพื่อหลีกเลี่ยงสภาพอากาศที่ไม่ดี นี่ก็เป็นอีกเหตุนึงที่ใช้เวลาบินที่เพิ่มขึ้นค่ะ เมื่อเดินทางถึง เครื่องบินของย่าก็จะลงจอดที่สนามบินประเทศเคนย่า มีชื่อว่า โจโม เคนยาต้า (NBO Jomo Kenyatta International Airport/JKT) เมื่อสัมผัสกับลมแรกที่ปะทะหน้าคุณ ย่าเชื่อว่าทุกท่านจะแปลกใจ ทำไมอะหรอคะ ก็เย็นสิค่ะ หลายท่านเคยถามย่า ที่เคนย่าร้อนมากไหม ตอบเลยว่าไหม้ ไม่ใช่ค่ะ ไม่ร้อน หลายครั้งที่ย่าลืมเอาเสื้อกันหนาวไป พอถึงที่เคนย่าย่าแทบจะหนาวสิ้นสติ เพราะลืมไปค่ะที่เคนย่าหนาว อุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีอยู่ที่ 23-27 องศาเซลเซียส ไม่ผิดค่ะ อากาศที่นี่สบายเกือบตลอดทั้งปี หน้าหนาวของเคนย่าก็หนาวจริง ไม่หลอกเหมือนไทยเรานะคะ หนาวสุดก็ช่วงเดือนเกิดย่าเอง(บอกทำไม)เดือนมิถุนายน หนาวประมาณ 10กว่าองศาเลยค่ะ ส่วนฝนก็มีค่ะ เหมือนบ้านเรา ส่วนร้อนแดดก็แรงนะคะ แต่ก็ยังมีลมเย็นมาช่วยบ้าง ไนโรบี เมืองหลวงของเคนย่า ไม่ได้กว้างขวางเหมือนกรุงเทพบ้านเรานะคะ แต่ที่สูสีกันมา คือเรื่องรถติดค่ะ ช่วงเช้าคนไปทำงาน กับช่วงเย็นหลังเลิกงาน บอกได้คำเดียว สนิทค่ะ รถจอดสนิท ด้วยเมืองที่ไม่ใหญ่ ถนนหนทางเขาก็ไม่ได้มีหลายสาย เส้นหลักๆในการเดินทาง ก็ทำให้เป็นอัมพาตกันเลยทีเดียว รถประจำทางของเขาก็ มีตั้งแต่รถบัส รถตู้(Matatu) มอเตอร์ไซส์(Boda) ด้วยปัญหารถติดและเรื่องค่าครองชีพ ทำให้หลายๆคนเลือกที่จะเดินไปทำงานแทนใช้รถประจำทาง ไม่ว่าจะไกลกี่กิโลก็ตามเขาก็เดินค่ะ เหตุนี้ ถ้าเรานั่งรถไปตามทาง มองไปข้างๆก็จะเห็นผู้คนเดินกันมากมาย และด้วยอากาศทีกำลังสบายๆ ก็มีหลายคนที่เลือกจะนอนพักอยู่ตามหญ้าข้างๆทางเลยทีเดียว ด้วยความที่รถติดเยอะๆ ก็เลยทำให้บนท้องถนนมีผู้คนเดินขายของมากมาย เน้นนะคะ ว่า มากมายยยยย หลายท่านจะนึกภาพตามสี่แยกบ้านเรา บอกเลยค่ะว่าบ้านเราแพ้ไปเลย ที่นี่เขาขายทุกอย่าง ทุกอย่างจริงๆค่ะ ย่าจะยกตัวอย่างของที่เขาเดินขายบนถนนช่วงรถติด เช่น กรอบรูป ที่ปัดน้ำฝน ผลไม้ น้ำเปล่า แจกัน ภาพว่า เน็คไท เสื้อ และอื่นๆ ไม่ผิดค่ะ เขาเดินสายขายทุกอย่าง ย่าว่าด้วยความที่เคนย่าไม่มีร้านสะดวกซื้อหรือร้านขายของทั่วๆไป ทำให้การซื้อของอาจจะต้องไปห้าง หรืออแหล่งที่ขายโดยเฉพาะซึ่งก็มีไม่มาก และห้างก็ไม่ได้มีให้เลือกมากมายเหมือนบ้านเรา เพราะฉะนั้นตามถนนเนี่ยแหละค่ะ ก็เป็นทางเลือกให้จับจ่ายใช้สอยก่อนกลับบ้าน และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทางค่ะ ทุกท่านพอที่จะได้รู้จักประเทศเคนย่าบ้างแล้วนะคะ ย่าอยากบอกว่า เคนย่าเป็นประเทศที่มีหลายมุมแตกต่าง และน่าสนใจมาก แล้วย่าจะกลับมาพาทุกท่านเดินทางต่อไปในสถานที่ต่างๆ พาไปทานอาหาร ไปช็อปปิ้งและรวมถึงพาไปรู้จักชาวเคนย่ากันค่ะ รอย่านะคะ แล้วจะพาท่านไป