เฉิงตู Chengdu เมืองสวรรค์ของนักชิม นักช้อป นักชม การเดินทางครั้งนี้ไปก่อนจะมีโรคระบาดโควิด - 19 เพียงไม่กี่เดือน ผู้เขียนตั้งใจไว้ว่าจะนำมาเผยแพร่ในช่วงต้นปี 2020 แต่เหตุการณ์ไม่เอื้ออำนวย จึงทำให้ต้องเขียนในช่วงเวลานี้จะเหมาะสมกว่า เพราะโรคดังกล่าวได้ทุเลาเบาลง โดยเฉพาะประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน หลายคนเริ่มที่จะวางแผนการท่องเที่ยวกันบ้างแล้ว ถึงแม้ว่าสายการบินระหว่างประเทศจะเปิดยังไม่ครบทุกเส้นทาง อย่างไรก็ตามจุดประสงค์คือ การแนะนำแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตในเมืองเฉิงตู ในระยะเวลาอันสั้นให้คุ้มค่าและเลือกแต่สถานที่สวยงามมาฝาก นับว่าเป็นการเดินทางที่สนุกสนานเพราะมีผู้ร่วมทริปหลายท่าน โดยการชักชวนจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ระยะเวลา 2 คืน 3 วัน เป็นจำนวนวันที่กำลังพอดี เหมาะสำหรับการพักผ่อนและการเดินทางไม่ยุ่งยากอะไร ทางมหาวิทยาลัยได้ให้บริษัททัวร์เป็นคนอำนวยความสะดวกทุกอย่าง เนื่องจากไปกันเป็นคณะหลายท่าน วันแรกของการเดินทาง ทุกคนพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิเคาน์เตอร์เช็กอินของสายการบินไทยเที่ยวบิน TG 618 ออกเดินทางประมาณ 10.15 น. ถึง นครเฉิงตู เวลา 14.25 น.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง เวลาที่นั่นเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง หลังจากผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว ทุกคนพร้อมบนรถบัสมุ่งหน้าสู่เมืองเฉิงตู เพื่อเยี่ยมชมวัดอู๋โหว หรือ ศาลสามก๊ก เป็นแห่งแรกของวันนี้ เฉิงตู เป็นเมืองหลักของมณฑลเสฉวน ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน มีแหล่งท่องเที่ยวที่ยิ่งใหญ่ตระการตามากมายหลายแห่ง สามารถผสมผสานระหว่างชุมชนเก่าแก่กับเทคโนโลยีแบบทันสมัยเข้ากันได้ดี ถึงแม้ว่าจะมีอายุยาวนานกว่า 2,300 ปีมาแล้ว อีกทั้งยังมีการคมนาคมที่สะดวกสบาย สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีห้างสรรพสินค้าที่ทันสมัยตั้งอยู่ใจกลางเมือง จึงทำให้เมืองเฉิงตูกลายมาเป็นจุดศูนย์กลางที่สำคัญของภูมิภาคตะวันตก เมื่อเดินทางมาถึงวัดอู๋โหว หรือ ศาลสามก๊ก (Wuhou Memorial Temple )ต้องเสียค่าบัตรเข้าชม แต่ทางคณะเรามีทีมงานของบริษัททัวร์จัดการไว้ล่วงหน้าแล้ว ทำให้เข้าไปชมความงดงามภายในวัดอย่างง่ายดาย พร้อมทั้งฟังประวัติความเป็นมาจากไกด์หนุ่มชาวจีนที่พูดภาษาไทยได้ชัดถ้อย ชัดคำ ไกด์เล่าว่า ที่นี่สร้างขึ้นโดยพระบัญชาของกษัตริย์แห่งอาณาจักรเฉิง ปลายราชวงศ์จิ๋นประมาณ 1,800 กว่าปีมาแล้ว ประกอบไปด้วยรูปปั้นเล่าปี่ ขงเบ้ง กวนอู เตียวหุย และ 14 ทหารเอก ภายในวัดอู๋โหว มีบรรยากาศร่มรื่นล้อมรอบไปด้วยต้นไซเปรส ดูจากสภาพต้นไม้แล้ว น่าจะมีอายุหลายปีและมีกำแพงสีแดงดูคลาสสิก เชื่อกันว่าหากได้มาสักการะจะมีโชคลาภเงินทองเข้ามาในชีวิต อีกทั้งยังมีศิลาจารึกหลายแผ่น แต่ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ เสาหินแห่งความสำเร็จ 3 ประการ หนึ่งในงานฝีมือระดับต้นๆในประเทศจีน ถัดมาจากวัดอู๋โหว มีประตูสามารถเชื่อมเดินออกมาทางด้านหลังจะเป็นถนนโบราณจินหลี่ (Jinli Street )จัดว่าเป็นถนนที่ถ่ายทอดความเป็นเฉิงตูได้อย่างดี เนื่องจากมีการบันทึกไว้ว่าในอดีตถนนเส้นนี้เป็นย่านการค้าที่คึกคักที่สุดแห่งหนึ่ง ตั้งแต่ราชวงศ์ฉิน ปัจจุบันคือแหล่งช้อปปิ้ง ที่สวยสะดุด อาคารบ้านเรือนเก่าแก่แบบดั้งเดิมถูกประดับประดาด้วยโคมไฟหลากสี ร้านค้าต่างๆถูกเรียงรายตามตรอกซอกซอย แต่ที่พลาดไม่ได้คือ มีร้านขายหม่าล่า ชนิดต่างๆมีทั้งไก่ แพะ ปลาหมึก ปลา สารพัดจะทำเป็นหม่าล่า รสชาติจี๊ดจ๊าด เผ็ดชาไปทั้งลิ้น สร้างความประทับใจให้เหล่านักชิมได้เพลิดเพลินแน่นอน มีให้เลือกลิ้มชิมรสตลอดเส้นทางของถนนสายนี้ หลังจากเดินเล่นบนถนนโบราณจินหลี่ ทั้งอิ่ม ทั้งเพลิน ชมของสวยงามสะดุดตาทั้งนั้น ทุกอย่างเป็นแบบโบราณที่แฝงไปด้วยวัฒนธรรมอันอบอุ่น ทำให้ถนนสายนี้กลายเป็นแหล่งช้อปปิ้งที่มีชื่อเสียง สะท้อนให้เห็นวิถีชีวิตของชาวจีน ท่ามกลางความเติบโตทางเศรษฐกิจ ผสมผสานกันอย่างกลมกลืน ยิ่งยามเย็นใกล้ค่ำโคมไฟถูกเปิดสว่างไสวช่างเป็นบรรยากาศที่โรแมนติกเหลือเกิน และไม่ไกลจากที่นี่ เพียงเดินออกมาถนนใหญ่นิดหน่อย จะพบร้านอาหารสำหรับมื้อเย็น ถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อย เป็นร้านอาหารจีนที่รสชาติถูกปากคนไทยแน่นอน อิ่มหนำสำราญกันถ้วนหน้าในมื้อเย็น มีทั้งเมนูผัดผัก ไก่ผัด ซุปร้อนๆ ซาลาเปา ขนม น้ำชาร้อนๆและอีกหลายเมนูที่ไม่รู้จัก แต่จะคุ้นเคยกับรสชาติอาหารจีน หลังจากเสร็จจากมื้อเย็นนี้แล้ว มีโปรแกรมเดินทางไปดูโชว์เปลี่ยนหน้ากาก ที่สืบทอดกันมาเฉพาะในตระกูลเท่านั้น ไม่เผยแพร่ให้บุคคลทั่วไป การแสดงนี้มีช่วงค่ำๆผู้แสดงต้องใช้ความสามารถในการสะกดผู้ชมให้จับไม่ได้ว่าเปลี่ยนหน้ากากตอนไหน เพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียวเอง น่าตื่นเต้นตลอดการชม เรียกเสียงปรบมืออย่างท่วมท้น ทำให้วันนี้มีแต่ความประทับใจ พบสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่เคยเห็น ค่ำคืนนี้จบลงด้วยดี พร้อมที่นอนนุ่ม ๆของ In Liang Hotel ที่พักระดับ 4 ดาว ใกล้ย่านการค้าถนนชุนสี สามารถมองเห็นแสงสีในยามค่ำคืนได้อย่างตระการตา วันที่สอง ต้องเดินทางไปเมืองเล่อซาน เพื่อไปนมัสการพระพุทธรูปเล่อซาน ( Leshan Grand Buddha ) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ทุกคนในคณะเราพร้อมออกเดินทางเวลา 8.00 น.ระหว่างสองข้างทางจะได้เห็นวิถีชีวิตของผู้คนในมณฑลเสฉวน ทั้งอาคารบ้านเรือนแบบจีนโบราณและตึกราบ้านช่องที่ทันสมัยปะปนกันกันไป จนกระทั่งรถแล่นออกสู่นอกเมืองเฉิงตู จะเริ่มเห็นแปลงผัก สวนผลไม้ ไร่นา ดูแล้วอุดมสมบูรณ์ไม่น้อย แมกไม้นานาพันธุ์สีเขียวขจีช่างเพลิดเพลินตายิ่งนัก มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อรถจอดพักให้ลงไปคลายปวดเมื่อยเพราะผ่านไปแล้วหนึ่งชั่วโมง ไกด์หนุ่มบอกว่า ที่นี่เป็นจุดพักรถและเป็นแหล่งของขายกาใส่น้ำชา อีกทั้งมีพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรื่องราวความเป็นมาของชาชนิดต่างๆ และกาน้ำชารูปทรงต่าง ๆ เมื่อเดินทางถึงเมืองเล่อซาน เป็นเวลาอาหารกลางวันพอดี ในย่านนี้มีร้านอาหาร ภัตตาคารให้เลือกหลายร้าน ติดกับถนนเลียบแม่น้ำหมินเจียง อยู่ไม่ไกลจากท่าจอดเรือที่จะต้องนั่งเรือไปกราบนมัสการหน้าองค์พระหลวงพ่อเล่อซาน หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ ทุกคนมุ่งหน้าไปท่าเรือพร้อมเสื้อชูชีพ เป็นเรือขนาดใหญ่มี 2 ชั้น สามารถนั่งชมวิวทิวทัศน์ของลำน้ำได้อย่างสวยงาม สามารถจุคนได้ประมาณ 50 – 70 คน ค่าเรือประมาณ 70 หยวน ตามประวัติกล่าวไว้ว่าพระพุทธรูปเล่อซานต้องใช้เวลาสร้างถึง 90 ปี โดยหลวงพ่อไท่หง เป็นผู้นำเงินบริจาคจากชาวบ้านมาสร้างเพื่อความเป็นสิริมงคลและปกป้องภัยน้ำท่วมจากแม่น้ำหมินเจียง ซึ่งมีความยาวถึง 600 กิโลเมตร เพราะว่าพระพักตร์ของหลวงพ่อหันออกสู่แม่น้ำหมินเจียง เป็นพระพุทธรูปนั่งสูงถึง 71 เมตร ไหล่กว้าง 24 เมตร เฉพาะพระบาทกว้าง 9 เมตร ยาว 11 เมตร ความมหัศจรรย์อลังการอยู่ที่การแกะสลักลงไปบนผาหิน จึงจัดว่าเป็นพระพุทธรูปแกะสลักที่ใหญ่ที่สุดในโลก หนึ่งในมรดกโลกจากยูเนสโกเมื่อเดือนธันวาคม ปี ค.ศ. 1996 ตั้งตระหง่านอยู่บนเกาะเล่อซานมานับพันปี ถือเป็นความยิ่งใหญ่ที่ชาวพุทธให้ความเคารพนับถือ ปลื้มปิติยิ่งนักเมื่อเรือมาจอดตรงหน้าพระพักตร์ให้กราบสักการะ หลังจากอิ่มบุญ อิ่มใจกันถ้วนหน้าเดินทางกลับเข้าสู่เมืองเฉิงตูต่อ เพื่อแวะเยี่ยมชมศูนย์การค้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้ เรียกได้ว่าทันสมัยสุดๆถือเป็นหน้าเป็นตาของเมืองเฉิงตู ชื่อว่า Global Center ศูนย์กลางโลกศตวรรษใหม่ ภายในเป็นที่ตั้งของสำนักงานต่าง ๆ ห้องประชุม มหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ รวมไปถึงศูนย์การค้าขนาดใหญ่อีก 2 แห่ง โรงแรมระดับ 5 ดาว 2 แห่ง โรงภาพยนต์ไอแม็กซ์ หมู่บ้านเมดิเตอร์เรเนียน สวนสนุกจำลองและชายหาดทะเลเทียม โดยมีเนื้อที่ราว 400,000 ตารางเมตร ยิ่งใหญ่เหลือเกินจนต้องตะลึง ใช้เวลาอยู่ตรงนี้ไม่นานเพราะส่วนมากมีแต่ของแบรนด์เนม และใกล้เวลาอาหารเย็น มื้อนี้เป็นมื้อที่พิเศษเพราะทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ได้เตรียมของขวัญสำหรับผู้ร่วมทริปทุกท่าน นำโดย ผศ.ศิวะ วสุนธราภิวัฒน์ (อธิการบดี)และผศ.ดร.อาคีรา ราชเวียง พร้อมทั้งทีมงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ของมหาวิทยาลัย บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่น พร้อมความประทับใจ ทำให้ค่ำคืนนี้เปี่ยมไปด้วยความสุข วันที่สาม เราเดินทางมาถึงวันสุดท้ายกันแล้ว มาเฉิงตูทั้งทีอย่าลืมแวะทักทายแพนด้าแสนน่ารัก ทันทีเมื่อรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อย ทุกคนพร้อมมากที่จะไปศูนย์อนุรักษ์แพนด้ายักษ์เมืองเฉิงตู (Chengdu Research Base of Giant Panda Breeding) ห่างจากเมืองเฉิงตูประมาณ 10 กิโลเมตร เพื่อเยี่ยมชมแพนด้าสายพันธุ์ต่าง ๆ ที่นี่เป็นศูนย์อนุรักษ์ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของโลก ในด้านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ การเพาะพันธุ์ การศึกษาค้นคว้าและปรับปรุงพันธุ์ ภายในศูนย์บรรยากาศร่มรื่น อุดมไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ โดยเฉพาะต้นไผ่ ที่มีให้เห็นตลอดเส้นทาง ส่วนแพนด้ายักษ์นั้นถูกจับจ้องจากนักท่องเที่ยวด้วยสายตาแห่งความสุข เพราะความน่ารักทำให้หลายคนหลงใหลเดินดูอย่างชื่นชม แพนด้าจะอยู่ตามใต้ต้นไม้บ้าง บนต้นไม้บ้างในเนื้อที่กว้างขวาง หากใครชอบแพนด้า ที่นี่เขามีตุ๊กตาแพนด้าขายเป็นซุ้มไม้หลังเล็กๆ มีทั้งด้านในและด้านนอกของศูนย์ สำหรับเป็นของฝากได้ หลังจากเพลิดเพลินกับความน่ารักของแพนด้ากันแล้ว มาถึงอาหารกลางวันที่แสนประทับใจผู้เขียนมาก ๆ คือ ร้านชาบู เนื้อ หมู ไก่ ปลาหมึก ปลา สารพัดจะลวกในน้ำซุปหม่าล่า มีรสชาติหลากหลาย เรียกได้ว่ามาเมืองนี้ก็ต้องลิ้มรสของหม่าล่า ที่จัดว่าเด็ด เผ็ดร้อน ชาไปทั่วทั้งลิ้น ซึ่งร้านประเภทนี้มีเยอะมาก ต้องลอง จบทริปนี้ด้วยอาหารกลางวันที่ทุกคนติดอกติดใจและต้องเดินทางกลับประเทศไทย ช่วงเวลา 15.30 น.ด้วยเที่ยวบิน TG 619 ทำให้ทุกคนต้องทำเวลาในการรับประทานอาหารเพื่อให้ทันเวลาขึ้นเครื่อง ถึงแม้ว่าจะเป็นการเดินทางในระยะสั้น ๆเพียง 2 คืน 3 วัน แต่คุ้มค่ามาก เพราะสถานที่ท่องเที่ยวแต่ละแห่งมีความสวยงามทั้งนั้น อาหารก็เลิศรส ไม่แพงอย่างที่คิด เหมาะสำหรับการมาเป็นครอบครัวหรือมากันแบบคณะหลายคน จะทำให้ประหยัดการเดินทางและค่าใช้จ่าย ส่วนสายการบิน ก่อนที่จะมีโรคโควิด – 19 มีหลายสายการบินที่บินตรงมาเฉิงตู แต่หลังจากนี้ไปต้องเช็กกับสายการบินแต่ละสายการบินอีกทีว่ามีสายไหนที่จะยังทำการบินอยู่ คงต้องรอให้น่านฟ้าระหว่างประเทศเปิดอย่างเป็นทางการ ช่วงนี้วางแผนการท่องเที่ยวกันไปพลางๆเพราะเฉิงตูเป็นเมืองน่ารักจริง ๆต้องมาเยือนสักครั้ง เฉิงตู ไม่ได้มีแค่หมีแพนด้า !!! สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนมาประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน 1.ค่าวีซ่าท่องเที่ยว ท่านละ 1,500 บาท ( ประมาณ 4 วัน ) 2.ซิมการ์ดได้ทุกเครือข่าย หรือ พอคเกตไวไฟ เพื่อความสะดวกในติดต่อสื่อสาร 3.เตรียมแลกเงิน สกุลหยวน (1 หยวน ประมาณ 5 บาท แต่ละวันไม่เท่ากันต้องเช็กก่อน ) 4.ค่าเดินทาง มีค่าตั๋วเครื่องบิน ที่พัก อาหาร รถนำเที่ยว ทั้งหมดนี้จะรวมในค่าเดินทาง ส่วนราคานั้นจะถูกหรือแพงขึ้นอยู่กับสายการบินและที่พัก 5.ค่าทิปไกด์ หัวหน้าทัวร์ คนขับรถ คนละประมาณ 300 หยวน 6.ตรวจสอบสภาพอากาศก่อนมา เพื่อจัดเตรียมเครื่องแต่งกาย เรื่อง : Chidapa Bam ภาพ : Chidapa Bam และ Obb มทร.รัตนโกสินทร์ ขอขอบคุณ มทร.รัตนโกสินทร์เอื้อเฟื้อการเดินทาง