ไม่มีทางเลยที่คนเราจะไม่ออกกำลังกายกัน ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ไม่ตั้งใจก็แบบ ออกจากปากซอยไปซื้อกับข้าว หรือเดินหาซื้อของในตลาดนัด หรือไปนิทรรศการศิลปะแล้วเดินดูงานศิลป์ ทั้งหมดทั้งมวลนี่ก็คือการออกกำลังกายแล้วครับ เพียงแต่ว่าพอมันเป็น “การเดิน” หลาย ๆ คนอาจจะไม่รู้สึกว่าเป็นการออกกำลังกายสักเท่าไหร่ เพราะภาพในหัวสำหรับคำว่า “การออกกำลังกาย” ของใครหลายคน ต้องเหงื่อแตก หัวใจเต้นแรง และทั้งหมดทั้งมวลนำไปสู่ความรู้สึกว่า “เหนื่อย” แต่จริง ๆ แล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความพอใจและความสามารถของแต่ล่ะคนเลยครับ เพราะหากออกกำลังกายจริงจัง แต่ไม่ได้ควบคุมการรับประทานอาหารหรือการใช้ชีวิตเพื่อสุขภาพ เช่น วิ่งมาราธอนแล้วยังสูบบุหรี่หนัก หรือดื่มเบียร์ทุกวัน ออกให้ตายยังไงก็ช่วยอะไรไม่ได้มากนักอยู่ดี แล้วการออกกำลังกายนั้น จริง ๆ แล้วแค่ไหนถึงเรียกออกกำลังกาย ทางองค์กรอนามัยโลก หรือ WHO ได้นิยมไว้ดังนี้ครับ ถ้าคุณมีกิจกรรมการเคลื่อนไหวร่างกายระดับปานกลาง (ซึ่งก็คือการออกกำลังกายปกติน่ะแหละครับ จะวิ่ง จะยกน้ำหนัก จะถีบจักรยานกลางอากาศ ก็ล้วนแต่เป็นการเคลื่อนไหวระดับปานกลางทั้งสิ้น) คุณจะต้องทำอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ (หรือถ้าเฉลี่ยเป็นวัน ก็วันล่ะ 20-25 นาที) ส่วนถ้ามีกิจกรรมเคลื่อนไหวระดับหนัก เช่น เล่นฟุตบอล วอลเลย์บอล หรือกีฬาจริงจังอื่น ๆ ก็ลดลงแค่ครึ่งหนึ่ง หรือก็คือเพียง 75 นาทีต่อสัปดาห์เป็นพอ คือ คุณสามารถนัดเล่นฟุตบอลกับเพื่อน ๆ ของคุณแค่วันเสาร์หรือวันอาทิตย์วันเดียวก็ได้ แล้วเล่นแค่ 75 นาทีให้เต็มอิ่มไปเลยครับ หรือจะเอาทั้งระดับผสม คือ ระดับปานกลางหรือระดับหนักก็ได้ อาจจะปานกลาง 100 นาทีต่อสัปดาห์ แล้วเล่นฟุตบอลสัก 20 นาทีก็ได้ ต้องจัดสัดส่วนของเวลาและระดับการออกกำลังให้ดี ๆ ให้มีความสมดุล ถึงตรงนี้บางคนอาจจะสงสัยว่า แล้วการเดินไปปากซอยหน้าบ้านนี่คือการเคลื่อนไหวระดับไหน มันก็คือการเคลื่อนไหวระดับเบาน่ะครับ ซึ่งถ้าคุณออกไปเรื่อย ๆ ทุกวันก็มีประโยชน์ต่อร่างกาย และถ้าคุณงานยุ่ง ไม่มีเวลาจริง ๆ แบบหาเวลาว่างไม่ได้เลย นี่ก็อาจจะเป็นทางเลือกหนึ่ง แต่ถ้าคุณสามารถหาเวลาให้ตัวเองสัก 20 นาที แล้วแถวบ้านมียิม หรือมีจุดออกกำลังกายภายนอกที่มีหน่วยงานราชการสร้างเอาไว้ให้ ก็ขอแนะนำให้ใช้เวลาดังกล่าวไปกับการออกกำลังกายกับเครื่องออกกำลังกายทั้งหลายที่คุณสามารถหาได้ครับ โดยหลักการสำคัญในการออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเบาหรือหนัก ก็ประกอบด้วย รู้ขีดจำกัดของตัวเอง รู้ว่าออกได้แค่ไหนที่จะไม่เหนื่อยหรือฝืนเกินไป จนอาจจทำให้ร่างกายอ่อนล้าหรือบาดเจ็บได้ พยายามให้มีความหลากหลาย ไม่ใช่แค่ถีบจัรกยานหรือวิ่งอย่างเดียว เพื่อให้กล้ามเนื้อทุกส่วนของร่ายกายได้ออกกำลัง ได้มีการเคลื่อนไหว การพัฒนาอย่างเท่าเทียมกัน สิ่งสำคัญคืออย่าลืมที่จะออกกำลังกายครับ ไม่สำคัญว่าน้อยหรือมาก ขอแค่ได้ออกบ้างให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดีก็เป็นพอครับ * เรื่องและรูปภาพทั้งหมดเป็นผลงานของผู้เขียน *