ว่ากันว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคม แต่เอ๊ะ ทำไมมนุษย์บางคนถึงชอบอยู่คนเดียว ทำอะไรคนเดียว ไปไหนมาไหนคนเดียว แล้วการที่เป็นแบบนี้มันดีหรือไม่ดียังไง ด้วยความที่ตะวันเป็นคนที่ชอบอยู่คนเดียวกับตัวเอง ชอบทำอะไรคนเดียว ไปไหนมาไหนคนเดียว รู้สึกมีพลังชีวิตก็ต่อเมื่อได้อยู่กับตัวเอง ออกแนวเป็นมนุษย์ introvert ก็เลยพยายามมองหาข้อดีของการเป็นคนแบบนี้ แล้วได้ไปเจอหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า "พลังของคนที่กล้าทำอะไรคนเดียว" เขียนโดยนักเขียนชาวญี่ปุ่นที่เป็นที่ปรึกษาด้านธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาตัวเองที่มีชื่อว่า "โกะโด โทคิโอะ" (เจ้าของหนังสือ Best seller "เลิกเป็นคนดีแล้วจะมีความสุข") ซึ่งหนังสือเล่มนี้ต้องการจะสื่อว่า การที่อยู่กับตัวเองได้ ทำอะไรคนเดียวเป็น คือทักษะสำคัญของคนที่รู้จักตัวเอง มีเสน่ห์ และสร้างสรรค์ การที่ไม่ต้องผูกติดกับใครตลอดเวลา จะทำให้เรากล้าใช้ชีวิตอย่างที่เราต้องการ หนังสือเล่มนี้บอกว่า เวลาที่คนเรารู้สึกโดดเดี่ยวคือเวลาที่เรารู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจตัวตนที่แท้จริงของเรา ไม่มีใครยอมรับความคิดของเรา ถูกกีดกันหรือเพิกเฉยจากคนรอบข้าง จากการที่ตะวันได้อ่านหนังสือเล่มนี้จนจบแล้วพบว่าอยากจะถ่ายทอดสิ่งที่ได้จากหนังสือเล่มนี้ รวมไปถึงหยิบบางเคล็ดลับที่จะนำไปใช้กับตัวเองและคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์บ้างสำหรับผู้ที่อ่านบทความนี้ ซึ่งตะวันเลือกเคล็ดลับมาแบ่งปันคุณผู้อ่าน 10 อย่าง เคล็ดลับที่ว่ามีอะไรบ้างนั้น ติดตามบรรทัดต่อไป ไป ไป ไปไปไปไป (สำเนียงดีเจวิว555)1. เลิกกลัวการทำอะไรคนเดียว คนที่เลิกได้จะได้ขัดเกลาเอกลักษณ์ของตัวเองและมีเสน่ห์ รู้จักตัวตนที่แท้จริงของตัวเองด้วยการ "สะท้อนตัวตนโดยลำพัง" หรือ "การวิเคราะห์ตัวตน" คือการพูดคุยกับตัวเองจนเข้าใจไลฟ์สไตล์ของตัวเองว่าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร ถนัดด้านไหน เชี่ยวชาญสาขาไหน มีข้อดีและข้อเสียอย่างไร มีข้อเด่นและข้อด้อยตรงไหน ควรปรับปรุงตัวเองตรงไหนบ้าง กล้าที่จะเปิดเผยตัวตน ยอมรับตัวตนแล้วพัฒนาตัวเอง การทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำเต็มที่และสื่อความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แล้วพยายามแสดงความสามารถของตัวเอง ถือเป็นการให้ความสำคัญกับชีวิตของตัวเอง จะทำให้เราดูมีเสน่ห์มากขึ้น แต่ยิ่งเราพยายามเก็บกดตัวตนและทำตัวกลมกลืนกับคนอื่นเพื่อเลี่ยงการอยู่กับตัวเองเท่าไร เราจะยิ่งรู้สึกโดดเดี่ยวได้ง่าย แม้จะมีคนรอบข้าง2. เลิกอยู่กับใครสักคนตลอดเวลา คนที่เลิกได้จะได้สะท้อนตัวตนและมีอำนาจควบคุมชีวิตตัวเอง การสะท้อนตัวตนบ่อย ๆ จะทำให้เราได้ยินเสียงของตัวเองที่ซ่อนอยู่ลึกภายในได้อย่างรวดเร็ว ในเวลาที่สับสน เราก็ยังสามารถตัดสินใจตามความเชื่อมั่นของตัวเองได้โดยสัญชาตญาณ ปรับเปลี่ยนวิธียอมรับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น คำนึงถึงวงจร "เหตุการณ์ ความรู้สึก ความคิด พฤติกรรม ผลลัพธ์" การที่จะไม่มองเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ เราต้องย้อนมองประสบการณ์ของตัวเองเป็นประจำ พยายามค้นหาสิ่งที่เป็นเหตุและผล เราต้องรู้ว่าตัวเองยึดถือในสิ่งใด และคิดคำนึงว่าสิ่งเหล่านั้นสำคัญมากพอให้เราสละความสุขของตัวเองหรือไม่3. เลิกวิ่งหนีความเจ็บปวด คนที่เลิกได้จะผ่านพ้นความเจ็บปวดและกลายเป็นคนมีเสน่ห์ เราต้องกล้าที่จะยอมรับความรู้สึกตัวเองตรง ๆ สะท้อนตัวตนด้วยวิธี "การตรวจสอบตัวเอง (Introspection)" คือการตรวจสอบความเคลื่อนไหวหรือความรู้สึกข้างในตัวเรา เช่น เวลาเจ็บปวดจากการอกหัก เราต้องเผชิญหน้าและยอมรับตรง ๆ ว่า "อ้อ ฉันรู้สึกเจ็บปวดนะ ฉันกำลังอ่อนแอ ฉันไม่ไหว ฉันไม่โอเค" อย่าพยายามจะลืมความเจ็บปวด แต่ให้นึกถึงมัน เวลาอกหักเราจะรู้สึกเจ็บปวดอย่างมากราวกับชีวิตนี้จะจบลงตรงนี้ แต่วิธีที่จะทำให้เราลุกขึ้นมาได้ใหม่ ไม่ใช่การพยายามลืม แต่คือการย้อนนึกถึงเรื่องราวในอดีตแล้วดื่มด่ำกับมัน การทำเช่นนี้อาจทำให้เราเจ็บปวดและเศร้ากว่าเดิม แต่เราจะค่อย ๆ ยอมรับความจริง เราอาจร้องไห้หลายต่อหลายครั้ง กระบวนการนี้อาจต้องใช้เวลาหลายเดือนหลายปี แต่หากเราย้อนนึกถึงเรื่องนี้ซ้ำ ๆ จนเบื่อ ในที่สุดความรู้สึกเจ็บปวดจะค่อย ๆ ห่างหายจากเราไปเอง4. เลิกจัดตารางแน่นเอี้ยด คนที่เลิกได้จะมีจิตใจที่สมดุลและรู้สึกพึงพอใจ เวลาที่เหตุการณ์หรือผู้คนที่เราพบเจอสวนทางกับความเชื่อหรือค่านิยมของเรา เราจำเป็นต้องมีกระบวนการรวบรวมจิตใจเข้าด้วยกัน เพื่อหาเหตุผลให้ตัวเองยอมรับสิ่งนั้นได้ บางครั้งที่เราเหนื่อยจากการทำงานและการเข้าสังคม เราอาจจะอยากอยู่คนเดียว ซึ่งการอยู่คนเดียวโดยที่ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวจะมีพลังในการฟื้นฟูตัวเอง จงหาเวลาฟื้นฟูตัวเองบ้างนะ5. เลิกโยนความผิดให้คนอื่น คนที่เลิกได้จะทำอะไรได้อย่างอิสระและให้ความสำคัญกับเรื่องที่ควรทำ เมื่อไม่กลัวที่จะต้องทำอะไรคนเดียว เราจะทำอะไรได้มากมาย สิ่งสำคัญที่ทำให้เราได้อิสรภาพ ก็คือสำนึกในการรับผิดชอบตัวเอง ลงมือทำโดยคิดว่า ทุกอย่างคือความรับผิดชอบของตัวเราเอง เราจะคิดได้ว่าตัวเองควรทำอะไร ทั้งยังคาดเดาอนาคตและรู้จักเตรียมพร้อมต่อความเสี่ยง6. เลิกสร้างภาพ คนที่เลิกได้จะมีภาพฝันกับความเป็นจริงใกล้เคียงกัน ไม่ปิดบังความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง ใช้ชีวิตอย่างซื่อตรงกับตัวเอง เราไม่จำเป็นต้องปกปิดความรู้สึกที่แท้จริงด้วยการแสดงตัวตนในแบบที่คนอื่นอยากให้เป็น คนที่ไม่ว่าสภาพแวดล้อมหรือสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็ไม่รู้สึกเครียด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่หวั่นไหว ย่อมเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด การที่จะเป็นคนแบบนี้ได้มี 2 วิธี วิธีแรกคือ "การเปลี่ยนนัย" เช่น เรื่องที่คนทั่วไปรู้สึกเจ็บปวดระดับ 10 เราหาวิธีเปลี่ยนให้รู้สึกเจ็บปวดระดับที่ต่ำลงมา วิธีที่สองคือการคิดว่า "ให้คนอื่นมองว่าเราโง่ก็ดีแล้ว" เพราะจะช่วยให้เราหลุดพ้นจากความหยิ่งผยอง และจงมีชีวิตที่สนุกกับทุกสิ่งให้มากขึ้น7. เลิกปกปิดข้อด้อยของตัวเอง คนที่เลิกได้จะได้พบเจอคนที่ยอมรับข้อด้อยในตัวเอง การเปิดเผยข้อด้อยของตัวเอง ทำให้เรารู้สึกโล่งสบาย และเป็นตัวของตัวเอง หนังสือเล่มนี้บอกว่า ข้อด้อยคือพื้นฐานของความเห็นอกเห็นใจ ยิ่งเปิดเผยข้อบกพร่องของตัวเองออกไป เราจะยิ่งมีปมด้อยน้อยลง อาจทำให้เราเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น มีเสน่ห์มากขึ้น8. เลิกปกปิดความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง คนที่เลิกได้จะยอมรับตัวตนของตัวเองและอีกฝ่าย หากเราไม่แสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกไป ในทางจิตวิทยา อีกฝ่ายจะรู้สึกได้ถึงระยะห่าง เพราะการเปิดเผยตัวตนคือหลักฐานของความชอบและความเชื่อใจที่มีต่ออีกฝ่าย การกดตัวตนเราไว้ข้างในคือการปิดบังตัวเอง ส่งผลให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ไว้ใจ ไม่เชื่อใจ และต่อต้าน จงยอมรับตัวตนของผู้อื่น แล้วเราจะเป็นที่ยอมรับ ตั้งใจฟังอีกฝ่ายพูดแล้วจินตนาการว่าอีกฝ่ายอยากให้เรามีปฏิกิริยาตอบกลับอย่างไร9. เลิกกลัวว่าจะถูกเกลียด คนที่เลิกได้จะเข้าใจผู้อื่นได้เร็วและปฏิบัติตนได้อย่างเหมาะสม เรื่องกลุ้มใจหรือความเครียดของคนเราส่วนใหญ่เกิดจากความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ดังนั้นความสุขของเราจึงขึ้นอยู่กับว่าเราจะตีความในตัวผู้อื่นอย่างไร คนเรามักรู้สึกไม่ดีกับคนที่เข้าใจยาก กรณีนี้ให้เราจัดกรอบในใจเราแล้วตีความผู้อื่นว่า "อ้อ เขาเป็นคนแบบนี้นี่เอง"10. เลิกหวังว่าคนอื่นจะทำให้เรามีความสุข คนที่เลิกได้จะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับอีกฝ่ายได้ การรู้ว่าเวลาส่วนตัวหรือพื้นที่ส่วนตัวเป็นสิ่งสำคัญ ทำให้เราไม่เข้าไปรบกวนอีกฝ่าย คนที่กลัวการทำอะไรคนเดียวจะเรียกร้องต้องการความเป็นอันหนึ่งอันเดียวจากอีกฝ่าย ทำให้ความสัมพันธ์แย่ลง เพราะไม่เข้าใจเรื่องการรักษาระยะห่างและไม่เปิดใจยอมรับตัวตนของอีกฝ่าย เวลาที่เรานึกไม่พอใจว่า "ทำไมถึงไม่เข้าใจกันบ้าง" ให้ลองมองย้อนตัวเองว่า เราได้พยายามทำหรือแสดงให้เห็นมากพอที่จะทำให้เขาเข้าใจเราหรือยัง และนี่คือ 10 เคล็ดลับที่จะช่วยให้เราใช้ชีวิตอย่างที่เราต้องการและมีพลังที่จะกล้าทำอะไรคนเดียว พลังของการกล้าทำอะไรคนเดียวในที่นี้ คือการใช้ชีวิตท่ามกลางความสัมพันธ์กับผู้คนในสังคม โดยที่ยังตั้งมั่นในความคิดของตัวเองและรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้ เราจะรู้สึกสนุกไม่ว่าจะอยู่คนเดียวหรืออยู่กับผู้อื่น แม้อยู่ลำพังก็จะไม่รู้สึกเหงา การที่จะเกิดความรู้สึกที่ดีเช่นนี้ได้ เราต้องพูดคุยกับตัวเองหรือที่เรียกว่า "การสะท้อนตัวตน (Self-reflection)" เหมือนกับที่ AI พัฒนาตัวเองด้วยวิธี "เรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning)" การสะท้อนตัวตนเมื่ออยู่โดยลำพังจึงเรียกได้ว่าเป็น "การเรียนรู้ตัวเองเชิงลึก (Self-deep learning)" ฉะนั้นเราอย่าไปมองว่าคนที่ชอบอยู่คนเดียว ทำอะไรคนเดียว ไปไหนมาไหนคนเดียว เที่ยวคนเดียว กินข้าวคนเดียว ดูหนังคนเดียว เดินห้างคนเดียว ช้อปปิ้งคนเดียว ว่าเขาแปลกแยกหรือไม่มีใครคบ เขาอาจจะมีพลังของคนที่กล้าทำอะไรคนเดียวก็เป็นได้ สุดท้ายนี้ ตะวันขอให้คุณผู้อ่านได้มีพลังที่จะควบคุมชีวิตตัวเองให้เป็นไปอย่างที่ตัวเองต้องการ ;)----------------------------------------------------------------------------------ตามไปอ่านบทความที่หลากหลายของ "ตะวันซันชายน์" ได้ที่ >> creators.trueid.net/@25346----------------------------------------------------------------------------------ขอบคุณภาพประกอบ >> pic 1-2 ตะวันซันชายน์ / pic 3 pixabay / pic 4 pixabay / pic 5 pixabay / pic 6 pixabay / pic 7 pixabay / pic 8 pixabay / pic 9 pixabay / pic 10 pixabay / pic 11 pixabay / pic 12 pixabay