ขอบคุณภาพจาก pixabay ขอบคุณภาพจาก pixabay อย่างที่ทราบกันดีว่าช่วงที่ผ่านมา เริ่มมีกิจการต่าง ๆ มีการปิดตัวลงอย่างมากมาย ทั้งอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิคหรือธุรกิจยานยนต์ เมื่อเร็ว ๆ นี้มีข่าวล่าสุดที่เป็นเรื่องฮือฮากันมาก อย่างบริษัท เจนเนอรัลมอเตอร์ส (ประเทศไทย) หรือ GM ที่ประกอบกิจการประกอบรถยนต์ยี่ห้อดังเชฟโรเลตมาตลอด 20 ปี ได้มีการปลดพนักงานกว่า 1,500 คนและขายกิจการทั้งหมดให้กับ บริษัท เกรท วอล มอเตอร์ส จำกัด ที่เป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของจีน ซึ่งบริษัทนายจ้างใหม่นั้นยังไม่มีแนวโน้มที่จะจ้างกลุ่มลูกจ้างรายเดิมแต่อย่างไร ส่งผลให้คนตกงานเป็นจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ดีทางด้านสังกัดกระทรวงแรงงานก็ไม่ได้นิ่งนอนแต่อย่างใด กำลังรีบจัดการให้บริการจัดหางานและคุ้มครองสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายให้กับลูกจ้างอยู่ เชื่อว่าเราจะได้ยินข่าวดีในเร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน ในวันนี้ทางผู้เขียนจะเล่าถึงอัตราการตกงานในปีที่ผ่านมา แล้วนำมาวิเคราะห์สถานการณ์กันว่าจะบ่งบอกสภาวะเศรษฐกิจตอนนี้ยังไงได้บ้าง ถ้าพร้อมแล้ว ตามไปดูกันเลยค่า ขอบคุณภาพจาก pixabay อัตราการว่างงาน หรือ Unemployment rate คือ สัดส่วนจำนวนของผู้ว่างในปีที่ต้องการทราบหารด้วยกำลังแรงงานทั้งหมด แล้วคูณด้วย 100 จะได้เป็นเปอร์เซ็นต์โดยรวมออกมา ซึ่งถ้าดูจากวิธีการคำนวนแล้ว จะพบว่ายิ่งอัตราการว่างงานสูงก็ยิ่งทำให้กิจกรรมต่าง ๆ ทางเศรษฐกิจเติบโตช้าลง เช่นอัตราการว่างงานของประเทศสเปนในปัจจุปันสูงขึ้นถึง 23 % นั่นหมายความว่า ถ้าเราเดินอยู่ที่ไหนสักแห่งในสเปนแล้วพบ 4 คนผ่านไปมาถนน ทางทฤษฎีข้อมูลสถิติบอกว่าหนึ่งในสี่คนนั้นต้องมีคนว่างงานหนึ่งคน เป็นต้น ขอบคุณภาพจาก pixabay ในประเทศไทยทางสถิติบอกว่าเมื่อปีที่ผ่านมา อยู่ที่ประมาณร้อยละ 0.5 - 1.5 ซึ่งเป็นอัตราการว่างงานที่ต่ำมาก แต่เลขนั้นนำมาใช้วิเคราะห์ข้อมูลเชิงเศรษฐศาสตร์ของประเทศไม่ได้ เนื่องด้วยผู้ที่ทำงานทำร้อยละ 60 % ส่วนใหญ่มีอาชีพอย่างไม่เป็นทางการ เช่น กรรมกร ชาวนา เป็นต้น ทำให้ผู้ที่มีงานทำเข้าอีก 60 % ไม่การบริการประกันสังคมและใช้สิทธิ์คุ้มครองทางกฎหมาย เพราะการคำนวณผู้ที่มีงานทำดูจากผู้มาใช้ประกันสังคมและต้องมีอาชีพที่เป็นทางการเท่านั้น ซึ่งเป็น 40 % ที่เหลือ เช่น พนักงานออฟฟิศ ครู ตำรวจ เป็นต้น แต่ 60% ที่เหลือคำนวณไม่ได้ ซึ่งอาจจะตกงานหรือรับจ้างทั่วไปแล้วไม่มีค่าตอบแทนก็ได้ สำหรับปี พ.ศ. 2562 อัตราการว่างอยู่ที่ 1.1 % เท่านั้น แต่สิ่งที่เราเห็นอยู่ตอนนี้สวนทางกับเลขที่เห็นอยู่มาก มีโรงงานปิดตัวอย่างกระทันหันถึง 1000 กว่าโรงงาน มีคนตกงานเป็นจำนวนมากกว่า 1000 กว่าคนกำลังรองานใหม่อยู่ รวมถึงนักศึกษาจบใหม่ก็ตกงานกันอย่างล้นหลามตราบใดที่เศรษฐกิจการว่างงานยังเป็นแบบนี้อยู่ จะส่งผลให้เกิดขาดสภาพคล่องตัวทางเศรษฐกิจ จนนำไปสู่การเกิดเงินเฟ้อได้ในอนาคต เป็นยังไงบ้างสำหรับบทความที่เราได้นำเสนอกันในวันนี้ ถ้าตอนนี้ยังไม่มีการแก้ปัญหากันอย่างถูกจุดแล้วล่ะ ในไม่ช้าประเทศไทยก็อาจจะเป็นประเทศล้าหลังก็เป็นไปได้ และหากใครที่ยังว่างงานอยู่ อย่าได้เพิกเฉยต่อโชคชะตา เพราะนี่คือช่องทางที่อาจจะทำให้คุณพบวิธีแก้ไขปัญหานี้ได้ คลิกที่นี่เลย