อื่นๆ

อยู่ในวัด

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ
อยู่ในวัด

เมื่อสมัยเป็นเด็ก  คงมีเด็ก ๆ หลายคนที่สนุกกับการได้ติดตามพ่อแม่หรือคนเฒ่าคนแก่ไปทำบุญที่วัด  หรือไม่เช่นนั้นก็เป็นการไปงานบุญเกี่ยวกับวันสำคัญต่าง ๆ ทางพระพุทธศาสนา  วัดสำหรับชุมชนก็เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สาม  เป็นที่ประชุม  เป็นที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็น  เป็นที่ที่ทุกคนในชุมชนสามารถพบปะพูดคุยกันได้  ในบรรดาสถานที่ต่าง ๆ ในชุมชน  วัดถือเป็นสถานที่ใกล้ชิดและเป็นศูนย์รวมของคนในชุมชนที่สำคัญยิ่งแห่งหนึ่งเลยทีเดียว

มีอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อสมัยเป็นเด็ก  เคยได้ตามคุณย่ามางานศพเพื่อนของท่านที่อาศัยอยู่หลังวัด  ภายในงานพิธีเต็มไปด้วยผู้คนที่รู้จักกัน  จำได้ว่าครั้งนั้นเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นศพคนตายตอนที่ญาติเปิดโลงให้บรรดาแขกเหรื่อได้วางดอกไม้จันทน์  ศพของคนตายไม่ได้ต่างไปจากคนทั่ว ๆ ไปที่ยังมีชีวิตหรือน่ากลัวอย่างที่คิด  แต่สภาพความแห้งแล้งและความเผือดสีบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าคนคนนั้นสิ้นลมแล้ว

Advertisement

Advertisement

ก่อนที่จะได้วางดอกไม้จันทน์เพื่อเตรียมส่งศพเข้าสู่พิธีต่อไป  คืนหนึ่งก่อนหน้านั้น  ด้วยความที่ตอนเป็นเด็กเติบโตมากับคุณย่า  พอท่านบอกว่าจะนอนค้างที่ศาลาวัดอันเป็นสถานที่จัดศพ  เราก็ได้เอ่ยปากขอนอนค้างด้วย  คืนนั้นภายในวัดมืดมนวังเวงจนเรานึกกลัวสิ่งที่มองไม่เห็นอยู่จับใจจนต้องร้องขอให้คุณย่าหันหน้ามาทางเรา

เสียงสุนัขที่อาศัยอยู่ในบริเวณวัดพากันเห่าหอนเสียงดังในช่วงจังหวะหนึ่ง  จากนั้นเงียบหายไปก่อนที่จะเห่าหอนเสียงดังกันเป็นระยะ ๆ อีกครั้งวนเวียนไปมาแบบนี้เรื่อย ๆ บางครั้งขณะที่กำลังจะเคลิ้มหลับ...หูของเราก็แว่วได้ยินเสียงแปลก ๆ จึงอดปากเอ่ยถามออกมาไม่ได้

“เสียงอะไรดังอยู่ข้างนอก”

คุณย่าก็ดุขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ได้ยินเสียงอะไรตอนกลางคืนอย่าไปทัก!”

ยิ่งคุณย่าเตือนแบบนั้นเรายิ่งรู้สึกกลัวไปกันใหญ่  นอนห่มผ้าเหงื่อซึม  แม้จะร้อนมากก็ไม่กล้าสะบัดผ้าห่มออก  แล้วตอนนั้นเองเสียงสุนัขหอนเสียงโหยก็ดังขึ้นใกล้ ๆ กับศาลาวัด  ท่ามกลางความหวาดกลัวของเรา  คุณย่าดันพูดขึ้นมาว่า

Advertisement

Advertisement

“หมามันเห่าหอนบอกทางคนตายให้มาอยู่กับที่กับทาง  วิญญาณจะได้ไม่เตลิดไปไหน”

ตอนนั้นเรามองไปที่โลงศพซึ่งตั้งอยู่บนแท่นยกสูงของศาลา  แสงไฟประดับที่รูปของคนตายและรอบ ๆ โลงดูน่ากลัวขึ้นเป็นเท่าตัว  คืนนั้นเราหวาดกลัวมาก  กลัวจนอยากกลับบ้านแต่สุดท้ายก็เผลอหลับไปในที่สุด  ตื่นเช้ามาบรรดาญาติ ๆ ที่มานอนเฝ้าศพกันก็ต่างมีเรื่องมาเล่าสู่กันฟัง

“เมื่อคืนฝันเห็นแก”

ทุกคนต่างก็บอกว่าฝันเห็นคนที่ตายไปกลับมาหากันทั้งนั้นรวมทั้งคุณย่าด้วย  ทุกคนพูดคุยสนุกสนานและตีความเป็นเลขต่าง ๆ ตามประสาคนบ้านนอก  ตอนนั้นเรานั่งฟังก็มีแต่ความรู้สึกหวาดกลัว...คิดว่าโชคดีที่ตัวเองไม่ฝันเห็นคนตายมาหา  ใครจะเชื่อว่าวัดอันเป็นสถานที่น่าเคารพศรัทธาในตอนกลางวัน  แต่พอตกกลางคืนกลับมีความน่ากลัวอย่างประหลาด  ทุกวันเรายังจำได้ถึงเสียงสุนัขที่เห่าหอนภายในวัดท่ามกลางบริเวณรอบหมู่บ้านที่เงียบสงัดไม่มีสุนัขรอบนอกเห่าหอนรับแม้แต่น้อย  ในคืนนั้นคุณย่ายังกระซิบบอกกับเราอีกว่า

Advertisement

Advertisement

“ยิ่งหมาหอนดังและนานเท่าไหร่  ผีนั้นยิ่งน่ากลัวหนักเลยนะ!”

ภาพปก  : Free-Photos จาก Pixabay

คัดลอกลิงค์
คัดลอกลิงค์
แจ้งตรวจสอบ

ความคิดเห็น

กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์