ผมเชื่อว่าคงไม่มีใครที่ไม่รู้จักบุคคลที่ประสบความสำเร็จระดับโลกที่ชื่อว่า “บิล เกตส์” ชายผู้ก่อตั้งบริษัท Microsoft ระบบปฏิบัติการณ์บนคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่เราใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน โดยในปี 2020 เว็ปไซต์ Forbes ได้จัดให้เขาเป็นมหาเศรษฐีอันดับที่ 2 ของโลก นับเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง หนึ่งในปัจจัยหลักที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จและเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งของโลกนั่นคือนิสัยรักการอ่านของเขา เขามักจะใช้เวลาอ่านหนังสือเฉลี่ย 1 เล่มต่อสัปดาห์หรือ 4 เล่มต่อเดือน บทความนี้จะขอมาแบ่งปัน 4 คำแนะนำจาก บิล เกตส์ ที่เขาใช้ในการอ่านหนังสือได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากเราเรียนรู้และสามารถนำไปปรับใช้ให้เหมาะกับเราได้จะถือเป็นประโยชน์อย่างมากเพราะถือเป็นคำแนะนำที่มาจากผู้ที่ประสบความสำเร็จระดับโลกเลยทีเดียว หากอยากรู้แล้วว่า บิล เกตส์ เขาอ่านหนังสืออย่างไรลองอ่านบทความนี้ได้เลยครับ1. จดโน้ตในหน้านั้น บิล เกตส์ บอกว่าในการอ่านหนังสือแนวให้ความรู้ที่ไม่ใช่หนังสือแนวนวนิยาย ที่มันจะเพิ่มความรู้ใหม่ ๆ ให้กับคุณและเป็นการต่อยอดความรู้เดิมที่คุณมีอยู่ ทุกครั้งที่เขาอ่านหนังสือแนวนี้เขาจะต้องจดใจความสำคัญออกมาเพื่อคิดวิเคราะห์องค์ความรู้เดิมที่เขามีอยู่กับความรู้ใหม่ที่เพิ่งอ่าน หากเขาไม่เห็นด้วยเขาก็จะจดโน้ตถึงข้อโต้แย้งไว้ มีบางครั้งที่เขาต้องใช้เวลาอ่านหนังสือนานเป็นพิเศษเพราะเขาไม่เห็นด้วยกับข้อมูลในหนังสือเลย2. อย่าเริ่มต้นอ่านหากคุณคิดว่าไม่สามารถอ่านจนจบได้ บิล เกตส์มีกฎเหล็กของเขาอยู่ว่า “หากเขาตัดสินใจจะอ่านหนังสือเล่มใดก็ตาม เขาต้องอ่านมันจนจบให้ได้” หากเขาประเมินแล้วว่าไม่สามารถอ่านให้จบได้เขาก็จะไม่อ่านมัน เขาได้ยกตัวอย่างหนังสือที่ชื่อว่า Infinite Jest ของ David Foster Wallace ที่เคยถูกทำออกมาเป็นภาพยนตร์และเขาก็ชอบเวอร์ชั่นที่เป็นภาพยนตร์มาก แต่พอมาอ่านเวอร์ชั่นหนังสือเขาพบว่าเนื้อหาค่อนข้างซับซ้อน เมื่อเขาประเมินแล้วว่าไม่สามารถอ่านจนจบได้เขาจึงหยุดอ่านมัน3. หนังสือกระดาษหรือหนังสือดิจิตอล (Paper book or e-book) ถึงแม้ว่า บิล เกตส์ ที่เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย แต่เขาก็ยังคงชื่นชอบการอ่านหนังสือแบบเป็นรูปเล่มกระดาษมากกว่า โดยเวลาที่เขาต้องเดินทางไปไหนมาไหนเขาก็จะพกหนังสือจำนวนเยอะมาก ๆ ติดตัวไปด้วยเสมอ ข้อคิดเห็น : โดยส่วนตัวแล้วผมก็ชื่นชอบการอ่านหนังสือเป็นเล่ม ๆ แบบบิล เกตส์นะ มันได้อรรถรสกว่า ทั้งการสัมผัส กลิ่นหอม ๆ ของกระดาษ และยังไม่เสียสายตาเหมือนมองจอโทรศัพท์ด้วย4. แบ่งเวลาไว้อ่านหนังสืออย่างน้อย 1 ชั่วโมงต่อวัน บิล เกตส์ แนะนำว่าควรใช้เวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมงต่อวันในการนั่งลงอ่านหนังสืออย่างจริงจัง เพราะการครุ่นคิดและทำความเข้าใจกับข้อมูลที่อ่านไปไม่สามารถทำได้ในเวลาเพียง 5-10 นาที ซึ่งเวลาเพียงเท่านี้มันเหมาะกับการดูคลิปสั้น ๆ ในยูทูบหรือไม่ก็อ่านบทความในนิตยสารมากกว่า ในทุก ๆ คืนเขาจะใช้เวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมงเพื่อทำให้หนังสือที่เขาอ่านคืบหน้าไปเรื่อย ๆ จนจบเล่มได้ในที่สุด ถึงแม้ว่าบิล เกตส์ จะร่ำรวยมหาศาลแบบที่ว่าใช้ได้ยันชาติหน้าก็ยังไม่หมด แต่เขาก็ยังคงเรียนรู้อยู่ตลอดเวลาจึงไม่แปลกใจเลยว่าอะไรที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จได้ถึงขนาดนี้ และหากวิเคราะห์ดูจากเทคนิคของเขาแล้ว เขาไม่ได้เพียงแค่อ่านผ่าน ๆ เท่านั้น แต่ยังทำความเข้าใจกับข้อมูลที่ได้รับด้วยข้อคิดเห็นของตัวเองอย่างลึกซึ้งอีกด้วย ซึ่งถือเป็นคุณสมบัติที่ตรงตามหลัก “กาลามสูตร” ในทางศาสนาพุทธที่ว่าอย่าเชื่อจนกว่าจะพิสูจน์ด้วยตัวเองyou are what you read การอ่านหนังสือมีประโยชน์มากกว่าที่คิด นอกจากจะได้ความรู้แล้ว มันยังช่วยให้เราฝึกสมาธิจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ช่วยแก้ปัญหาสมาธิสั้น ป้องกันสมองเสื่อม นอกจากนั้นนักวิจัยยังพบว่าการอ่านหนังสือยังสามารถคลายเครียดได้ดีกว่าการฟังเพลงกับเล่นเกมส์อีกด้วยนับว่ามีประโยชน์อย่างมากจริง ๆ ฉะนั้นมาปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้กับตนเองและคนรอบข้างกันนะครับ หวังว่าข้อมูลจากบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกท่านที่เข้ามาอ่านกันนะครับขอบคุณภาพประกอบจาก pexels ภาพปก/ภาพที่2/ภาพที่3/ภาพที่4/ภาพที่5/ขอบคุณภาพประกอบจาก freepik ภาพที่1/