หยุดกินไม่ได้เลย ประโยคนี้คงได้ยินกันบ่อยใช่ไหมคะ อาจพูดกันเล่น ๆ หรือเป็นความหมายชื่นชมที่ว่า ร้านนี้อาหารอร่อยมากจริง ๆ จนหยุดกินไม่ได้ ლ(´ڡ`ლ) ถ้ากินมื้อหลักจนอิ่มแน่น แต่ก็ยังตามต่อได้ด้วยของหวาน ก็ไม่ต้องแปลกใจ ว่า จะเข้าข่ายเป็นโรคที่หยุดกินไม่ได้อย่างหัวเรื่องรึเปล่า เพราะเป็นเรื่องของประสาทสัมผัสรับรสที่อยากได้รับอาหารที่หลากหลายและแตกต่างออกไป ถึงเรียกกันว่า " มีกระเพาะของหวาน " สำหรับที่มาของเรื่องนี้ เกิดจากเราเองรุ้สึกว่า ทำไม ? ช่วงนี้กินเก่งจัง รู้สึกว่าอิ่มแต่ทำไมไม่หยุดกินเลย ทั้งที่ไม่ได้เป็นอยู่ช่วงวันนั้นของเดือน หรือเจอมื้ออร่อยทุกวัน ค้นคำถาม หาคำตอบทันทีต้องขอบคุณเทคโนโลยีที่สามารถหาคำตอบที่อยากรู้ด้วยปลายนิ้ว Enter อิ่มแล้วแต่ก็ยังกิน มี 2 แบบ ด้วยกันคือ Overeating : กินมากเกินไป Binge Eating Disorder : โรคที่มีพฤติกรรมการกินผิดปกติ ความแตกต่างอยู่ตรงที่ กินแล้วรู้สึกผิด ประโยคนี้ก็ทำเราคิดขึ้นว่า ผู้หญิงกินแล้วก็รู้สึกผิดทุกคนนั่นแหละ แต่ก็ไม่สำนึกเท่าไรนะ คำขยายมีมากกว่านั้น ทำให้เราถึงบางอ้อว่า เราแค่กินมากเกินไป ไม่ได้เป็นการกินผิดปกติ หลักพฤติกรรมการกินผิดปกติคือ . . รู้สึกแย่ หรือถึงขั้นเกลียดการกินไม่หยุดของตัวเอง ยิ่งเครียด ยิ่งโมโห ยิ่งเกลียด ก็ยิ่งกิน !! และแอบกิน เพราะรู้สึกว่าทำแบบนี้ ผิด สามารถกินได้ทุกเวลาถึงแม้ว่าจะไม่หิวหรืออิ่มแล้วก็ตาม ตรงนี้ที่ทำให้รู้เพราะเราไม่ได้แอบกิน และไม่ได้รู้สึกผิดที่กิน (っ˘ڡ˘ς) เพราะฉะนั้น กินต่อไปได้ (っ˘ڡ˘ς) และเราคิดว่า จากการ กินมากเกินไป ก็อาจกลายเป็นการกินแบบผิดปกติได้สักวัน ถ้าเรายังไม่หาสาเหตุหรือปัจจัยส่งผลให้เกิดโรคนี้ได้ง่าย สาเหตุค่อนข้างไกลตัวของเรา ไม่ว่าจะเป็นอาการซึมเศร้า ( ซึมเศร้าไม่ทำให้เกิด Binge Eating Disorder เสมอไป ) ความพอใจในตัวเอง ( Self-Esteem ) ต่ำ , วิธีลดน้ำหนักแบบผิด ๆ พอตบะแตกแล้วจะหลุดกินจนฉุดไม่อยู่ หรือพันธุกรรม เพราะที่บ้านหรือญาติพี่น้องไม่มีใครเป็นแต่ .. มีสาเหตุหนึ่งที่ เราอาจเป็นได้ นั่นคือ ความเครียด ความวิตกกังวล และ ความกดดัน คิดว่าทุกคนมีโอกาสเจอสิ่งเหล่านี้ได้เสมอ ไม่ว่าจะช่วงอายุวัยเท่าไร ในปัจจุบันอายุที่เราว่า เขายังเป็นเด็ก ก็มีความเครียดเกิดขึ้นแล้ว ( ถ้ามีโอกาสจะมาเขียนแชร์ให้ได้อ่านกัน ) และเป็นสาเหตุของหลาย ๆ โรค รวมทั้งอาจรู้ตัว หรือไม่รู้ตัวก็ได้ที่เกิดความรู้สึกนั้น สำหรับเราบางครั้งอาจหลีกเลี่ยงให้เกิดความรู้สึกเหล่านั้นได้ยาก ในบางสถานการณ์ กว่าจะรู้ตัวก็เกิดขึ้นแล้ว นานไปอาจสะสมจนทำให้เกิดโรคกินผิดปกติก็ได้ และ ในทางรักษาก็มีทั้งบำบัดทางจิต รักษาด้วยยา และปรับพฤติกรรมการกิน สำหรับเรายังเป็นแค่การกินมากเกินไป . . การรักษาแบบปรับพฤติกรรมการกินก็สามารถเอามาใช้กับเราได้ จดบันทึกว่ากินอะไรไปบ้างแล้ว : ข้อนี้เราไม่เคยทำเลย ƪ(˘⌣˘)ʃ มีแต่นึกก่อนที่จะซื้ออะไรเพิ่มว่า วันนี้กินอะไรไปบ้าง แบ่งอาหารเป็นมื้อย่อย : ข้อนี้เราทำและค่อนข้างได้ผล เพราะ รู้สึกว่าได้กินเกือบตลอดเวลา แบ่งปริมาณอาหาร : เราเป็นบุคคลที่มองเห็นแล้วจะหยิบมากินเสมอ และมักจะกินให้หมดในครั้งเดียว ლ(´ڡ`ლ) แก้ไขด้วยการทำให้พ้นจากสายตา ใส่กระเป๋า ใส่ลิ้นชักก็ช่วยได้ แถมไม่เปลืองค่าขนม ค่าของกินจนเกินงบ หาสาเหตุ และแก้ไข : ทางแก้ไขของเราคือ รู้ทันอารมณ์และความคิดตัวเอง จะได้ไม่เกิดอาการที่ทำให้กินมากเกินไป เพราะบางทีเรารู้สาเหตุแต่ก็ห้ามให้เกิด ให้คิด หรือรู้สึกไม่ได้ เรียกว่า ถ้าเกิดขึ้นแล้วก็ให้ดับด้วยตัวเอง สำหรับโรคนี้อาจดูเกี่ยวพันกับคนที่มีรูปร่างอ้วน เจ้าเนื้อ แต่จริง ๆ แล้วหุ่นแบบไหนก็สามารถเป็นโรคนี้ได้เหมือนกัน เราเองก็รูปร่างผอมยังมีพฤติกรรมที่กินมากเกินไปเลย ซึ่งตอนนี้ก็มีอาการกินเป็นปกติแล้ว( ไม่นับช่วงวันนั้นของเดือน ) บางทีเราเห็นเพื่อน หรือ คนใกล้ตัวกินจนมากเกินกว่าปกติ ลองสังเกตและถามเขาสักหน่อยว่า ชีวิต อารมณ์ยังปกติสุขไหม * ไม่ได้หมายความว่า กินเก่ง กินมาก ต้องเป็นโรคนี้ทุกคนนะคะ เพียงแต่อาจเป็นสัญญานอะไรบางอย่างที่เขาเองก็อาจไม่รู้ตัวได้ ว่ากำลังเป็นอะไร เอาใจใส่กันให้มากขึ้นค่ะ ทั้งตัวเราและคนใกล้ตัว เวลานั่งกินอาหารพร้อมหน้ากัน จะได้อร่อยและมีความสุขด้วยกันจริง ๆ \ (•◡•) / รูปภาพประกอบ : unsplash https://cutt.ly/atySmoy อ้างอิง : Honestdocs.co https://www.honestdocs.co/i-am-still-eat-not-stop