อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นอำเภอที่อยู่ท่ามกลางป่าเขาและสายน้ำ เดิมเป็นเมืองขนาดเล็ก เรียกกันว่า เมืองขุนยวม ประชากรส่วนใหญ่ชาวขุนยวมส่วนใหญ่มีเชื้อสายทั้งชาวเขา ไทยใหญ่ จีน และพม่า และมีแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญและสวยงามมากจังหวัดหนึ่งในภาคเหนือ นอกจากนี้แล้ว ยังมีประเพณีและวัฒนธรรมที่งดงาม ทั้งด้านวัฒนธรรมการดำเนินชีวิตของชนเผ่าที่ต่างกันไป รวมทั้งวัฒนธรรมเรื่องการรับประทานอาหารที่ มีความแตกต่างด้วย บทความนี้ขอนำเสนอเรื่องราวของขนมชาวไตที่ชื่อว่า ขนมอะละหว่าและส่วยทะมิน เป็นขนมไทยใหญ่ที่เป็นที่รู้จักของอำเภอขุนยวม ซึ่งถ้าหากไปอำเภอขุนยวมแล้วไม่ได้รับประทานขนมเหล่านี้ จะเรียกว่าไปไม่ถึงขุนยวมเลยก็ว่าได้ เราได้นัดรวมตัวเพื่อนร่วมก๊วน เพื่อหวนความหลังครั้งยังรวมกลุ่มกันทำงานที่อ.ขุนยวมเมื่อ 10 ปีก่อน และถือโอกาสนัดพบเพื่อนที่อยู่ที่นั่น โดยพักที่นั่น สองวันหนึ่งคืน เรากับเพื่อนต้องใช้เวลาให้คุ้มค่าที่สุด เป็นไปได้จะไปทุกที่ ทำทุกกิจกรรมที่เคยทำร่วมกัน ไม่หลับไม่นอนมันละ ก็นาน ๆ ทีจะได้เจอกันแบบครบคนครบองค์ หาโอกาสแบบนี้ช่างยากนัก เมื่อเรากับเพื่อน ๆ ทางไปถึงขุนยวม ก็ได้รับการต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี มีกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย สนุกสานกันตามประสา กว่าจะได้พักผ่อนก็ปาไปเกือบเที่ยงคืน เรากับเพื่อนรุ่นน้องคนนึงเข้านอน ก่อนนอน เจ้าน้องคนนี้ก็คุยขึ้นว่า "พี่ พรุ่งนี้เราไปรำลึกความหลังเวลาที่เราเดินทางจากเชียงใหม่มาถึงขุนยวมกันดีไม๊ " เราถาม "รำลึกยังไง " เจ้าน้องตัวดี ตอบ " เออ ๆ พรุ่งนี้ปลุกให้ตื่นละกัน " แล้วเราก็เข้านอน เช้ามืด ขอบอกว่ามืดมาก ๆ เสียงปลุก "พี่ ๆ ตื่น ๆ ถึงเวลาละ" เราดูนาฬิกา ตีสี่ครึ่ง ไม่นะ นางจะพาเราไปใหน งัวเงียตื่นแล้วก็ซ้อนรถมอเตอร์ไซด์ที่ขโมยยืมเจ้าของบ้านไปทั้งสภาพที่ไม่พร้อมนะแหละ สักพัก เราเริ่มตื่น จอดรถหน้าตลาดเช้าขุนยวม แล้วพากันเดินเข้าไปในตลาดเช้าที่มีแม่ค้าแม่ขายกำลังวุ่นกับการเตรียมของขายกันอยู่ นานแล้วนะที่เราไม่ได้มาเดินที่นี่ นานแล้วนะที่เราไม่ได้กิน..เราเหลือบไปเห็นขนมในถาด ใช่ละ! ขนมอะละหว่า ขนมส่วยทะมิน ขนมชาวไตของโปรดเราตอนที่อยู่ขุนยวมเมื่อหลายปีก่อนนี่เอง เรามุ่งตรงไปที่แม่ค้าที่กำลังใช้มีดตัดขนมในถาดทีละชิ้น ๆ จัดการซื้อเลย กินเลย รออะไรล่ะ ถึงถิ่นแล้วนี่ เรายังจำรสชาติของขนมสองชนิดนี้ได้เป็นอย่างดี อาละหว่า เป็นขนมทำจากแป้งข้าวเจ้า ผสมกับกะทิและน้ำตาลน้ำอ้อย หน้าตาของขนมจะเป็นสีน้ำตาลคล้ายขนมหม้อแกง รสชาติออกหวานและมัน ส่วนเจ้าส่วยทะมิน ทำจากแป้งข้าวเหนียวนึ่งกับน้ำตาลน้ำอ้อย และกะทิ คล้ายข้าวเหนียวตัดบ้านเรา รสชาติคล้ายขนมอะละหว่าแต่จะนุ่มละลายในปากกว่า ช่างอร่อยเหมือนเดิม ได้รสชาติ ได้บรรยากาศการเดินตลาดตอนเช้าๆอากาศหนาว ๆ หมอกคลุม ๆ ซะเหลือเกิน นี่ถ้าได้ชาร้อน ๆ หรือกาแฟดำหอม ๆ ร้อน ๆ จะอร่อยไปถึงไหนนะ เอกลักษณ์ของการขายขนมสองของที่นี่ ที่เราชอบมาก ๆ คือ แม่ค้าจะขายโดยการห่อใบตอง ฉะนั้นเวลาเรารับประทาน นอกจากจะมีความหอมหวานอร่อยของกะทิ ข้าวเหนียว น้ำอ้อยหรือน้ำตาลแล้ว ยังมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของใบตองด้วย ที่นี่ขายขนมในราคาไม่แพงนะคะ แค่ห่อละ 10-20 บาทตามความต้องการของลูกค้าเลย แต่ที่แน่ ๆ เช้านี้เรากินขนมสองอย่างนี้ไปละเกือบ 50 บาทและมีห่อกลับไปให้เพื่อน ๆ ขี้เซาในที่พักอีกด้วย นอกจากอะละหว่า และส่วยทะมินแล้ว ยังมีขนมและอาหารอื่น ๆ อีกมากมายในตลาดเช้าแห่งนี้ เราสามารถเลือกซื้อได้ตามต้องการ เช่น ข่างปอง ที่นำมะลกอดิบฝานบาง ๆ ปรุงเครื่องเทศ ทอดน้ำมันกรอบ ๆ เยิ้ม ๆ จิ้งลุง ข้าวเงี้ยว ขนมรังผึ้งดั้งเดิม ถั่วเน่าแขบ และผักผลไม้ที่มีในท้องถิ่นของขุนยวมอีกมากมายให้เราได้เลือกซื้อติดไม้ติดมือเป็นของฝากทางบ้านอีกด้วย นับได้ว่าการเดินทางไปขุนยวมครั้งนี้คุ้มค่ามาก เพราะนอกจากจะได้พบปะเพื่อนเก่าแล้วยังได้กลับไปย้อนความหลังถึงเจ้ารสชาติของขนมอะละหว่า และส่วยทะมินแบบOriginalขุนยวม ที่สำหรับเรานั้นคงไม่มีที่ไหนอร่อยเท่าอีกแล้ว และหากมีโอกาส เราจะกลับมาที่นี่ จะมาเที่ยว มาเยี่ยมเยียนทุกคน มากินและมาเสพบรรยากาศอีกครั้งให้หนำใจอีกครั้งแน่นอน