“เงินบาท” เป็นสกุลเงินของประเทศไทย ถูกใช้ในประเทศไทย มีความสำคัญในแง่ของเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังถูกใช้อย่างไม่เป็นทางการในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น พม่า ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ผู้อ่านหลายคนคงเคยได้ยินคำว่า “เงินบาทแข็งค่า” และ “เงินบาทอ่อนค่า” ทั้งสองคำมีลักษณะแตกต่างด้วยสกุลแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน มูลค่าของเงินจึงไม่เท่ากันเพราะการเติบโต และความแข็งแรงของเศรษฐกิจไม่เท่ากัน ผมขออธิบายง่าย ๆ อย่างนี้ครับ “เงินบาทแข็งค่า” คือ เงินบาทของประเทศไทยมีค่าเงินมากขึ้นโดยเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เช่น เมื่อวานนี้ เงินไทย 35 บาท แลกได้ 1 ดอลลาร์สหรัฐ แต่วันนี้ เงินไทย 30 บาท แลกได้ 1 ดอลลาร์สหรัฐส่วน “เงินบาทอ่อนค่า” คือ เงินบาทของประเทศไทยมีค่าเงินน้อยลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เช่น เมื่อวานนี้ เงินไทย 35 บาท แลกได้ 1 ดอลลาร์สหรัฐ แต่วันนี้ เงินไทย 40 บาท แลกได้ 1 ดอลลาร์สหรัฐ แน่นอนว่าภาวะการเงินแบบนี้ย่อมมีทั้งผลดี และผลเสียต่อระบบเศรษฐกิจโดยเฉพาะในสถานการณ์ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2019 ในช่วงวันที่ 18 กันยายน 2019 ค่าเงินบาทประมาณ 30.54 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ เป็นค่าที่แข็งที่สุดในรอบ 6 ปีของไทย ทำให้ประเทศไทยมีค่าเงินบาทแข็งค่ามากที่สุดในเอเชียอีกด้วย ถ้านำไปเทียบกับสหรัฐในช่วงเดียวกันจากต้นปี แข็งค่ากว่าร้อยละ 6.2 ส่วนเงินยูโรร้อยละ 9.6 ส่วนค่าเงินบาทแข็งกว่าเงินปอนด์ร้อยละ 8.3 โดยปกติทิศทางของของค่าเงินบาทจะเป็นไปในทิศทางเดียวกับเงินหยวนของจีน เมื่อเริ่มมีการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ในช่วงปลายเดือนธันวาคม 2019 ค่าเงินบาทก็เหมือนเริ่มอ่อนตัวลง แล้วมาเริ่มทรงตัวที่ 32.30 – 32.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ แต่ถ้าวันใดเงินบาทแข็งค่าไปถึง 29 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ วิกฤตเศรษฐกิจที่กระทบต่อการส่งออก การท่องเที่ยว อย่างแน่นอน โดยเฉพาะการท่องเที่ยวประเทศไทย มีบทบาทสำคัญเกือบร้อยละ 20 ของ GDP เมื่อเกิดสถานการณ์เงินบาทแข็งย่อมส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างแน่นอน อีกทั้งธุรกิจการท่องเที่ยวของไทยมีทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ และรายย่อย ถือเป็นรายได้สำคัญต่อประเทศ เมื่อเงินบาทแข็ง เงินในกระเป๋าของนักท่องเที่ยวก็น้อยลง การมาเที่ยวประเทศไทยแพงขึ้น โดยเฉพาะรายได้จากต่างชาติ เมื่อเทียบกับประเทศโดยรอบ เช่น ลาว อินโดนีเซีย กันพูชา และพม่า นักท่องเที่ยวก็เลือกใช้จ่ายในประเทศที่ถูกกว่า โดยใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการเดินทาง หรือทางผ่านเพียงเท่านั้น ดังจะเห็นในปี 2019 แม้นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเป็นไปตามเป้า คือ 39 ล้านคน ดีขึ้นกว่าปีก่อนนิดหน่อย แต่แนวโน้นของรายได้ก็ไม่ได้เยอะ เพิ่มขึ้นเพียง 4% จากปัจจัยของค่าเงินบาทแข็งเป็นสำคัญส่งผลต่อการระมัดระวังในเรื่องของการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โจทย์สำคัญของปี 2020 ที่ประชาคมโลกต้องเจอกับภาวการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ประเทศไทยเราอาจต้องตั้งคำถามต่อสถานการณ์ของค่าเงิน แน่นอนว่าหากภาวะค่าเงินเริ่มกลับไปแข็งค่าเหมือนช่วงปี 2019 ที่ผ่านมา การท่องเที่ยวและการส่งออกต้องเจอปัญหาเช่นเดิม ถ้าไม่ร้ายไปกว่านั้นผมคิดว่าการให้ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงกว่านี้หลังภาวะการแพร่ระบาดของโควิด – 19 จบลง ก็จะทำให้มีการลงทุนทั้งในประเทศ และจากนอกประเทศมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งกระตุ้นการท่องเที่ยวมีชาวต่างชาติอยากมาจับจ่ายใช้สอยในประเทศของเรามากยิ่งขึ้น ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว สุดท้ายประเด็นสำคัญที่เราต้องติดตามด้วยอาจส่งผลต่อค่าเงินบาทก็คือ สถานการณ์น้ำมันโลก จะเป็นอย่างไรต้องติดตามและอย่างเข้าใจเพื่อเตรียมตัวให้พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงครับ บทความวิเคราะห์เศรษฐกิจ : ผลกระทบของวิกฤต "COVID-19" ที่มีต่อ "ธุรกิจยานยนต์" มาตรการช่วยเหลือนิสิตนักศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส "COVID-19" บทเรียนจาก "สิงคโปร์" เมื่อการ์ดตก "Agile Workplace" จุดเปลี่ยนออฟฟิศหลังจบ "COVID-19" ภาพถ่ายที่ 1 โดย anan2523 จาก Pixabay / ภาพถ่ายที่ 2 โดย TheDigitalWay จาก Pixabay / ภาพถ่ายที่ 3 โดย Frida Aguilar Estrada จาก Unsplash / ภาพถ่ายที่ 4 โดย Evan Krause on Unsplash / ภาพถ่ายหน้าปกโดย William Rouse on Unsplash