ปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้ว่ากระแส k-pop แทรกซึมเข้าในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ไม่ว่าจะเป็น วัฒนธรรมทางด้านอาหารที่อยู่ตามตรอกซอกซอยที่บางที่เดินๆ ไป อาจจะมโนไปว่าอยู่ที่ประเทศเกาหลีกันเลยทีเดียว รวมถึงแฟชั่นการแต่งตัว ที่ได้รับอิทธิพลมาจากละคร ซีรีส์ นักร้อง นักแสดง ที่ทำให้คนไทยหัวใจละลายกับโอป้าเกาหลี (ใช่..เราก็ละลายไปเรียบร้อยแล้ว..555) รวมถึงคนไทยที่ไปโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงนักร้อง ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในประเทศเกาหลีเติบโตอย่างต่อเนื่อง จนเป็นจุดเริ่มต้นให้เราอยากไปตามรอยซีรีส์เกาหลี แบบจริงๆ จังๆ 555 5 วัน 3 คืน กับประสบการณ์เที่ยวเกาหลีครั้งแรก สิ่งแรกที่สัมผัสหลังลงจากสนามบินคืออากาศที่หนาวสุดๆ วัดได้ 2 องศา (อากาศในฝันเลย..55) เวลาที่เกาหลีเร็วกว่าที่ไทย 2 ชั่วโมง ถึงก็ 15.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของประเทศเกาหลี ทุกอย่างแปลกหูแปลกตาไปหมด ไม่ว่าจะเป็น สถานที่ ภาษา แต่ที่ไม่แปลกและคิดว่าเห็นจนชินตาก็คือ โอป้าเกาหลีนี่แหละ คิดไม่ผิดจริงๆ ที่เลือกมาประเทศนี้ ไกด์พาไปไร่สตอเบอร์รี่ ได้ชิมแบบจัดเต็มมาก มีแอปเปิ้ลและสาลี่ด้วย แล้วก็ซื้อกลับไทยไปตามระเบียบ อยู่ได้สักพักก็เข้าที่พักเก็บของสัมภาระเสร็จ ก็บอกไกด์ว่าจะออกไปดูแถวโรงแรม ไกด์ก็บอกทางมาว่าต้องเดินไปทางไหน พร้อมยื่นนามบัตรโรงแรมให้ เผื่อหลง(เออ..ทำไมไกด์ไม่พาไปเที่ยวนะ นางคงเหนื่อยเดินทาง) แต่เรามาแล้วก็ต้องสำรวจเส้นทางซะหน่อย ลุยไปกะน้องอีกคน สองข้างทางร้านขายของต่างๆมากมาย รวมถึงร้านเหล้า ผับก็มี โอป้า ออกมาเดินกันแบบไม่เกรงกลัวอากาศหนาวเลย แต่มนุษย์คนไทยอย่างเราและน้องอีกคนไม่ชินเลย ยื่นมือสั่นกันอยู่ท่ามกลางผู้คน แม้จะใส่โค้ชหนาแค่ไหน ก็ไม่ชินสักที สุดท้ายก็ต้องเข้าซุปเปอร์มาเก็ต หาของร้อนกินก็คือมาม่าเกาหลี555 "สตอเบอร์รี่ แอปเปิ้ล สาลี่ ชิมได้แบบจุใจมาก'' "ร้านเหล้าคือมีแต่โอป้าหล่อๆ...ต้องไปลองนะ" วันที่ 2 ไม่อยากตื่นเลยวันนี้ คือแฮงค์จากเมื่อคืน แต่ไปเกาหลีทั้งทีก็ต้องเที่ยวให้คุ้มค่า วันนี้ไปเล่นสกี ที่สกี รีสอร์ท ก็ต้องไปเช่าชุดก่อน ชุดมีให้เลือกเยอะมาก เลือกไม่ถูกเลย แต่เจ้าของร้านก็อวยเก่ง ยอเก่ง ชุดนี้ก็สวย ชุดนั้นก็สวย ที่จริงคนที่นี้เค้าก็พูดไทยได้บางคำนะ ดูๆ ไปก็น่ารักดี พอเลือกชุดได้ตามที่ต้องการแล้วก็ไปเล่นสกีกัน แต่เดียว..!!! เล่นไม่เป็นจ้า สรุป ไปเล่นที่สไลเดอร์ ที่เด็กๆ เค้าเล่นกัน 5555 เด็กน่ารักมาก ตัวขาวๆ แก้มแดงๆ อยากหยิกแก้มเลย ปีนี้เกาหลีหิมะไม่ค่อยตก แต่ก็ยังพอมีหิมะพอให้เล่นสกีอยู่ วันนี้อากาศประมาณ -2 องศา เล่นได้ไม่นานก็ต้องหาที่ที่อบอุ่นอยู่ เพราะหนาวมากบวกกับไปจับหิมะด้วย มือแข็งกันเลยทีเดียว ตามแพลนจะต้องไปตกปลาน้ำแข็ง แต่สุดท้ายก็ลงมติกันใหม่ว่าตกปลาน้ำแข็งมันไม่ใช่แนวเลยเปลี่ยนแผนว่าจะไปเกาะนามิ เอาละได้เวลาตามรอยซีรีส์ที่ฝันสักทีนะ เกาะนามิโด่งดังจากซี่รี่ส์เรื่อง winter sonata เป็นซี่รี่ส์รักโรแมนติก ใครมาก็อย่าลืมถ่ายรูปคู่กับรูปปั้นพระ-นางในเรื่องนะ แม้ว่าจะยืนรอคิวถ่ายรูปนานก็จะรอ 555 "บรรยากาศเกาะนามิ และลานสกี หนาวสุดๆ ไปเลย" วันที่ 3 วันนี้ตื่นเช้าอีกตามเคย วันนี้ไกด์พาไปทำกิมจิ ทำอยากกว่าที่คิดซื้อกินสะดวกกว่าเยอะ ได้ทำข้าวปั้นสาหร่าย แล้วก็ขายของตามเคย เราก็เป็นเหยื่อการตลาดตามเคย 55 ไปดูการทำโสม น้ำมันสนเข็มเเดง อัญมณีต่างๆ ไม่ค่อยอินเท่าไรเลย แต่ไกด์บอกว่าเราจำเป็นต้องไปร้านพวกนี้ เพราะรัฐบาลเกาหลีจัดไว้ให้พวกนักท่องเที่ยว ภาคบังคับอะไรประมาณนี้แหละ ที่เกาหลีรถไม่ค่อยติดเหมือนไทยเลย มองไปตามท้องถนนไม่มีรถมอเตอร์ไซค์เลย เพราะอากาศหนาวแล้วคนเกาหลีก็ไม่นิยม ยกเว้นคนที่ทำงานส่งของที่จะใช้กัน ส่วนใหญ่ก็นั่งรถโดยสารกัน รถเลยไม่ค่อยติดเท่าไร อยู่มาตั้งหลายวันวันนี้ขอรีวิวอาหารหน่อยล่ะกัน 55 หมูย่างเกาหลีอร่อยที่สุด คนเกาหลีกินผักเยอะจริงๆ เครื่องเคียงเยอะมาก น้ำจิ้มถือว่าเด็ด แต่ไกด์ก็เข้าใจคนไทย เตรียมน้ำจิ้มสูตรไทยไปเพียบ ใครไม่อินน้ำจิ้มแบบเกาหลีขอไกด์ได้เลย ไก่ตุ่นโสมก็อร่อยมากในตัวไก่มีข้าวด้วย ข้าวยำเกาหลีอีกเมนูที่ห้ามพลาด กิมจิแบบดั้งเดิมอร่อยกว่าที่ไทยจริงๆ "ชาบู เข้ายำกิมจิ ไก่ตุ่นโสม มาเกาหลีต้องมาลอง" วันที่ 4 วันนี้ได้ไปเที่ยวสวนสนุกวันเดอแลนด์ มีที่ให้ถ่ายรูปสวยๆ เยอะมาก ซีรี่ส์หลายๆ เรื่องก็เคยมาถ่ายทำที่นี่ แต่จะเล่นเครื่องเล่นก็รอกันหน่อยนะ เพราะคนเยอะมาก เลยได้แต่เดินถ่ายรูปกับม้าหมุน แล้วก็ส่องโอป้าเกาหลีแบบเพลินๆ ฟินดีนะ555 ต่อด้วยตลาดที่ทุกคนไปเกาหลีคือต้องไปเดินคือตลาดเมียงดง ย่านช็อปปิ้ง ของกิน เสื้อผ้า แฟชั่นต่างๆ ประมาณสตรีทฟู้ดบ้านเรา คนเยอะ คนขายพูดไทยเก่ง ต้องต่อราคาแบบสุดๆ นะ ไม่ให้ก็เดินหนีเลย สรุปได้เฉย ราคาที่เราต้องการ ไกด์พาเราเที่ยวต่อที่หมู่บ้านเก่าของชาวเกาหลี ที่อยู่ติดริมเขา เพราะส่วนใหญ่ประเทศเกาหลีติดกับภูเขา บ้านคนสมัยก่อนก็จะติดกับภูเขา แต่เมื่อเวลาผ่านไปคนส่วนใหญ่หรือคนรุ่นใหม่ก็ย้ายเข้าไปอยู่คอนโดมิเนียม เพื่อความสะดวกสบาย "บ้านคนเกาหลีสมัยก่อนช่างเก่าแก่ได้บรรยากาศมาก" วันที่ 5 วันสุดท้ายวันนี้ไกด์พาไปที่พระราชวังเคียงบกคุง ที่ถูกใช้เป็นพระราชวังหลวงหลัก และใหญ่มาก ใหญ่จริงๆ เดินจนเมื่อยเลย ถ่ายรูปตามสเต๊ป สุดท้ายสถานที่ที่พลาดไม่ได้ Seoul tower ที่ตั้งอยู่บนเขานัมซัง บนหอคอยดูวิวได้ 360 องศา สวยมาก วิวดี และแล้วช็อตที่ต้องมีก็คือการมาคล้องกุญแจ ตามสเต็ปแหละ เดียวเขาหาว่ามาไม่ถึง แอบอิจฉาคู่รักที่มาถ่ายรูปกันเบาๆนะ และแล้วก็ถึงเวลากลับสู่ประเทศไทย "ของดีอีกอย่าง สตอเบอร์รี่เคลือน้ำตาล หวานๆ เปรี้ยวๆ" "ใครมีแฟนก็ไปคล้องกุญแจกันได้ที่ Seoul Tower" ถือว่าเป็นประสบการณ์ การท่องเที่ยวที่ดีมาก อาหารอร่อย ผู้คนน่ารัก คนเกาหลีหน้านิ่งๆ เหมือนหยิ่ง แต่ถ้าได้คุยเขาเฟลนลี่มากนะ ถ้ามีโอกาศก็อยากกลับไปเที่ยวอีกนะ.....เกาหลี..ที่รัก