เมื่อไหร่นักท่องเที่ยวจะกลับมาเหมือนเดิม.. คำถามที่ได้ยินมาอยู่เสมอ อย่างที่ทราบกันว่าประเทศเราต้องพึ่งพารายได้จากการท่องเที่ยว ในปี พ.ศ.2562 ที่ผ่านมา ประเทศเราต้อนรับนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนถึง 26,563,001 คน มีรายได้เข้าประเทศ 1,289,626 ล้านล้านบาท* แต่ทราบกันไหมว่าอีกปัจจัยที่ส่งผลถึงตัวเลขนักท่องเที่ยวว่าจะมาก หรือน้อยคือ ค่าเงินบาท หลายคนได้ดูข่าวเศรษฐกิจพูดถึงเรื่อง เงินบาทแข็ง กับ เงินบาทอ่อน แต่ไม่เข้าใจสักทีว่ามันคืออะไร มีผลยังไงกับการท่องเที่ยว วันนี้เราจะมาเข้าใจกันด้วยภาษาง่าย ๆ ไม่เครียดตามแบบฉบับผู้เขียนกันเช่นเคย ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจกับคำว่า เงินบาทแข็ง และ เงินบาทอ่อน กันก่อน เหรียญบาทจับดูมันก็ต้องแข็งอยู่แล้วมีอ่อนด้วยหรือ ไม่ใช่แบบนั้นครับ เวลาเราดูข่าวสมมุติว่าค่าเงินวันนี้ 32 บาท ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ หมายถึงว่าเราต้องเอาเงิน 32 บาท เพื่อแลกเงิน 1 ดอลลาร์ เรายืนอยู่ที่นิวยอร์กจะซื้อแฮมเบอร์เกอร์ราคา 10 ดอลลาร์ ต้องใช้เงิน 320 บาท ในขณะเดียวกันฝรั่งยืนอยู่หน้าเคาเตอร์โรงแรมที่พัทยา ต้องใช้เงิน 100 ดอลลาร์เพื่อแลกเป็นเงินบาทไทยให้ได้ 3,200 บาท เพื่อจ่ายค่าโรงแรม 1 คืน นึกภาพตามไปเรื่อย ๆ นะครับ เข้าสู่จุดสำคัญแล้ว ค่าเงินบาทแข็ง หมายถึงฝรั่งเอาเงินดอลลาร์มาแลกเงินบาทไทยได้น้อยลง เช่น วันนี้ 1 ดอลลาร์แลกได้ 32 บาท ถ้าวันใด 1 ดอลลาร์แลกได้แค่ 27 บาทนั่นคือ ค่าเงินบาทแข็งขึ้น ย้อนกลับไปที่ฝรั่งคนเดิมแลกเงินเพื่อจ่ายค่าโรงแรมพัทยา 3,200 บาท จากเดิมที่ใช้แค่ 100 ดอลลาร์ ต้องจ่ายเพิ่มเป็น 118 ดอลลาร์เพื่อที่จะแลกเงิน 3,200 บาท มาจ่ายค่าโรงแรม 1 คืน เงินที่ต้องจ่ายเพิ่มอีก 18 เหรียญ คือต้นทุนการท่องเที่ยวที่ชาวต่างชาติต้องจ่ายเพิ่มขึ้น นั่นจึงเป็นคำตอบอย่างง่ายว่าทำไมนักท่องเที่ยวถึง ลดลง ถ้าค่าเงินในประเทศเราแข็งกว่าประเทศอื่น นักท่องเที่ยวจะเลือกประเทศที่ค่าเงินบาทอ่อนเพื่อประหยัดเงิน ในทางกลับกันวันใดที่ 1 ดอลลาร์แลกได้ 40 บาท ฝรั่งคนนั้นจะใช้เงินแค่ 80 ดอลลาร์เพื่อจ่ายค่าโรงแรม ประหยัดไป 20 เหรียญ มันน่ามาเที่ยวมั้ยล่ะครับ ค่าเงินนี้ย้อนกลับไปที่ร้านแฮมเบอร์เกอร์ในนิวยอร์ก ตอนต้นบทความเราใช้เงิน 320 บาทในการซื้อแฮมเบอร์เกอร์ราคา 10 ดอลลาร์ แต่ต้องจ่ายเพิ่มเป็น 400 บาทเพื่อแลกเงินให้ได้ 10 เหรียญ จ่ายแพงขึ้น 80 บาท มันเลยกระตุ้นให้ เกิดการท่องเที่ยวในประเทศ มากขึ้น เรียกได้ว่าค่าเงินบาทอ่อนนี่ได้ประโยชน์ 2 เด้งเลย เพราะการท่องเที่ยวในบ้านเราได้ทั้งนักท่องเที่ยวทั้งใน และนอกประเทศเพิ่ม ได้อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคิดว่าแบบนี้ก็ทำให้ค่าเงินบาทมันอ่อนเยอะ ๆ สิ นักท่องเที่ยวเยอะดี ถ้าค่าเงินบาทมันอ่อนเกินไปมันจะไปสร้างผลเสียให้กับธุรกิจ เพราะโรงงานเคยซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศเดือนละ 1 ล้านดอลลาร์ ปกติเคยใช้เงิน 32 ล้านบาท ต้องมีต้นทุนเพิ่มเป็น 45 ล้านบาทเพื่อซื้อของ 1 ล้านดอลลาร์เท่ากันเมื่อค่าเงิน 1 ดอลลาร์อยู่ที่ 45 บาท คนที่นำเข้าสินค้ามาขายก็ไม่ชอบเพราะต้องจ่ายเงินมากขึ้นตามค่าเงิน เพราะฉะนั้นการที่ค่าเงิน แข็งขึ้น หรือ อ่อนลง มันมีผลกระทบทั้งมีคนได้ประโยชน์ เสียประโยชน์ ค่าเงินจึงต้องอยู่ในระดับที่พอดีในระดับที่เหมาะสม ค่าเงินบาทแข็งไม่ใช่กระทบแค่นักท่องเที่ยวที่จะตัดสินใจมา แต่ยังกระทบถึงธุรกิจท่องเที่ยวในบ้านเราด้วย เพราะนักท่องเที่ยวไทยใช้เงินเท่าเดิม แต่แลกเงินดอลลาร์ได้เยอะขึ้น สมมุติ 32,000 บาทแลกได้ 100 ดอลลาร์ พอแข็งขึ้นอยู่ที่ 27 บาท เราใช้เงินแค่ 27,000 บาทแต่แลกได้ 100 ดอลลาร์เท่าเดิม เพราะฉะนั้นไปเที่ยวต่างประเทศสิ รอช้าทำไมในเมื่อค่าเงินมันยั่วยวนขนาดนี้ ทำให้นักท่องเที่ยวจากเดิมจะไปอยู่ตามดอยอินทนนท์, เกาะภูเก็ต หรือเดินเล่นในถนนคนเดินปาย บางส่วนตัดสินใจไปเที่ยวต่างประเทศแทน ชาวต่างชาติก็ไม่มา มันเลยกระทบกันเป็นลูกโซ่กันไปหมด ไม่ใช่แค่เพียงเงินดอลลาร์ จะเป็นเงินเยนญี่ปุ่น, เงินดองเวียดนาม หรือเงินวอลของเกาหลีใต้ ถ้าแลกเงินบาทไทยได้น้อยลงนับว่าเป็นเงินบาทแข็ง ไม่ได้เฉพาะเจาะจงแค่เงินดอลลาร์ ปกติมันจะสัมพันธ์กันไปทุกสกุลเงิน ถ้าตกก็ตกหมดทั้งภูมิภาค แต่เมื่อวันใดที่ประเทศเราเจอปัญหาทางเศรษฐกิจเช่นมีก่อการร้าย, มีความวุ่นวาย นักลงทุนจะตกใจกับข่าว ขนเงินลงทุนออกไปจากประเทศเรา ค่าเงินบาทจะแข็งขึ้นสวนทางจากประเทศเพื่อนบ้าน เมื่อนั้นนักท่องเที่ยวจะเลือกไปประเทศอื่นที่ค่าใช้จ่ายถูกกว่าทันที รู้อย่างนี้แล้วเรามาช่วยกันรักษาบรรยากาศในบ้านเราให้สงบ น่าอยู่กันดีกว่า จะเกิดผลดีกับภาครวมทั้งหมด ที่สำคัญเมื่อเราทำให้ประเทศน่าอยู่ มันจะเกิดผลทางบวกให้ชาวต่างชาติมาเที่ยวกันมากขึ้น เพราะมาแล้วประทับใจ กลับไปแล้วบอกต่อชวนกันมาเที่ยว ถึงค่าเงินจะแข็งไปบ้างแต่มาแล้วประทับใจใครก็อยากมา รู้อย่างนี้แล้วเรามาร่วมแรงร่วมใจสามัคคีกัน ยิ้มแย้มแจ่มใสต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทุกชาติ ไม่เอารัดเอาเปรียบ เมื่อนั้นเราจะมีภูมิต้านทานด้านการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่ง และรายได้จากการท่องเที่ยวจะกลับมาเฟื่องฟูอีกครั้ง ประเทศเกิดปัญหา มีแต่เราคนไทยเท่านั้นที่จะจับมือร่วมกันฝ่าวิกฤตไปได้ ผมเชื่อว่าทุกคนทำได้ และทำได้ดีด้วย อีกไม่นานทุกอย่างจะกลับสดใสอย่างแน่นอน ภาพหน้าปก : โดยผู้เขียน