ในปี 2562 วงการภาพยนตร์ทั้งไทยและเทศต่างคึกคักกันพอสมควร คอหนังแต่ละคนก็คงมีภาพยนตร์ที่ประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นหนังตลก หนังแฟนตาซี หรือแอนิเมชั่น ที่ล้วนสร้างความสุขและความบันเทิงให้กับผู้ชมอย่างเราๆซึ่งในปีนี้ภาพยนตร์ที่ผู้เขียนได้มีโอกาสรับชมเองก็มีหลายเรื่อง หลายแนว แต่ที่บอกว่าประทับใจที่สุดก็คงยกให้ "ฮาร์ทบีท เสี่ยงนัก...รักมั้ยลุง" ซึ่งหลายคนอาจจะงง และตะโกนดังๆ ว่า "พล็อตเรื่องเดิมๆ" "พระเอกแบกหนังไว้ทั้งเรื่อง" "มุกเก่าๆ ไม่มีอะไรแปลกใหม่" หรืออะไรก็ตามแต่ แต่ในความคิดเห็นของผู้เขียนขอให้นิยามภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "หนังรักธรรมดา...แต่ความอบอุ่นมันใหญ่มาก" ซึ่งเนื้อเรื่องเกี่ยวกับ "ชัย" ชายหนุ่มวัย 40 ที่สูญเสียคนรักไปอย่างไม่มีวันกลับ เขาจึงต้องมาหลบเลียแผลใจ (ภาษาเก่ามากเนอะ ^^) ที่เชียงใหม่ ทำให้ได้พบกับ "น้ำหวาน" ลูกสาวเจ้าของเกสท์เฮ้าส์ที่เขาไปพัก ซึ่งเป็นสาวน้อยวัย 20 ปี สดใส ร่าเริง ชอบการผจญภัยโลดโผน (ทั้งที่ตัวเองเป็นโรคหัวใจ) ผู้ที่พาเขาก้าวสู่โลกใบใหม่ที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน พระเอกของเรา คือ ชัย แสดงโดย เคน ธีรเดช ซึ่งบอกได้เลยว่าหล่อละลายใจตั้งแต่ฉากเปิดตัวกันเลยที่เดียว ด้วยการเป็นผู้ชายสายหวาน พูด "คะ/ค่ะ" ตลอดทั้งเรื่อง แต่ภายใต้รอยยิ้มอันสดใส ชัยยังแบกความทุกข์ใจเกี่ยวกับการจากไปของคนรัก โดยไม่สามารถ "Move on" จากความเศร้าเสียใจได้ เห็นได้จากการนั่งบิดรูบิคที่เต็มไปด้วยปริศนา ซึ่งแฟนสาวทิ้งไว้ให้ตลอดทั้งวันโดยไม่ลุกไปทำกิจกรรมอย่างอื่นเลย แต่เมื่อนางเอกของเรื่อง คือ น้ำหวาน แสดงโดย พรอยมน มนสภรณ์ ได้เข้ามาพาเขาออกไปสัมผัสโลกใหม่ ก็ทำให้ชีวิตของชัยเปลี่ยนไป... จากชายที่ทำอะไรช้าๆ เนิบๆ กินแต่ของดีมีประโยชน์ กลัวความสูง กลัวความท้าทายต่างๆ และขี่มอเตอร์ไซค์ความเร็วสูงสุด 40 กิโลเมตร/ชั่วโมง ก็ได้ลองแหกกฎมากินของทอด ไปชมวิวบนยอดเขาสูง เล่นสเก็ตบอร์ด เล่นเกมในอินเตอร์เน็ต เล่นเครื่องเล่นโลดโผนในสวนสนุก ร้องเพลงแร็ป (และขี่มอเตอร์ไซค์เร็วขึ้นอีก 20 กิโลเมตร/ชั่วโมง 555+) ซึ่งหนังถ่ายทอดพัฒนาการของตัวละครออกมาได้ชัดเจน (นักแสดงทำได้ดีจริงๆ) จากชายหนุ่มที่เก็บตัว พูดน้อย ซึมเศร้า ก็ค่อยๆ มีรอยยิ้มเพิ่มขึ้นทีละนิด จากการเยี่ยวยาด้วยความรัก ความเอาใจใส่ และความแปลกใหม่ในชีวิตในขณะที่สาวน้อยอย่างน้ำหวานที่เป็นคนพาชัยก้าวออกมาจากโลกเดิมๆ ก็ได้สัมผัสโลกใบใหม่จาก "ลุงชัย" เช่นกัน จากสาวที่หัวร้อน เร่งรีบตลอดเวลา ก็ได้ลองทำอะไรที่ช้าลง เช่น การเขียนโปสการ์ดเพื่อส่งความคิดถึงทางไปรษณีย์แทนการส่งข้อความทางไลน์หรือเฟสบุ๊ค การต้องกินผักที่เจ้าตัวเองไม่ชอบมาทั้งชีวิต (และการลองนั่งมอเตอร์ไซค์ความเร็วสูงสุด 40 กิโลเมตร/ชั่วโมง) ซึ่งก่อนชมภาพยนตร์ผู้เขียนเองไม่ได้รู้สึกว่านางเอกคนนี้สวยหรือน่ารักเป็นพิเศษ แต่พอได้ชมภาพยนตร์เข้าไป ต้องบอกว่าหลงรักเธอสุดๆ ด้วยความเป็นธรรมชาติ และความสดใสที่เธอบรรจงแสดงออกมา ทำให้ตัวละคร "น้ำหวาน" ดูมีตัวตนขึ้นมาจริงๆ ถือว่านางเอกคนนี้เป็นดาวรุ่งดวงใหม่ที่น่าจับตามองจริงๆนอกจากนี้ภาพบรรยากาศสวยๆ จากสถานที่ดังๆ ในเชียงใหม่และเวียดนาม ถือว่าเป็นกำไรของผู้ชม ที่ดูหนังจบแล้วอยากจะตีตั๋วไปเที่ยวในทันที อีกทั้งเพลงประกอบภาพยนตร์ที่ดึงเพลงดังๆ ทั้งเก่าและใหม่มาใส่ในช็อตที่พอดิบพอดี ช่วยชูให้หนังดูมีสีสันขึ้นมาได้ไม่น้อย แต่สิ่งที่ผู้เขียนประทับใจมากที่สุดก็คงจะเป็นบทภาพยนตร์ เพราะแม้ว่าจะเป็นบทที่เรียบๆ ธรรมดาๆ ง่ายๆ แต่มันเต็มไปด้วยความสุขตลอดทั้งเรื่อง คงจะไม่มีใครเลยที่ไม่แอบอมยิ้มให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ (ผู้เขียนเองนั่งอมยิ้มตั้งแต่ต้นเรื่องจนจบเรื่อง) และสิ่งที่ชอบที่สุด คือ "การนำคนสองคนเข้ามาสู่โลกใบใหม่ ซึ่งเป็นโลกใบเดิมของแต่ละคน" หนังแสดงให้เห็นว่า ไม่จำเป็นที่คนยุค 90 จะต้องปรับตัวให้เข้ากับคนในยุค Gen Z เพียงอย่างเดียว แต่คนในยุคสมัยนี้ก็ควรลองใช้ชีวิตแบบคนสมัย "ลุง" เช่นกัน เพราะความรักคือ "การปรับตัว" จนเกิด "ความสมดุล" จะเห็นได้ว่าคู่รักบางคู่นั้นไปกันไม่รอด เพราะมีบางฝ่ายต้องปรับตัวมากเกินไปจนเสียความเป็นตัวเอง ในขณะที่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ลองปรับตัวเพื่อคนรักเท่าที่ควร หนังเรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าพระเอกก็ต้องปรับตัวเพื่อนางเอก นางเอกก็ต้องปรับตัวเพื่อพระเอกเช่นกัน ซึ่งการปรับตัวของทั้งสองฝ่ายนั้นอยู่ในจุดที่จูนหากันได้พอดี จึงทำให้ความต่างวัยไม่เป็นอุปสรรคต่อความรักของคนทั้งคู่ แม้ว่า "ฮาร์ทบีท เสี่ยงนัก...รักมั้ยลุง" จะไม่ได้เป็นหนังรักที่มีบทแหวกแนวหรือแปลกใหม่ แต่กลับสร้างความอบอุ่นให้กับหัวใจของผู้ชมได้เป็นอย่างมาก ด้วยเสน่ห์ของการดำเนินเรื่องที่เรียบง่าย ทำให้มองเห็นมุมมองความรักที่พัฒนามาจากความจริงใจ พลังของการให้ และความปรารถนาดี การเปิดโลกทัศน์ใหม่ให้กับตนเอง หากคุณอยากชมภาพยนตร์ที่อมยิ้มเบาๆ และมีความสุขเล็กๆ ที่แสนยิ่งใหญ่ตลอดทั้งเรื่อง ห้ามพลาด "ฮาร์ทบีท เสี่ยงนัก...รักมั้ยลุง" นะคะ ❤เครดิตภาพ : https://www.sfcinemacity.com/news-activity/news-2410 และ https://www.sfcinemacity.com/news-activity/news-2401