สมาธิคืออะไร?คือ การเปิดประสาทการรับรู้ หรือ อวัยวะรับรู้ ให้สิ่งที่สนใจ หลังจากนั้น จึงเกิดการกระทำใด ๆ ต่อสิ่งนั้นเป็นช่วงเวลาหนึ่ง โดยลด หรือ ตัด ประสาทการรับรู้ในสิ่งอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องออกไป (เราสามารถเลือกสิ่งที่จะรับรู้ได้ เช่น ตาจะมองเห็นหลายสิ่งโดยรวม เเต่เราเลือกที่จะมองสิ่ง ๆ เดียวที่เราสนใจจริงได้ ทำให้มองเห็นชัดที่สุด) เช่น 1. สมาธิต่อการอ่านหนังสือใดๆ เป็นการใช้ตาในการรับข้อมูลจากหนังสือที่จดจ่อ โดยรับข้อมูลที่เป็นคำเข้ามาประมวลผลในสมอง โดยตัดสิ่งรบกวนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง อย่างการลดการรับเสียงรอบตัวของเราลง เพื่อจดจ่อกับการอ่านเพียงอย่างเดียว2. การคิดเเก้ไขปัญหาในเรื่องหนึ่ง เป็นการดึงข้อมูลจากความทรงจำมาเรื่อย ๆ เเล้วรับมันมาประมวลผลเป็นระยะเวลาหนึ่ง จนอาจได้คำตอบออกมาประโยชน์1. ความจำดีขึ้น เพราะว่าก่อนที่เราจะเก็บข้อมูลไปไว้ในสมอง เราจะต้องมีการรับรู้ต่อข้อมูลนั้น ๆ อย่างจดจ่อเป็นช่วงเวลาหนึ่ง เราถึงสามารถเก็บข้อมูลนั้นไว้ในสมองได้2. มีความจดจ่อกับความคิดสร้างสรรค์ จนสามารถนำข้อมูลเเต่ละส่วนมาเชื่อมโยงเเล้วเกิดสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมา พอเกิดสิ่งใหม่เราก็จดจำสิ่งนั้นได้ เพราะเรามีสมาธิกับมัน3. การลดการรับรู้ที่ไม่จำเป็นต่อเป้าหมายหลักของเรา ทำให้ได้งานมากขึ้น,ใช้เวลาน้อย, ผิดพลาดน้อย, เหนื่อยน้อยลง4. เกิดการอยู่กับปัจจุบัน ทำให้เก็บข้อมูล หรือ ประสบการณ์ ในขณะนั้น ๆได้อย่างเต็มที่ เพราะไม่ต้องคิดย้อนถึงข้อมูลในอดีต หรือ คิดถึงอนาคต ซึ่งจะรบกวนสิ่งที่เรากำลังจดจ่ออยู่ในปัจจุบัน5. ปลอดภัยต่อชีวิต เพราะว่าการมีสมาธิ จะป้องกันความผิดพลาดที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต เช่น ในขณะขับรถเรามัวเเต่คุยโทรศัพท์ จนไม่ได้ดูรถโดยรอบให้ดี อาจเกิดการชนได้การนำไปใช้ในชีวิตจริงความจริงเเล้ว เราทุกคนมีสมาธิเหมือนกันหมด ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้มันในการรับรู้ สิ่งที่เป็นประโยชน์ หรือ สิ่งที่ไร้ประโยชน์ต่อตัวเรา เช่น เรามีสมาธิใน- การเล่นเกม 1 ชั่วโมง- การฟังเพลง 30 นาที- วางเเผนว่าเย็นนี้กินอะไรดี- การคิดทบทวนความจำเเย่ ๆ ในอดีตเเต่เราเลือกที่จะมีสมาธิไปกับสิ่งที่ไร้ประโยชน์มากกว่า เพราะว่าเรามีนิสัยที่ถูกกำหนดให้มีมาตั้งเเต่เกิดเเล้ว เรียกว่า สัญชาตญาณสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดสมาธิได้ง่าย เพราะสัญชาตญาณของเรากำหนดให้เป็นเเบบนั้น ได้เเก่1. ทุกสิ่งที่มีความสนุกสนานย่อมเกิดสมาธิต่อสิ่งนั้นได้ง่าย ไม่ต้องพยายามอะไรมาก เเม้ว่าสิ่งนั้นจะไม่มีประโยชน์2. ทุกสิ่งที่อาจเป็นอันตราย ไม่ว่าจะเป็นเสียงที่ดังขึ้นมารอบตัว, การเดินอยู่ในความมืด, เกิดโรคกับตัวเราซึ่งเราจะต้องสนใจจดจ่อกับสิ่งเหล่านี้ เพื่อที่จะเเก้ไขมัน เเล้วเกิดความปลอดภัยขึ้นมา ถ้าไม่มีสัญชาตญาณเเบบนี้เราอาจบาดเจ็บ หรือ ตายได้3. การกำหนดเป้าหมายที่เราจะต้องทำให้สำเร็จ จะทำให้ทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเป้าหมายนั้น อยู่ในความจดจ่อที่จะรับรู้ของเราเสมอ ทำให้ง่ายต่อการเรียนรู้ เเละกระทำเกี่ยวกับสิ่งนั้น4. การกระทำใด ๆ ที่เป็นนิสัยของเราเเล้ว จะทำให้เกิดสมาธิต่อการกระทำนั้นได้ง่าย เเละการกระทำอื่นใดที่ไปขัดขวางนิสัยเดิมของเรา ย่อมทำให้เกิดสมาธิได้ยาก เช่น เราชอบกินเนื้อย่าง เเต่เปลี่ยนเป็นกินสลัดล้วน ๆ ย่อมทำให้เราเกิดการต่อต้านในสมอง5.การกระทำใดที่คนส่วนใหญ่ให้คุณค่ากับมัน ย่อมทำให้เรามีสมาธิในการกระทำนั้นได้ง่าย เเม้ว่าการกระทำนั้น เราคิดว่ามันไร้ประโยชน์ก็ตาม รวมไปถึงการกระทำใด ที่คนส่วนใหญ่ไม่ให้คุณค่า จะทำให้เราเลี่ยงที่จะกระทำเเบบนั้นด้วย สรุปการกระทำนั้นอาจไม่ได้เหมาะกับเรา เเต่เราอยากทำมันเพราะคนอื่นให้การยอมรับเเค่นั้น6. สิ่งใหม่ ๆ ล้วนกระตุ้นให้เกิดสมาธิได้ง่าย ทำให้เราสนใจที่จะกระทำเกี่ยวกับสิ่งนั้น จนกว่าเราจะรู้สึกเบื่อ เเล้วสมาธิก็จะค่อย ๆ หมดไป เเล้วไปสนใจสิ่งใหม่ต่ออธิบายคำเฉพาะ1. สิ่งเร้า ● คือ สิ่งที่ทำให้เกิดการตอบสนอง ซึ่งสิ่ง ๆ นั้นอาจอยู่ภายใน หรือ ภายนอกร่างกายของเราก็ได้● ภายใน คือ สิ่งเร้าเกิดขึ้นภายในร่างกายของมนุษย์ หรือ สิ่งมีชีวิต เช่น สารในร่างกายที่ผลิตออกมา เเล้วก็ไปกระตุ้นให้เกิดการกระทำขึ้น, คลื่นในสมองที่เกิดขึ้นมา เเล้วสั่งร่างกายให้กระทำบางสิ่ง● ภายนอก คือ สิ่งเร้าเกิดขึ้นภายนอกร่างกายของมนุษย์ หรือ สิ่งมีชีวิต เช่น เเสงเเดด, น้ำ, อากาศ2. พฤติกรรม / การตอบสนอง ● คือ การกระทำใด ๆ เมื่อถูกกระตุ้นโดยสิ่งเร้า●การตอบสนอง จะเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นในทันที โดยไม่ผ่านการคิด● พฤติกรรม จะเป็นการกระทำที่ผ่านการคิดในสมองก่อนรูปเเบบการใช้คำ- (พฤติกรรม หรือ การตอบสนอง) ต่อ (ชื่อสิ่งเร้า) เช่น ความกลัวต่องูพิษ- พฤติกรรม (ชื่อการกระทำที่ถูกกระตุ้นโดยสิ่งเร้า) เช่น พฤติกรรมการวิ่งหนี เพราะเจองูพิษ- การตอบสนอง โดย (ชื่อการกระทำที่ถูกกระตุ้นโดยสิ่งเร้า) เช่น การตอบสนองโดยการดึงมือออก เมื่อเอามือไปเเตะน้ำร้อน3. สัญชาตญาณ ● คือ พฤติกรรมที่ถูกกำหนดมาตั้งเเต่เกิด ไม่ได้เกิดจากการเรียนรู้, สอน เเต่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ4. นิสัย● คือ การกระทำซ้ำ ๆ ทุกครั้งเมื่อเจอสิ่งเร้า จะทำเเบบนั้นเป็นช่วงเวลาหนึ่ง หรือตลอดไป ซึ่งสามารถเปลี่ยนเเปลงได้ คือ พฤติกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ เป็นประจำ เช่น การนอนตอนเที่ยงคืน, การเเปรงฟันหลังอาหาร, การอ่านหนังสือทุก 4 ทุ่ม5. การประมวลผล● การกระทำใด ๆ ต่อข้อมูล เเล้วได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ เช่น การคำนวณ, วิเคราะห์, เปรียบเทียบ6. การวิเคราะห์● การนำข้อมูลขนาดใหญ่ มาเเยกเป็นข้อมูลขนาดเล็กที่มีความเชื่อมโยง หรือความสัมพันธ์ที่เกี่ยวข้อง เป็นเหตุเป็นผลกัน เพื่อที่จะได้เข้าใจข้อมูลขนาดใหญ่นั้นอย่างชัดเจน7. ประสาทการรับรู้ หรืออวัยวะการรับรู้● คือ อวัยวะที่มีหน้าที่ในการรับข้อมูลเข้ามา เช่น ดวงตาจะรับข้อมูลที่เป็น ภาพ, ตัวอักษร เข้ามาเก็บไว้ในสมองเเล้วนำมาวิเคราะห์หาผลลัพธ์มีทั้งหมด 5 อวัยวะใหญ่ ๆ ได้เเก่ ตา, หู, จมูก, ลิ้น, ผิวหนัง (อาจรวมไปถึงเซลล์ประสาทที่รับข้อมูลที่มาจากอีกเซลล์)สรุป● สมาธิ คือ ทักษะที่เเสดงถึงความเเตกต่าง ระหว่างมนุษย์กับสัตว์ตัวอื่น มันทำให้เกิด การสร้างผลงานมากมาย,การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ เสมอ เเต่มันก็เป็นทักษะที่ต้องฝึกฝน เพราะคนส่วนใหญ่มีสมาธิสั้นต่อความรู้มากกว่าความบันเทิง● ดังนั้นต้องฝึกจดจ่อกับสิ่งที่เป็นประโยชน์นาน ๆ เเล้วทักษะนี้จะเป็นพื้นฐานสร้างความร่ำรวยเเก่เราเอง เพราะเราจะสร้างผลงานมากมาย ที่เปลี่ยนเป็นเงินได้จากการมีสมาธิเครดิตแหล่งที่มาของภาพ : ภาพปก YakobchukOlena / canvaภาพที่ 1 mik38 / canvaภาพที่ 2 jupiterimages / canvaภาพที่ 3 bee32 / canva