สถานการณ์ของ “หงส์แดง” ณ เวลานี้ต้องบอกเลยว่าตกอยู่ในช่วงเวลาที่สุดย่ำแย่เป็นอย่างมาก หลังจากผ่านนัดที่ 28 ลิเวอร์พูลเปิดบ้านพบกับฟูลัมซึ่งผลการแข่งขันปรากฏว่าพ่ายไปด้วยสกอร์ 0-1 ส่งผลให้ลิเวอร์พูลสร้างสถิติที่ไม่น่าจดจำเลยด้วยการพ่ายคาบ้าน 6 นัดติดในรอบ 129 ปี และเป็นสถิติที่ย่ำแย่ที่สุดในการคุมทีมของผู้จัดการทีมอย่างเจอร์เกน คล็อปป์เลยก็ว่าได้ ถ้ามีคนพูดว่าลิเวอร์พูลจะมาอยู่ในจุดที่ฟอร์มตกอย่างหนักแบบนี้ก่อนฤดูกาล 2020-2021 จะเริ่มขึ้นคงจะไม่มีใครเชื่อ บทความนี้ผมอยากจะมาพูดถึงว่าเกิดอะไรขึ้นกับลิเวอร์พูลและไขถึงสาเหตุว่าทำไมฟอร์มของแชมป์เก่าถึงได้ตกลงแบบที่ช็อกแฟนบอลได้ขนาดนี้ ผมจึงได้รวบรวมถึงสาเหตุที่อาจเป็นไปได้ที่ส่งผลถึงฟอร์มการเล่นที่ตกต่ำของแชมป์เก่าอย่างลิเวอร์พูลในฤดูกาลนี้ 1. ปัญหาการบาดเจ็บของนักเตะจำนวนมาก ต้องบอกว่าไม่มีใครคาดคิดว่าทีมหนึ่งทีมจะสามารถมีนักเตะที่เจ็บพร้อมกันในเวลาเดียวกันได้มากมายขนาดนี้ ซึ่งแน่นอนว่าต้องกระทบถึงแผนการทำทีมของเจอร์เกน คล็อปป์แน่นอนที่จะต้องแก้ไขปัญหาอาการบาดเจ็บของนักเตะที่บาดเจ็บในระยะเวลาที่พร้อม ๆ กันขนาดนี้ เริ่มตั้งแต่การเสียปราการหลังคนสำคัญอย่างเวอร์จิล ฟานไดจ์คในเกมที่พบกันเอฟเวอร์ตันทำให้คนคุมเกมในแดนหลังที่ต้องบอกว่าขาดเวอร์จิล ฟานไดจ์คเหมือนขาดใจ หลังจากนั้นก็ยังต้องมาเสียโจ โกเมซปราการหลังสัญชาติอังกฤษไปอีกคน เลยส่งผลให้เสียคู่ปราการหลังตัวหลักของทีมจนทีมต้องยอมถอยฟาบินโญ่มายืนคู่กับโจเอล มาติป และต่อมาเหมือนโชคชะตาไม่เข้าข้างเลยโจเอล มาติปก็ยังมาได้รับอาการบาดเจ็บอีก จึงทำให้ เจอร์เกน คล็อปป์จำเป็นต้องถอยเอาจอร์แดน เฮนเดอร์สันมายืนปราการหลังจำเป็นคู่กับฟาบินโญ่ และมองไปที่ตัวรุกแดนหน้าที่กำลังโชว์ฟอร์มได้ดีอย่างดิโอโก้ โจต้าก็ดันมาได้รับอาการบาดเจ็บด้วยเช่นกัน ซึ่งเราปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่คือส่วนสำคัญที่ทำให้เจอร์เกน คล็อปป์ต้องคิดหนักในการแก้ปัญหาเกมต่อเกมและส่งผลกระทบต่อทีมโดยตรงเลย 2. ขาดความมั่นใจในการเล่น เราจะเห็นภาพติดตาในรูปแบบการเล่นของลิเวอร์พูลในปีที่แล้วว่ามีสไตล์ที่ดุดัน มีการเข้าทำที่รวดเร็ว บอลที่เปิดจากด้านข้างของแบ็คซ้ายและขวาอย่างเทรนอเล็กซานเดอร์อาร์โนลด์ และแอนดรูว์ โรเบิร์ตสันที่มีประสิทธิภาพมาก มีกองหลังที่แข็งแกร่ง แต่ฤดูกาลนี้เราได้ว่าสไตล์การเล่นที่เราคุ้นเคยนั้นได้หายไป ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ว่ามีนักเตะตัวสำคัญได้รับอาการบาดเจ็บแต่ทั้งนี้เราก็จะเห็นว่านักเตะอย่างซาดิโอ มาเน่, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์ตู ฟีร์มีนู และเทรนอเล็กซานเดอร์อาร์โนลด์ รวมถึงนักเตะคนอื่น ๆ ฟอร์มตกลงอย่างมากอาจจะมาจากการขาดความมั่นใจในการเล่นจึงทำให้ฟอร์มโดยรวมของทีมจึงออกมาอย่างที่ทุกคนได้เห็น 3. คู่ต่อสู้จับทางการเล่นได้แล้ว แน่นอนว่าเมื่อต้องแข่งกับแชมป์เก่าอย่างลิเวอร์พูลทุกทีมคงต้องทำการบ้านเป็นอย่างดีเพื่อที่จะเตรียมพร้อมในการรับมือ ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าในฤดูกาลนี้ทีมที่มีภาษีต่ำกว่าลิเวอร์พูลจะเล่นด้วยเกมรับที่เหนียวแน่นก่อนเป็นอันดับแรกและรอฉกฉวยความผิดพลาดของลิเวอร์พูล เนื่องจากลิเวอร์พูลเป็นทีมที่ครองบอลเหนียวแน่นและมีสามประสานแดนบนที่พร้อมจะทำประตูอยู่ตลอดเวลา ถ้าทีมที่เป็นรองมาเปิดเกมรุกเข้าแลกอาจจะไม่ใช่ผลดีเท่าไหร่ถึงแม้ฤดูกาลนี้ฟอร์มของลิเวอร์พูลนี้จะดรอปลง ด้วยเหตุนี้เองทำให้ลิเวอร์พูลค่อนข้างเล่นยากอย่างมากด้วยที่ทีมคู่แข่งจะมาเล่นเกมที่รับค่อนข้างลึกรวมกับดูเหมือนกับว่าลิเวอร์พูลฤดูกาลนี้จะหมดไอเดียในการเข้าทำและจากปัญหากองหลังของทีมที่เป็นปัญหาอยู่จึงทำให้เสียประตูให้คู่แข่งค่อนข้างง่าย และมีเกมรุกที่หมดไอเดียในการเข้าทำจึงทำให้ผลการแข่งขันออกมาน่าผิดหวัง 4. ถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนแปลง ทีมลิเวอร์พูลชุดนี้ต้องบอกว่าเล่นด้วยกันมานานตลอด 2 ปีและสามารถคว้าแชมป์มาได้หลายแชมป์อย่างเช่น แชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2019, แชมป์พรีเมียร์ลีก 2019-2020, แชมป์สโมสรโลก และแชมป์ยูฟ่า คัพ นี่อาจจะเป็นเหตุผลสนับสนุนได้ว่านักเตะหลาย ๆ คนอาจจะอิ่มตัวแล้วหรือไม่ ซึ่งเจอร์เกน คล็อปป์อาจจะต้องมองหาผู้เล่นใหม่ ๆ เข้ามาร่วมทีมเพื่อที่จะสร้างบรรยากาศให้ทีมมีความกระหายถึงชัยชนะและต้องการที่จะคว้าแชมป์ต่อไปอีกเรื่อย ๆ อย่างต่อเนื่อง สิ่งเหล่านี้คงจะต้องว่ากันถึงฤดูกาลใหม่และแฟนบอลลิเวอร์หลายคนคงจะต้องติดตามและจับตาดูถึงความเปลี่ยนแปลงของทีมในฤดูกาลหน้า ประกอบรูปภาพจาก: รูปภาพปก / รูปภาพที่ 1 / รูปภาพที่ 2 / รูปภาพที่ 3 / รูปภาพที่ 4