เครื่องราง ของขลัง สู่เครื่องประดับ เหรียญครุฑ ปี ๑๗ เชื่อว่าหลาย ๆ คน คงจะเคยเห็น หรือ เคยใช้เหรียญชนิดนี้ จับจ่ายใช้สอย ซื้อขนมกันมาบ้างแล้วนะครับ แต่คุณรู้ หรือ ไม่ ว่าในปัจจุบัน เหรียญบาทพญาครุฑ ปี ๑๗ นี้ ได้มีการนำมาใช้เป็นเครื่องราง เพื่อ ป้องกันตัว จากสิ่งที่มองไม่เห็น และ ในการสร้างบ้าน ก็ ได้มีการนำเหรียญนี้ฝังลงเสาเอกอีกด้วย "เหรียญพญาครุฑ" ถือได้ว่าเป็นเหรียญที่มีพลังความอาถรรพ์อยู่ในตัวของมันเอง ไม่ต้องผ่านพิธีปลุกเสก ไม่ต้องบูชาอะไรมาก แค่พกติดตัวก็เป็นอันใช้ได้ ในเรื่องของอำนาจทางพุทธคุณนั้น เชื่อกันว่า "พญาครุฑ" เป็นสัตว์อสูรกึ่งเทพ หรือ เรียกอีกอย่างนึง ว่า เทพอสูร ผู้ใดก็ตาม ที่บูชา "พญาครุฑ" จะมีลาบสักการะ เป็นที่ยำเกรงแก่เหล่าศัตรูหมู่มาร ภูติ ผี ปีศาจ มิกล้ากล้ำกราย อย่างไรก็ตาม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะคุ้มครองเฉพาะคนที่ตั้งมั่นในศีล และการที่จะให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองได้นั้น ควรหมั่นทำบุญ กรวดน้ำ แผ่เมตตาธรรมบ่อย ๆ นะครับ เพราะนอกจากเทวดาจะรักษาแล้ว ตัวเราผู้ปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ จะมีจิตใจผ่องใส เป็นที่รักของเพื่อนมนุษย์ทั้งหลายอีกด้วย เบี้ยแก้ "เบี้ย" หรือ หอยเบี้ย ได้ถูกนำมาใช้เป็นเงินตรา หรือ ตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าในอดีต นับได้ว่ามีบทบาทคู่คนไทยมาอย่างยาวนาน โบราณจารย์ ได้นำเบี้ยมาทำเป็นเครื่องราง โดยการนำเอาปรอทมาบรรจุไว้ภายใน และ ตัวเบี้ยที่ใช้จะต้องมีซี่ฟัน ๓๒ ซี่ อุดด้วยชัน ปิดด้านหลังด้วยแผ่นโลหะลงอักขระเลขยันต์ ปลุกเสกอีกครั้งเพื่อความเข้มขลัง อำนาจอิทธิคุณของเบี้ยแก้นั้น ใช้ในทางแก้คุณไสย คุณผี คุณคน อีกทั้งยังใช้ในทางป้องกันไสยเวทย์มนต์ดำต่าง ๆ เรียกได้ว่า เป็นเครื่องรางทั้งกัน ทั้งแก้ กันเลยทีเดียว การบูชา " เบี้ยแก้ " นั้น เพียงแค่พกติดตัวก็เป็นอันใช้ได้ บ้างก็ทำพวงกุญแจ บ้างก็ห้อยคอ บ้างก็ทำเป็นสร้อยข้อมือ เพียงแค่พกติดตัว เบี้ยแก้ก็จะทำหน้าที่ปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ ออกไปจากตัวเราโดยอัตโนมัต ใช้ในทางป้องกันดีนัก ส่วนการนำไปใช้ในทางแก้ เพียงแค่นำ " เบี้ยแก้ " ไปแช่ในขันน้ำมนต์ สวดบูชาคุณพระรัตนไตย ๓ จบ แล้วนำน้ำมนต์มา อาบ รด ดื่ม ประพรม สิ่งชั่วร้ายต่าง ๆ ก็จะมลายหายไป ด้วยอำนาจแห่งพระพุทธคุณ น้ำเต้าดูดทรัพย์ เชื่อกันว่า " น้ำเต้าดูดทรัพย์ " เป็นเครื่องรางแก้จน ใช้ในทางการค้า ให้น้ำเต้านี้ ดูดโชค ลาภ เงิน ทอง ให้ไหลมา เทมา อย่างไม่ขาดสาย หรือ จะใช้ในทางปรับฮวงจุ้ย เสริมดวงก็ได้เช่นกัน คนส่วนใหญ่ มักจะนำน้ำเต้าดูดทรัพย์ แขวนไว้หน้าร้าน โต๊ะทำงาน หรือ พกติดตัว ส่วนน้ำเต้าดูดทรัพย์ที่ท่านเห็นในรูปนี้ เป็นของกระผมเองครับ แรงบรรดาลใจในการเปลี่ยนเครื่องรางชิ้นนี้ ให้กลายเป็นเครื่องประดับ สำหรับพกติดตัวก็มีอยู่ ว่า บ่ายวันนึง กระผมได้ไปเดินดูสินค้าต่าง ๆ ที่ศูนย์ขายของที่ระลึกแห่งหนึ่ง ในตัวเมือง จ. นครศรีธรรมราช เดินดูของต่าง ๆ ไปเรื่อย ๆ ก็ไปสะดุดตาดข้ากับ สายคล้องโทศัพย์มือถือเส้นที่เห็นในภาพด้านล่าง ก็คิดว่าน่าจะเอามาทำสร้อข้อมือได้ จึงซื้อกลับมาลองทำดูที่บ้าน ผลงานก็ออกมาอย่างที่เห็นดังภาพด้านบนครับ งานศิลปะแขนงนี้ รู้จักกันในนาม " หัตถศิลป์เชือกถัก " หัตถศิลป์เชือกถัก หัตถศิลป์เชือกถัก คือ งานฝีมืออีกอย่างนึง ที่ผสมผสาน ระหว่าง งานศิลปะ กับ งานฝีมือ ในบทความนี้กระผมจะพา เพื่อน ๆ มารู้จักกับงานถักเชือกเทียนกันนะครับ " เชือกเทียน " มีคุณสมบัตพิเศษอย่างหนึ่ง คือ เชือกชนิดนี้จะมีความเหนียวเป็นอย่างมาก อีกทั้ง ยังมีความคงทน ไม่เปื่อยสลายไปง่าย ๆ ทำความสะอาดก็สุดแสนจะง่ายดาย เพียงแค่นำชิ้นงานที่ถักทอด้วยเชือกเทียนนี้ไปแช่ในน้ำที่ผสมด้วยน้ำยาล้างจานธรรมดา ทิ้งไว้สักครู่ แล้วใช้แปรงสีฟันเก่า ๆ ขนนุ่ม ๆ หน่อยนะครับ ขัดทำความสะอาด แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกที จากนั้น นำไปผึ่งแดดให้แห้ง ท่านก็จะได้งานถักที่ดูเหมือนใหม่ราวกับเพิ่งแกะออกมาจากกล่องแล้วครับ เชือกเทียน นำมาใช้ประโยชย์ได้สารพัด แต่โดยส่วนตัวกระผม ได้นำเชือกเทียนมาทำเป็นเครื่องประดับที่สุดแสนจะแปลกตานี้ เหมาะกับ ทุกเพศ ทุกวัย ดัดแปลง พลิกแพลง ไปตามชิ้นงานที่ทำ ไม่มีกฎตายตัว มีเฉดสีให้เลือกมากมาย ทั้งโทนสีพื้น ๆ และ สีฉูดฉาด จะใช้ร่วมกับเครื่องราง ของขลัง วัตุมงคล หรือ แค่เชือกล้วน ๆ ก็ สามารถสรรค์สร้างผลงานจากจินตนาการ ให้ออกมาเป็นรูปธรรมได้โดยง่าย ขอขอบพระคุณเพื่อน ๆ ที่ติดตามบทความ " จากเครื่องรางสู่เครื่องประดับ " นะครับ สำหรับเพื่อน ๆ ท่านใดถูกใจ หรือ ชอบ งานศิลปะแขนงนี้ สามรถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตามลิ้งค์นี้นะครับ Facebook: สร้อยถักเชือกเทียน นครศรีฯ เครดิตภาพ จากร้านกระผมเองครับ