สำหรับน้องๆ นักเรียนหลายๆ คนที่กำลังศึกษาในชั้นมัธยมทั้งมัธยมต้น และมัธยมปลาย เวลาที่สอบวิชาภาษาไทยทีไรก็จะต้องมีการยกตัวอย่างกลอนมาให้แล้วถามว่า เป็นการเปรียบเทียบแบบใด ใช่ไหมคะ? วันนี้พี่จันทร์เจ้าจะพาน้องๆ ไปรู้จักกับการเปรียบเทียบในวรรณกรรมไทยกันค่ะ แบบที่หนึ่ง การอุปมา การอุปมา คือการเปรียบเทียบแบบให้ของอย่างหนึ่ง “เป็น” ของอีกอย่างหนึ่งค่ะ ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น เธอสวยราวกับนางฟ้า หรือ เขาน่าเกรงขามดั่งสิงโต ถ้าจะเขียนเป็นสมการก็คือสมการเครื่องหมายเท่ากับค่ะ อย่างประโยค เธอสวยราวกับนางฟ้า คือเธอกับนางฟ้าเป็นสิ่งเดียวกันสามารถแทนกันได้นั่นเอง ถ้าเขียนเป็นเซ็ตก็จะเขียนได้ว่า แบบที่สอง การอุปลักษณ์ การอุปลักษณ์ คือการเปรียบเทียบให้ของอย่างหนึ่ง “คล้าย” กับของอีกอย่างหนึ่ง นั่นหมายความว่า ของสองสิ่งนั้นมีความคล้ายกัน มีลัษณะบางอย่างร่วมกัน แต่ไม่ใช่ของสิ่งเดียวกัน ไม่สามารถแทนกันได้ ยกตัวอย่างเช่น“ช้างนิรมิตฤทธิ์แรงแข็งขัน. เผือกผ่องผิวพรรณ สีสังข์สะอาดโอฬาร์”จากบทพากย์เอราวัณ พระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย คำว่า สีสังข์ เป็นการอุปลักษณ์ เปรียบเทียบว่ามีสีเหมือนสังข์คือสีขาว ถ้าเขียนอธิบายเป็นเซ็ตก็จะเขียนได้ว่า แบบที่สาม การใช้สัญลักษณ์ อันนี้แถมให้ค่ะ เพราะนอกจากการอุปมาและอุปลักษณ์แล้ว การเปรียบเทียบในวรรณคดีไทยยังมีการ ใช้สัญลักษณ์อีกด้วย การใช้สัญลักษณ์นี้ คือการเปรียบเทียบโดยที่นำของสิ่งหนึ่งซึ่งอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับสิ่งที่ต้องการจะพูดถึงน้อยมากๆ มาแทนสิ่งที่ต้องการจะกล่าวถึง เช่น เขามุ่งหน้าฝ่าพายุ จากประโยคดังกล่าว ถ้าอ่านเอาความหมายโดยตรงก็จะได้ภาพคนเดินฝ่าพายุใช่ไหมคะ แต่ถ้าเราอ่านโดยการตีความหมายใหม่ให้พายุ พายุนั้นอาจจะเป็นสัญลักษณ์แทนของปัญหาที่มีความรุนแรง หรืออุปสรรคที่ยากจะข้ามผ่านนั่นเอง การใช้สัญลักษณ์ในการเปรียบเทียบมักจะปรากฏในวรรณกรรมสมัยใหม่ และวรรณกรรมที่มีความเกี่ยวข้องกับการเมือง ทั้งนี้ผู้อ่านต้องตีความเอาเองนะคะว่ากวีต้องการจะสื่อถึงอะไรกันแน่ ถ้าอธิบายการเปรียบเทียบแบบสัญลักษณ์เป็นแผนภาพก็จะได้ประมาณนี้ค่ะ ซึ่งพี่จันทร์เจ้าหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับน้องๆนะคะ ภาพประกอบโดย ผู้เขียน