การสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาญี่ปุ่น(日本語能力試験)(Japanese Language Proficiency Test:JLPT) เป็นการสอบเพื่อวัดความสามารถทางภาษาญี่ปุ่นของชาวต่างชาติผู้เรียนภาษาญี่ปุ่น ทั้งที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่นและนอกประเทศญี่ปุ่น ส่วนใหญ่ใช้ในการยื่นเพื่อสมัครเข้าทำงานในบริษัทที่ใช้ภาษาญี่ปุ่นในการสื่อสาร เพื่อเป็นการยืนยันความรู้ความสามารถทางภาษาญี่ปุ่นของผู้สมัคร การสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่น แบ่งออกเป็น 5 ระดับ (N1-N5) และจัดสอบ ปีละ 2 ครั้ง (กรกฎาคมและธันวาคม) ในตัวข้อสอบจะแบ่งเป็นพาร์ทหลักๆ 4 ส่วน คือ語彙 (พาร์ทคันจิและคำศัพท์) 文法 (พาร์ทไวยากรณ์) 読解 (พาร์ทการอ่าน) และ 聴解(พาร์ทการฟัง) เหลือเวลาอีกไม่นาน ใกล้จะถึงวันสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นแล้ว คิดว่าคงมีหลายคนที่ไม่ถนัดพาร์ทการอ่าน ในบทความนี้จึงได้มีการรวบรวมเกี่ยวกับเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ในการทำข้อสอบเกี่ยวกับพาร์ทการอ่าน ไปดูกันเลยเคล็ดลับการทำพาร์ทการอ่าน เคล็ดลับที่1:「คำถามที่ถามเนื้อหา หรือเหตุผล จากส่วนที่ขีดเส้นใต้ จะมีคำบอกใบ้อยู่ที่ประโยคด้านหน้าหรือไม่ก็ประโยคด้านหลัง ใกล้ๆ ส่วนที่ขีดเส้นใต้」 การที่คำใบ้ของคำตอบ จะอยู่ไกลจากส่วนที่ขีดเส้นใต้นั้น มีน้อยมาก โดยส่วนใหญ่แล้ว ถ้าอ่านประโยคหน้าหลังที่ขีดเส้นใต้ให้ดี ก็จะทำให้เราพบคำตอบที่ถูกต้องได้เคล็ดลับที่2:「ถ้ามีรูปประโยคปฏิเสธ(「~ではないだろうか。」)ในข้อสอบ ให้รีบเช็คทันที」 「Aではないだろうか。」จะมีความหมายเท่ากับ「私はAだと思う。」ซึ่งเป็นการแสดงรูปประโยคที่แสดงความคิดเห็นของตัวเองทางอ้อม ยกตัวอย่าง 彼は笑っているけれど、本当はとても悲しいのではないだろうか。 →ถ้าตีความหมาย จะแสดงรูปประโยคตามนี้(私は、)彼はとても悲しんでいると思う。 การแสดงรูปประโยคทางอ้อมแบบนี้ จะเป็นการยืนกรานความคิดของผู้เขียน หรือแสดงในสิ่งที่ผู้เขียนคิด แน่นอนว่าในข้อสอบจะออกบ่อยมาก เคล็ดลับที่3:「ถ้ามีคำสันธานซึ่งเป็นคำเชื่อมที่ให้ความหมายขัดแย้ง「しかし」ในประโยคด้านหลัง จะเป็นส่วนที่สำคัญมาก」 ทำไม ผู้เขียน ถึงใช้ คำสันธาน 「しかし」 ในการเปลี่ยนเรื่องราวของประโยค ?ก็เพราะว่า ผู้เขียนต้องการที่จะยืนกรานความคิดของตัวเอง หรือแสดงในสิ่งที่ตัวเองคิดนั่นเอง เพราะฉะนั้น ประโยคด้านหลัง ที่ต่อจากคำสันธาน 「しかし」จึงมีความสำคัญมาก ลองอ่านและทำความเข้าใจดูเคล็ดลับที่4:「ก่อนที่จะอ่านเนื้อเรื่อง ลองดูแหล่งที่มาของข้อความที่อ้างอิง เพื่อจะได้ทราบหัวเรื่องของเนื้อหา และเพิ่มระดับความเข้าใจ」 ตอนที่อ่านประโยค การที่อ่านประโยคโดยที่เราไม่รู้หัวเรื่อง กับการอ่านประโยคที่เรารู้หัวเรื่องอยู่แล้ว คิดว่าแบบไหนเข้าใจง่ายกว่ากัน แน่นอนว่า การอ่านประโยคโดยที่เรารู้หัวเรื่องมาก่อนจะทำให้เราเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายมากกว่า ถ้าเราอ่านแหล่งที่มาของข้อความที่อ้างอิง ก่อนที่จะอ่านเนื้อหา จะทำให้เราเข้าใจหัวข้อของเนื้อหาโดยส่วนใหญ่ การอ่านแหล่งที่มาของข้อความที่อ้างอิง ใช้เวลาแค่เล็กน้อย 1วินาที หรือ 2 วินาที เพียงแค่นั้น ความเข้าใจจะต่างกับตอนที่ไม่ได้อ่านโดยสิ้นเชิงเคล็ดลับที่5:「วัตถุประสงค์ของพาร์ทการอ่าน คือการอ่านทำความเข้าใจในสิ่งที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อ หรือความคิดเห็นของผู้เขียนได้อย่างถูกต้อง」 วัตถุประสงค์ของพาร์ทการอ่าน คือ การอ่านทำความเข้าใจในสิ่งที่ผู้เขียนต้องการจะสื่อ หรือความคิดเห็นของผู้เขียนได้อย่างถูกต้อง ถือว่าเป็นกุญแจสำคัญ เพราะฉะนั้น ควรเช็คในส่วนที่เป็นการยืนกรานความคิดของผู้เขียน หรือส่วนที่แสดงความคิดเห็นของผู้เขียน โดยเฉพาะการแสดงรูปประโยคเหล่านี้「~はずだ」「~に違いない」「~ではないだろうか」「~と思う」「~と考える/考えられる」「~に他ならない」ที่อยู่รวมในเนื้อหา จะเป็นส่วนที่สำคัญ เคล็ดลับที่6:「ถ้ามีประโยคที่แสดงคำจำกัดความ『~とは~。』ให้รีบเช็คทันที」 คำจำกัดความของคำ จะเป็นจุดเริ่มต้นการเผยให้เห็นถึงหลักตรรกะ(หลักเหตุและผล) หรือความคิดของผู้เขียน เพราะฉะนั้น ในการเขียนเนื้อหา ผู้เขียนจะระมัดระวังในส่วนที่เป็นคำจำกัดความพอสมควร ถ้ามีคำจำกัดความเชิงวิชาการ แน่นอนว่า ก็จะมีคำจำกัดความในแบบของผู้เขียนอยู่ด้วยเป็นธรรมดา ไม่ว่าอย่างไหนก็สำคัญทั้งคู่ ในตอนที่กำลังแก้โจทย์ปัญหา คำจำกัดความนี่แหละจะเป็นกุญแจคำใบ้สำคัญ อยากให้อ่านและทำความเข้าใจให้ดี ว่าผู้เขียนจริงๆ แล้วต้องการจะสื่ออะไรเคล็ดลับที่7:「ถ้ามีรูปประโยคการอุปมา ให้เช็คในส่วนที่เป็นการอธิบายของประโยคอุปมาทันที」 รูปประโยคการอุปมา เป็นการแสดงรูปประโยคทางอ้อม ดังนั้น ถ้าเราตีความตามอำเภอใจโดยใช้ความคิดของเราเอง จะเป็นการทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ค่อนข้างมาก กรณีที่ในข้อสอบที่มีการถามเนื้อหา หรือความหมาย ของรูปประโยคการอุปมา จะมีส่วนที่เป็นการอธิบายเนื้อหาอยู่ด้านหน้าหรือไม่ก็ด้านหลังของประโยคการอุปมาอยู่แล้ว ให้อ่านจับใจความในส่วนนั้นและทำความเข้าใจความหมายอย่างถูกต้องเคล็ดลับที่8:「คำศัพท์ที่ปรากฏออกมาซ้ำๆ จะเป็นKeyword สำคัญ ประโยคที่มีKeywordให้รีบเช็คทันที」 คำศัพท์ที่ปรากฏออกมาซ้ำๆ สิ่งนั้นจะเป็นคำศัพท์ที่ผู้เขียนคิดอยู่เสมอ กล่าวคือ เป็นKeywordสำคัญที่เป็นศูนย์กลางความคิดของผู้เขียน ดังนั้น ประโยคที่มีKeyword จะมีการอธิบายเกี่ยวกับKeyword(=การอธิบายความคิดของผู้เขียน)และจะมีการยืนกรานความคิดของผู้เขียน ด้วยว่าผู้เขียนคิดและรู้สึกอย่างไร เพราะฉะนั้น ห้ามมองข้ามKeywordเด็ดขาดเคล็ดลับที่9:「โจทย์คำถามที่ถามความถูกผิดของเนื้อหา ให้ทำความเข้าใจและตัดคำตอบที่ไม่ถูกต้องทิ้งไป」 โจทย์คำถามที่ถามความถูกผิดของเนื้อหา ทุกคนเคยตอบได้ทันทีเลยไหม ถ้าเป็นคำถามของพาร์ทการอ่าน N1 มันไม่ง่ายเลยที่จะตอบโจทย์คำถามได้ทันที ต่อให้รีบตอบ ก็มีความเป็นไปได้ที่จะผิดสูง ในตอนนั้น ในทางกลับกัน เรามาจับในส่วนที่มันไม่ถูกต้องกันดีกว่า หลังจากนั้นเราค่อยตัดตัวเลือกที่ไม่ถูกต้อง หรือไม่ตรงกับเนื้อหา ไปทีละข้อ และเราจะเจอข้อที่ถูกต้องไปโดยปริยาย เคล็ดลับที่10:「โจทย์ที่ใส่คำสันธาน ให้ทำความเข้าใจกับความหมายระหว่างประโยคหน้ากับประโยคหลัง」 คำสันธาน คือ ชนิดของคำที่แสดงความเกี่ยวข้องของความหมายระหว่างประโยคหน้ากับประโยคหลัง (=ความเกี่ยวข้องเชิงหลักเหตุผล)ด้วยเหตุนั้น ตอนที่กำลังแก้โจทย์คำถามที่มีคำสันธาน การทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องเชิงหลักเหตุผลของประโยคหน้าหลังให้ได้อย่างถูกต้องนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญมาก อาจจะเป็นวิธีที่ดูธรรมดาทั่ว ๆ ไป แต่ถ้าเราตั้งใจอ่านทำความเข้าใจ ท้ายที่สุดแล้วเป็นกุญสำคัญในการแก้โจทย์เลยก็ว่าได้เคล็ดลับที่11:「『AではなくB』『AよりむしろB』『AよりB』『AというよりB』ถ้ามีรูปประโยคที่กล่าวมาข้างต้นล่ะก็ ให้รีบเช็คBทันที」 ผู้เขียน จะมีวิธีการถ่ายทอดความคิดของตัวเองถึงผู้อ่านโดยวิธีที่หลากหลาย หนึ่งในวิธีการถ่ายทอดนั้น ก็คือรูปแสดงประโยคเหล่านี้「AではなくB」「AよりむしろB」「AよりB」「AというよりB」กล่าวคือ ทำให้ B ที่เป็นการยืนกรานความคิดของตัวเอง เด่นขึ้นมาจากการเปรียบเทียบกับA สรุปง่ายๆ คือ ในBจะเต็มไปด้วยการยืนกรานความคิดของผู้เขียน หรือแสดงในสิ่งที่ผู้เขียนคิดนั่นเอง เคล็ดลับที่12:「ถ้ามีรูปแบบประโยคของเนื้อหาเดิมๆ สิ่งเหล่านั้น จะเป็นสิ่งสำคัญของการยืนกรานความคิดของผู้เขียน หรือแสดงในสิ่งที่ผู้เขียนคิด ให้รีบเช็คทันที 」 บางครั้ง ในเนื้อหาจะมีรูปประโยคที่ว่า「คำศัพท์ไม่เหมือนกันแต่เนื้อหาที่พูดเหมือนกัน」「言葉は違うけれど、言っている内容は同じ」สำหรับผู้เขียน ในส่วนที่สำคัญที่เป็นที่เป็นการยืนกรานความคิดของตัวเอง ไม่ว่าอย่างไรก็อยากให้ผู้อ่านเข้าใจ เพราะฉะนั้น ก็จะพยายามอธิบายจากมุมต่างๆ เพื่อที่จะทำให้ผู้อ่านเข้าใจให้ได้ ด้วยเหตุนั้น ผู้เขียนจะใช้เรื่องราวที่มีเนื้อหาเหมือนกัน หรือรูปแสดงประโยคที่หลากหลาย ในการอธิบาย ซึ่งเป็นจุดที่สำคัญอย่างหนึ่งที่เราควรเช็คเคล็ดลับที่13:「ถ้ามีกราฟ ก่อนอื่นให้เช็ค วัตถุประสงค์ของการสำรวจ กลุ่มเป้าหมายของการสำรวจ ความหมายของแกน X,Y และหน่วยต่างๆ」 ผู้คนส่วนใหญ่ที่ไม่ถนัดอ่านกราฟ ก็เพราะว่าไม่รู้วัตถุประสงค์ของการสำรวจ กลุ่มเป้าหมายของการสำรวจ ความหมายของแกน X,Y และหน่วยต่างๆ ถ้าเราไม่เข้าใจสิ่งเหล่านี้ ก็จะแก้ไขโจทย์ปัญหากราฟไม่ได้ วัตถุประสงค์ของการสำรวจ คือ การสำรวจเพื่ออะไรสักอย่าง เช่น「การตรวจสอบความเกี่ยวข้องของผู้ที่มีมือถือกับปริมาณการอ่านหนังสือ」「การสำรวจสถานการณ์ปัจจุบันของญี่ปุ่น」เป็นต้น กลุ่มเป้าหมายของการสำรวจ คือ ผู้คนที่เราจะทำการสำรวจ เช่น「ชายหญิงทั่วไป」หรือ「วัยทำงานตั้งแต่ 20 ปีจนถึง50ปี」เป็นต้น ความหมายของแกน X,Y และหน่วยต่างๆ เช่น แกนแนวตั้ง (Y)และแกนแนวนอน(X)ในแต่ละอัน แสดงข้อมูลเกี่ยวกับอะไร และแสดงด้วยมาตราส่วนอะไร(ตัวอย่าง:คน、kg、%)หลังจากที่ทำความเข้าใจในสิ่งเหล่านี้อย่างถี่ถ้วนแล้ว ค่อยเลือกประโยคที่ตรงกับเนื้อหาเคล็ดลับที่14:「คำตอบจะอยู่ในเนื้อหาทั้งหมด อย่าเลือกคำตอบด้วยค่านิยมของตัวเองและการคิดเอาเอง」 ถ้าดูคำตอบจากผู้เข้าสอบ มีผู้คนไม่น้อย ที่เลือกตอบตัวเลือกที่เป็นการคิดเอาเองและตัดสินจากค่านิยมของตัวเอง โดยที่คำตอบนั้นไม่มีความสัมพันธ์กับคำถามเลย ยกตัวอย่าง มีคำถามพาร์ทการอ่าน หัวเรื่องชื่อว่า「การอ่าน」ในตอนนั้น ก่อนที่จะอ่านเนื้อเรื่อง คนที่คิดเอาเองว่า「การอ่านนั้น ต้องอ่านตั้งแต่แรกจนถึงสุดท้ายเสมอ ถึงจะเรียกเป็นการอ่านที่ดี」ก็คงจะมีไม่น้อย ผู้คนเหล่านั้น ก็จะเลือกตัวเลือกตามที่เราคิด ซึ่งจะทำให้คะแนนของเราไม่เพิ่มขึ้น ในพาร์ทการอ่าน N1 ไม่ใช่ข้อสอบที่ใช้วัดค่านิยมของคุณ แต่เป็นข้อสอบที่ใช้วัดว่ามีความสามารถในการอ่านเพื่อความเข้าใจมากน้อยเท่าไหร่ ถ้าไม่รู้คำตอบ ให้กลับไปที่โจทย์คำถาม และอ่านอีกครั้ง คำตอบจะอยู่ในเนื้อหาเสมอ ไม่ได้อยู่ในหัวคุณ และสิ่งที่สำคัญอีกอย่างที่ขาดไม่ได้ คือการลองฝึกทำข้อสอบเก่าๆ เพื่อให้เกิดความคุ้นเคย แรกๆ ไม่ต้องเน้นเร็ว เน้นถูกต้องเข้าใจง่ายไว้ก่อน พอทำไปบ่อยๆ ความเร็วจะตามมาเอง หรือไม่ลองทำโน๊ตย่อเสริมด้วยก็ได้ จะช่วยให้จับใจความได้เก่งขึ้น และพอเริ่มคุ้นเคยกับข้อสอบในระดับหนึ่ง ให้ลองจับเวลาดูหวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่จะสอบไม่มากก็น้อยเป็นกำลังใจให้ผู้สอบทุกคน สู้ๆ がんばろう เครดิต: ภาพปก / ภาพประกอบที่ 1 / ภาพประกอบที่ 2 / ภาพประกอบที่ 3