เริ่มต้นปีใหม่มาเพียงไม่กี่เดือนก็มีข่าวที่สร้างความวิตกให้แก่คนไทยหลายข่าว โดยเฉพาะข่าวของฝุ่นPM 2.5 ที่ยังคงมีอยู่ตั้งแต่ปีก่อนและข่าวของการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัสซึ่งถึงจะเริ่มระบาดครั้งแรกในมณฑลหูเป่ย ที่ประเทศจีนแต่ตอนนี้พบผู้ติดเชื้อในประเทศไทยมากกว่า 10 รายแล้ว ทั้งสองข่าวนี้มีผลต่อสุขภาพของคนไทยอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มเด็ก ผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ อย่างฝุ่น PM 2.5 ก็มีผลต่อปอดของคนไทย เนื่องจากอนุภาคของฝุ่นนั้นมีขนาดเล็กจึงทำให้จมูกไม่สามารถกรองได้ ทำให้ฝุ่นเหล่านั้นไปสะสมที่ปอด ส่วนโคโรน่าไวรัสก็เป็นเชื้อโรคชนิดใหม่ ซึ่งส่งผลให้เป็นไข้ เจ็บคอ ไปถึง ปอดบวม ซึ่งขั้นรุนแรงสุดก็ถึงขั้นเสียชีวิต แล้วเราควรปฏิบัติตัวอย่างไรล่ะ เพื่อให้รอดจากฝุ่นPM 2.5 และ โคโรน่าไวรัส 1.สวมหน้ากากอนามัย การสวมหน้ากากอนามัยจะช่วยป้องกันตัวเราได้ทั้งจากโคโรน่าไวรัสและฝุ่นPM 2.5 แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราควรเลือกประเภทของหน้ากากให้ถูกต้อง โดยชนิดของหน้ากากอนามัยที่ป้องกันได้ดีที่สุดคือ หน้ากากN95 หน้ากากN95 ถือว่าป้องกันได้ทั้งฝุ่นและไวรัสได้ดีมาก แต่ข้อเสียคือเมื่อใส่จะหายใจไม่ค่อยสะดวก (ใครใส่แล้วหายใจสะดวกน่าจะใส่ผิดวิธีนะคะ) ยิ่งไปกว่านั้นก็คือราคาจะสูงกว่าหน้ากากอนามัยธรรมดาและตอนนี้จะหาซื้อยากมาก ๆ เพราะว่าความต้องการซื้อของหน้ากากN95สูงมากจริงๆ อีกทางเลือกหนึ่งคือ หน้ากากอนามัยแบบ surgical mask ที่เป็นหน้ากากที่ใช้ทางการแพทย์ สีที่เห็นบ่อย ๆ คือเขียวขาว วิธีใส่ก็อ่านตามฉลากข้างกล่องว่าให้เอาด้านไหนออก หน้ากากนี้จะป้องกันไวรัสได้แต่ะจกรองฝุ่นได้ไม่ดีเท่าหน้ากากN95 แต่ถือว่าเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่ดี เพราะราคาจะถูกกว่าหน้ากากN95 และหาซื้อได้ง่ายกว่า 2. ล้างมือด้วยสบู่หรือalcohol จะให้ดีควรล้างตามวิธีล้างมือ 7ขั้นตอน เพื่อป้องการติดเชื้อไวรัส เพราะมือเราอาจไปสัมผัสกับเชื้อ หลีกเลี่ยงการเอามือเข้าปาก หรือขยี้ตา 3. หลีกเลี่ยงการเข้าไปอยู่ในพื้นที่ที่แออัด เพราะเชื้อจะกระจายได้ง่ายมาก และหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมในที่แจ้ง เพราะในอากาศตอนนี้เต็มไปด้วยฝุ่น 4.พบแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติ ทั้งอาการที่เกิดจากการสูดPM 2.5 และไวรัส หากถึงมือแพทย์ไวก็ลดโอกาสความรุนแรงได้ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังไม่พบยารักษาโรคได้โดยตรง แต่การรักษาตามอาการก็ช่วยให้ดีขึ้นได้ 5.ฟังข่าวอย่างมีวิจารณญาณไม่ตื่นตระหนกจนเกินไป ฟังหูไว้หู และฟังข่าวจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ เตรียมตัวเองให้พร้อมรับมือตลอดเวลา สุดท้ายก็อยากให้ทุกคนดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี เพราะการไม่เป็นโรคถือว่าเป็นลาภอันประเสริฐนะคะ