เขาสก สวรรค์บนดินในดินแดนใต้ ได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้าง อันใดพี่เอย ของ เขื่อนเชี่ยวหลาน เขื่อนรัชประภา เขาสก (ขึ้นอยู่กับว่าสะดวกจำชื่อไหน) ว่าเป็นสถานที่ห้ามพลาดของจังหวัดสุราษณ์ธานี ใครมาต้องแวะ เพราะบรรยากาศเงียบสงบ ภูเขาหินปูนปลายแหลมกลางน้ำอันเป็นเอกลักษณ์ สวยจนได้ขึ้นชื่อว่า กุ้ยหลินเมืองไทย ที่นี่ดึงดูดนักท่องเที่ยวในแต่ละปีไม่น้อย และเราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ตั้งใจว่าต้องไปให้ได้แม้จะต้องไปคนเดียวก็จะไป และใช่ค่ะ เราได้มาคนเดียวในที่สุด ที่นี่มีกิจกรรมให้ทำเยอะ ตั้งแต่เดินถ้ำ ปีนเขา ล่องแพ พายคายัก วันเดียวเก็บไม่หมด แต่ต้องดูช่วงเดือนให้ดีเพราะบางเดือนไม่สามารถปีนเขา เดินถ้ำได้ เพราะระดับน้ำที่สูงเกิน ที่ตั้ง ภายในเขตอุทยานแห่งชาติเขาสก จ. สุราษฎร์ธานี การเดินทาง เริ่มจากสนามบินสุราษฎร์ธานี นั่งรถตู้ประมาณ 2 ชั่วโมง ลงที่เขื่อนรัชประภา (รถตู้ต้องติดต่อมาก่อนจะไป เพราะออกไปโบกเอาข้างหน้า น่าจะเสียเวลาพอสมควร จะได้รู้เวลาที่แน่นอนว่าจะถึงเขื่อนเมื่อไหร่จะได้ยืนยันเวลากับคนขับเรือ รายละเอียดข้อมูลรถตู้เสริชได้ตามกูเกิ้ลเพราะมีหลายเจ้า) นั่งเครื่องจากดอนเมือง มาลงที่ สนามบินสุราษฎร์ธานีแบบเหงาๆ เดินออกมานอกสนามบินจะเห็นรถบัส รถโดยสารจอดรอนักท่องเที่ยวอยู่หน้าประตู มองหารถตู้ที่จองเอาไว้ ไม่นานพี่เขาก็มา มองสองข้างทางไปก็นั่งนู้นคิดนี่ เที่ยวคนเดียวครั้งแรก เกิดคำถามมากมายในหัว เรามาที่นี่คนเดียวจริงๆหรอเนี่ย เราไปถูกทางใช่ไหม เราขึ้นรถผิดรึเปล่า ใครเที่ยวคนเดียวคงเข้าใจความรู้สึกนี้ แต่เราก็ เอาวะ!ถอยไม่ได้แล้ว เป็นไงเป็นกัน ประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึงเขื่อนรัชประภา มีพื้นที่ให้จอดรถหากใครเอารถส่วนตัวมา ส่วนเรามาแต่ตัวก็เดินเตร็ดเตร่ดูนู้นนี่ มีป้าย ห้ามนำสัตว์เลี้ยงขึ้นเรือไปด้วย และมีกรงเตรียมไว้ให้ สักพักคนที่เราติดต่อไว้ก็มา พาเราไปรอที่ท่าเรือ รอสักพักก็มีเรือมาทีละลำๆ มารับผู้โดยสาร ที่พัก เขาสกมีที่พักให้เลือกเยอะ ทั้งของ กรมป่าไม้ อุทยาน และเอกชน แต่ละที่ไม่ได้อยู่ใกล้หรือไกลกันเท่าไหร่ ใครชอบความสะดวกสบาย ส่วนตัวเฉพาะครอบครัวก็เอกชน ชอบความธรรมชาติดั้งเดิมปลีกวิเวก ก็ของอุทยานและกรมป่าไม้ รายละเอียดที่พักสามารถเสริชได้ทั่วไป เยอะแยะมากมาย เราเลือกพักที่ แพคลองคะ ที่พักของอุทยาน เพราะอยากพักที่ๆสงบ หลีกหนีความวุ่นวาย แต่เดินทางคนเดียวที่พักก็ต้องเซฟระดับนึง เลยมาลงที่แพนี้ แถมมีคายัคให้พายฟรีด้วย ชอบตรงนี้ (ถ้าแย่งคนอื่นทัน ฮ่าาา) ค่าใช้จ่าย แพแต่ละที่ราคาต่างกัน หลายๆที่คิดราคาเหมาต่อห้อง 2 - 3 คน ต่อห้องหรือมากกว่านั้นก็ว่าไป ยิ่งมากันหลายๆคนก็ยิ่งมีคนช่วยหาร แต่เรามาคนเดียวก็เลยจ่ายราคาเต็มแบบเหมาๆ เราจ่ายไป 4,000 บาท สำหรับห้องพัดลม ห้องน้ำแยก 1 คืน เรือส่วนตัว ไป-กลับ อาหารเย็น 1 มื้อ และอาหารเช้า 1 มื้อ บวกกิจกรรมส่องนกตอนเช้า หลายคนพอฟังแล้วก็ โห แพงจัง แต่ถ้ามาหลายคนก็คุ้ม ช่วยกันหารอย่างที่บอก เพราะในราคานี้รวมถึงค่าน้ำมันเรือ ค่าคนขับเรือที่เขาต้องนอนรอเราคืนนึงเต็มๆ (นอนอยู่ที่พักสำหรับคนขับเรือโดยเฉพาะ) ทั้งเรือมีกันแค่ 2 คน เราและน้องคนขับเรือ วิวดีมาก น้องบอกว่า พี่อยากให้จอดไหนบอกได้เลยนะครับ เดี๋ยวผมถ่ายรูปให้ จอดไหนหล่ะ พี่ไม่เคยมาที่นี่ พี่ไม่รู้ ฮ่าาาา ไม่รู้ว่าใช้เวลานานขนาดไหนที่นั่งเรือมา มองไปที่ไหนก็เพลินตาไปหมด จนในที่สุดก็ถึง แพคลองคะ และนี่คือหน้าห้องของเราเอง เลือกห้องที่ไกลที่สุดเพราะอยากอยู่เงียบๆ ใครติดแชท ติดไลน์ เสียใจด้วยเพราะคลื่นมือถือมีแค่ AIS สัญญาณอ่อนมากด้วย ในวันที่เราไปนักท่องเที่ยวไม่เยอะเท่าไหร่ ถือว่าโชคดี ภายในห้อง Open Air สุดๆ หน้าต่างเปิดรับลม รับยุง มีพัดลมติดผนังให้หนึ่งตัว แอบบอกว่าห้องที่เราเลือกดันล็อกประตูไม่ได้ นี้เลยงับไว้เฉยๆตีเนียนว่าล็อกได้ หลอกคนที่เดินผ่านไปมาเผื่อใครคิดจะมาขโมยของ เราก็หลอกว่าห้องนี้ล็อคอยู่ ขโมยยาก แต่พูดก็พูดเถอะว่าประตูอ่ะถึงจะมีล็อกก็พังเข้ามาได้ ฮ่าาาาวิวจากในห้อง ถ้าเกิดใครเมาๆ ไม่ดูตาม้าตาเรือ เดินออกจากห้องไม่ดูทาง ตกน้ำข้างหน้าไปเลยจ่ะ ทางเดินหน้าห้อง แอบเสียวถ้าเกิดเราวิ่งเล่นจะเซตกน้ำรึเปล่า ที่นี่มีห้องแอร์นะ แต่เราไม่เอา อยากนอนฟังเสียงลม ออกไปพายคายักกันสักหน่อย ปกติที่นี่จะจำกัดพื้นที่ให้พายเพื่อความปลอดภัย แต่เราขออนุญาติเจ้าหน้าที่ขอพายนอกพื้นที่นิดหน่อย พี่เขาก็โอเค แต่อยู่ในสายตาที่มองเห็นได้นะ เหมือนลูกมาขอผู้ปกครองไปวิ่งเล่นอ่ะ ฮ่าาา เราไปพายคายักกับเพื่อนใหม่ ข้อดีของการไปคนเดียวคือเราจะมีโอกาสได้คุยกับคนใหม่ๆเยอะแยะ เพราะนั่งเงียบไม่คุยกับใครนี่ก็อุดอู้เกินไปตกเย็นมาก็เดินไปกินข้าวในส่วนของห้องอาหาร Open Air เช่นเดียวกัน วิวดีสุดๆ ถึงจะมืดแต่ดาวเต็มฟ้าเลย วันนี้พิเศษมีโชว์หนังตะลุงจากที่พัก ฟังไม่ออก แต่คิดว่าน่าจะตลก เพราะคนอื่นๆขำกัน เราโชคดีมาก พี่เจ้าหน้าที่อนุญาติให้เข้าไปดูเบื้องหลังการเชิดหนังตะลุง นั่งดูเพลินกว่าดูหน้าฉากซะอีก เพราะมีทั้งคนเชิดและน้องๆคอยเล่นเครื่องดนตรีเสริมการแสดง ที่นี่มีกฎว่า เปิดให้ใช้ไฟฟ้าตั้งแต่ 06.00 - 22.00 น. เพื่อประหยัดไฟและการขนไฟฟ้ามาใช้ที่นี่ค่อนข้างลำบาก นี่ก็เอ้ะ แบตจะหมด จะสี่ทุ่มแล้ว ช่างมัน ปล่อยมันหมดไป นอนดีกว่า พรุ่งนี้มีส่องนกแต่เช้า ตื่นแต่เช้าแบตยังเหลือ ถ่ายรูปวิวหน้าแพซะหน่อย แล้วรีบวิ่งไปชาร์จแบตก่อนเรือออกไปส่องนก ทำไมไม่พกแบตสำรอง? นั้นสิ ทำไมนะ... 06.30 น. แพออกจากที่พัก วิทยากรก็อธิบายนกแต่ละแบบที่เราอาจเห็นได้ เสียงร้องแต่ละแบบของเขา ซึ่งเราก็ไม่ค่อยจะเห็นเหมือนคนอื่นเท่าไหร่ สารภาพเลยว่าไม่ใช่สายส่องนก เลยนั่งดูวิวซะมากกว่า แพไหลไปช้าๆ เสียงนก เสียงหมอก เสียงลม สงบอย่างบอกไม่ถูก ใช้เวลาล่องแพอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง ก็กลับมาที่พัก เก็บของ เตรียมตัวกลับ น้องคนขับเรือก็เตรียมเรือรอแล้ว ไฮไลท์ของเขาสก ต้องจุดนี้เลย หินสามเกลอ น้องคนขับจอดเรือ "ผมถ่ายรูปให้ครับพี่" น้องเป็นประโยชน์มาก พี่ซึ้งในน้ำใจ ขากลับเราไม่ได้กลับ 2 คน แต่มีคุณน้าคนนี้ติดเรือมาด้วย คุณน้าขออนุญาติแวะที่แพแห่งหนึ่ง เพื่อให้เราถ่ายรูปและน่าจะแวะไปกินข้าวที่แพนั้น เห็นหายไปพักนึง ไม่เป็นไรทางเราไม่รีบ ฮ่าาา วิวดีมาก คนพาแวะต้องเป็นช่างภาพค่ะ โพสไปเลย คุณน้าถ่ายรัวมาก เก็บทุกท้วงท่า เมมแทบเต็ม พอมาถึงฝั่งต้องร่ำลาทั้งสองคนไป เราจองเที่ยวทริปสั้นเหมือนหนังกุดกับคนในพื้นที่ไว้เพราะการจะหารถออกจากเขื่อนนั้น ไม่รู้ว่ารถโดยสารจะผ่านเข้ามาไหม เลยจองทริปไปเพื่อหารถออกไปที่ตัวเมืองด้วยเที่ยวด้วย สักพักน้องคนนำเที่ยวอายุห่างเราไม่น่าเกิน 3 ปี ก็มาพร้อมรถกระบะ แอบคิดนะว่าถ้าน้องพาไปฆ่าหมกป่าก็คือจบเห่ แต่ไม่คิดเลยว่า น้องจะกลัวเราบ้างไหม ฮ่าาา ชวนคุยถามนู้นนี่ น้องบอกว่า ผมเรียนรัฐศาตร์ครับ อยากทำงานด้านการปกครอง ผมอยากล้มระบบคอรัปชั่น โอ้โห ไอ้น้องนี่มันใจถึง! ถ้าน้องมาเจอบทความนี้อยากจะบอกว่า พี่ประทับใจน้องมากที่แรกน้องพาไปคือป้ายเขื่อน และสันเขื่อน แน่นอนน้องเป็นตากล้อง ทริปนี้ใช้ตากล้องเปลืองมากภูเขารูปหัวใจ จุดนี้ต้องขับรถออกมาจากเขื่อนสักหน่อย แถวๆสะพานมีขายแตงโมกันเยอะ น้องก็ถามว่า พี่เอาแตงโมไหมครับ ที่นี่ราคาไม่แพง ไอ้ราคาอ่ะไม่เท่าไหร่ แต่น้องจะให้พี่หอบแตงโมไปเกาะสมุยหรอ พี่ว่าไม่ดีนะ (ที่หมายต่อไปเราคือเกาะสมุย) ดูนู้นนี่เสร็จน้องก็ไปส่งที่สถานีรถตู้ปากทางเขื่อน ก่อนร่ำลาฝากน้องไว้อย่างนึง "โตขึ้นเป็นคนดีนะ ล้มระบบคอรัปชั่นให้ได้ เป็นกำลังใจให้" ทริปเขาสกก็จบลงอย่างประทับใจ ทั้งสถานที่และผู้คน เราไม่เคยคิดเลยว่าการเที่ยวคนเดียวจะเปิดโลกได้ขนาดนี้ ได้คุยกับคนมากมาย เรียนรู้สิ่งต่างๆจากผู้คนที่เราไม่คาดหวัง มันแตกต่างกับที่เราตั้งใจคุยกับคนๆนึง อาจจะเพราะรูปลักษณ์ภายนอก หน้าที่การงานที่เราพอจะรู้มาบ้าง เลยคาดหวังว่าคนนั้นต้องเป็นแบบนู้นแบบนี่ แต่การเดินทางคนเดียวเราเจอคนมากมายหลายแบบ หลายๆคนเซอร์ไพร์เราพอสมควร ซึ่งเรารู้สึกว่านี่คือเสน่ห์ของการเดินทางไม่แพ้สถานที่เลย รูปถ่ายโดยผู้เขียน