อบตัวด้วยสมุนไพรสด ช่วยขจัดของเสียออกจากร่างกาย ทำได้ที่บ้าน การเข้ากระโจมอบตัว ใช่ว่าจะทำได้เฉพาะคุณแม่หลังคลอดเท่านั้น บุคคลทั่วไปก็สามารถทำได้ การอบตัวด้วยสมุนไพรนอกจากจะช่วยขับเหงื่อ ขับสารพิษ และไขมันบางส่วนออกจากตัวแล้ว ยังช่วยส่งเสริมสุขภาพด้านไหนอีกบ้าง ประโยชน์ของการเข้ากระโจมอบสมุนไพร 1. ช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต เมื่ออบตัวด้วยสมุนไพร จะช่วยให้ระบบสูบฉีดเลือดได้ดี จึงทำให้ช่วยลดอาการวิงเวียนศีรษะหน้ามืดได้ เลือดถูกส่งไปเลี้ยงสมองได้ดีขึ้น (รวมถึงผู้ที่มีอาการเหน็บชาตามส่วนต่าง ๆ ตามร่างกาย เมื่ออบสมุนไพรแล้วจะมีอาการดีขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอ และสาเหตุของโรคด้วย) 2. ช่วยบรรเทาหวัด คัดจมูก หายใจไม่สะดวก และไอเรื้อรังจากหลอดลมอักเสบ เมื่อมีอาการเป็นหวัด คัดจมูก ลองเข้ามาอบสมุนไพรในกระโจม จะทำให้รู้สึกหายใจสะดวกขึ้น เนื่องจากไอร้อนที่มีสมุนไพรเป็นส่วนผสม เมื่อสูดหายใจเข้าไป จะไปช่วยให้เส้นเลือดฝอยบริเวณหลอดลม มีการคลายตัว หากมีเมือกหรือเสมหะเหนียวอุดตันอยู่ตามหลอดลม ก็จะอ่อนตัวลง และสะดวกในการกำจัดออกจากร่างกาย จนทำให้รู้สึกหายใจโล่ง สบายขึ้นหลังจากอบตัว 3. ช่วยขับเหงื่อ และสารพิษออกจากร่างกาย ทำให้รูขุมขนถูกเปิดออก เพื่อขจัดไขมันส่วนเกินบริเวณผิวชั้นนอก ให้ถูกขับออกมากับเหงื่อ ในขณะเดียวกันไอสมุนไพรที่ต้มไว้ จะแทรกซึมเข้าไปช่วยขจัดเชื้อโรคตามผิวหนัง ลดอาการผดผื่นคัน สิวอุดตัน สิวเสี้ยนให้อ่อนตัว และหลุดออกมาอย่างง่ายดาย อีกทั้งยังช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใส นุ่มนวลอีกด้วย สมุนไพรที่ใช้อบกระโจมประกอบด้วย ไพล ขมิ้นชัน ตะไคร้ ลูกมะกรูด การบูร พิมเสน เกลือ หัวหอมแดง และขิงแก่ วิธีอบต้องมี 2 สิ่งนี้ 1. ต้องมีกระโจมสำหรับอบ แบบผ้าด้ายดิบซึ่งปลอดภัยจากเคมี และมีช่องรูให้ระบายอากาศได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับความร้อนมากเกินไป เนื่องจากต้องใช้เวลาอบตัว ประมาณ 20 - 30 นาที เพื่อให้ร่างกายค่อย ๆ ได้รับความร้อนทีละน้อย ๆ ให้ไอน้ำแทรกซึมเข้าสู่ผิว และร่างกายจะค่อย ๆ ซึมซับสารสำคัญในสมุนไพร ซึ่งช่วยในการขจัดของเสียออกจากร่างกายได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้กระโจมที่เป็นผ้าดิบ จึงสามารถระบายความร้อนออกได้ดี จึงทำให้อุณหภูมิในกระโจมมีความเหมาะสม ไม่ร้อนจนเกินไป 2. หม้อหุงข้าวไฟฟ้าแบบเปิดฝาแยกออกจากตัวหม้อได้ วิธีต้มสมุนไพรสำหรับอบ นำหม้อหุงข้าวไฟฟ้า มาเติมน้ำครึ่งหม้อ ใส่สมุนไพรสำหรับอบลงไป ต้มจนกว่าจะเดือด ระหว่างนี้นำกระโจมมาแขวนบริเวณที่จะอบ ซึ่งเป็นสถานที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก แต่ไม่ควรมีลมโกรก เพราะจะทำให้ความร้อนไม่สม่ำเสมอ หลังจากหม้อสมุนไพรเดือดแล้ว ให้นำเก้าอี้เข้ามาไว้ในกระโจม ควรเว้นระยะห่างไม่ให้เท้าสัมผัสกับหม้อร้อน ๆ จนเกิดอันตรายได้ เมื่อสมุนไพรเดือดระอุแล้ว จึงเปิดฝาหม้อ เพื่อให้ไอน้ำ และสารสำคัญในสมุนไพรระเหยออกมาอย่างช้า ๆ พร้อมกันนี้ผู้อบควรสูดไอสมุนไพร ให้ค่อย ๆ แทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย โดยสูดลมหายใจให้ลึกที่สุด แล้วจึงปล่อยลมออกแบบช้า ๆ นั่งอบจนครบเวลา หรือเท่าที่ทนได้ แต่ไม่ควรเกิน 45 นาที เพราะอาจจะทำให้เหงื่อออกมาไป จนอ่อนเพลียได้ ในขณะที่อบนี้ผู้อบจะรู้สึกถึงกลิ่นของสมุนไพร อยู่ในลำคออาจรู้สึกขมได้ แต่ไม่ต้องกังวลใจถึงกลิ่น และรสของสมุนไพร เนื่องจากสามารถกลืนกินลงสู่ร่างกายได้อย่างปลอดภัย อีกทั้งการหายใจเอาสมุนไพรเข้าไป จะช่วยรักษาอาการ สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบหายใจติดขัด เนื่องจากมีเสมหะมาก เมื่ออบแล้วความร้อน และสมุนไพรจะช่วยให้เสมหะอ่อนตัว จนสามารถขับออกมาได้ หลังจากอบตัวเสร็จแล้ว ควรรอให้ร่างกายปรับอุณหภูมิให้มาเป็นปกติก่อน แล้วจึงอาบน้ำ ชำระร่างกายได้ การอบสมุนไพรด้วยกระโจมผ้าดิบแบบนี้ จัดว่าเป็นที่สะดวกและปลอดภัย เหมาะทั้งคุณแม่หลังคลอด และบุคคลทั่วไปที่ใช้อบเพื่อดูแลสุขภาพ ข้อควรระวัง 1.ก่อนเข้ากระโจมอบต้องดื่มน้ำให้เพียงพอ และควรจิบน้ำขณะอบด้วย เพื่อลดการเสียเหงื่อมากเกินไป จนร่างกายอ่อนเพลียได้ 2.สำหรับผู้สูงอายุ ผู้ป่วยความดันโลหิตสูงรวมถึงผู้มีภาวะเบาหวาน โรคหัวใจ โรคหอบหืด และโรคมะเร็งไม่ควรอบสมุนไพร