หากรู้สึกแย่ ก็แค่เปิดเพลงฟัง...

ในตลอดทุกช่วงเวลาของชีวิต มันก็จะมีทั้งช่วงเวลาที่เป็นสุขและก็ช่วงเวลาที่รู้สึกทุกข์ใจปะปนกันไปแบบนี้ตามธรรมชาติของมนุษย์นะคะ ไม่มีใครหลีกหนีหรือเลือกที่จะไม่เจอความทุกข์ได้ แต่พอถ้าเราเจอมันแล้วเราจะมีวิธีการบำบัดหรือบรรเทามันลงได้อย่างไรต่างหากที่เป็นประเด็นสำคัญและควรทำ ซึ่งแต่ละคนก็จะมีวิธีบรรเทาอาการทุกข์ ความรู้สึกแย่ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในรูปแบบที่แตกต่างกันไปตามแต่ผลลัพธ์ที่ได้นะคะ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ ดูหนัง ร้องเพลง ฟังเพลง ไปเที่ยว ร้องตะโกนให้สุดเสียง เต้นบ้า ๆ บอ ๆ กินแหลก(ให้ตัวมันแตกไปเลย) เล่นเกม ดูซีรี่ย์ก็ว่ากันไปรวมถึงวิธีอื่น ๆ อีกมากมายเลยที่ทำแล้วจะช่วยให้เราดีขึ้น

รูปภาพโดย Pexels

ส่วนตัวเมื่อพิมพ์ใจรู้สึกว่าตัวเองไม่สบายใจ อึดอัด เศร้า หรือเริ่มรู้สึกไม่ดีทางด้านอารมณ์แล้ว วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะช่วยบำบัดบรรเทาความรู้สึกแย่ที่ชอบทำและมันสามารถทำได้ขณะนั้นเดี๋ยวนั้นและค่อยข้างที่จะเห็นผลเลยก็คือ “การฟังเพลง” เพราะบางสถานการณ์บางอารมณ์ก็ไม่สามารถที่จะไปเที่ยวได้ ไม่สามารถเต้นบ้าเต้นบอออกมาได้ หรือกิน ๆ ยัด ๆ เข้าไปเพื่อให้ร่างกาย อารมณ์ความรู้สึกมันดีขึ้นมาได้ใช่ไหมละคะ แต่การฟังเพลงสามารถทำได้ในขณะเวลานั้นเลย

2. เพลงคือชีวิต

ทุกบทเพลงถูกถ่ายทอดมาจากเหตุการณ์ เรื่องราวจริง ๆ ของชีวิตที่เคยพบผ่านมาด้วยกันทั้งนั้น โดยนำมาเรียบเรียงและสื่อสารออกมาในรูปแบบของตัวหนังสือผ่านท่วงทำนอง เสียงดนตรีผู้ตัวศิลปิน เพื่อให้เกิดความจรรโลงใจและเข้าใจง่ายขึ้นเพียงไม่กี่เสี้ยวนาที ดังนั้นหากเราฟังเพลงอะไรอยู่นั่นคือ 1 เรื่องราวที่มีคนบางคนเคยผ่านเคยเจอมันมาแล้วเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นแล้ว ก็จะทำให้เราได้เรียนรู้ได้ข้อคิดและได้เข้าใจชีวิตในมุมมองต่าง ๆ มากขึ้นนั่นเองค่ะ ชีวิตที่เป็นชีวิตจริง ๆ

3. เพลงคือความสนุก

รูปภาพโดย Pexels

อย่างที่บอกไป เพลงคือการสื่อสารผ่านท่วงทำนอง จังหวะและดนตรี ซึ่งก็มีหลากหลายแนวเพลงมาก ทั้งเพลง Jazz สากล เพลงไทย ลูกทุ่ง หมอลำ เพลงแร็บ เพลงฉ่อย ลำตัด เพลงประยุกต์ต่าง ๆ ซึ่งมีทั้งจังหวะทำนองที่ช้าและก็เร็วแตกต่างกันไป บางเพลงก็รวมหลาย ๆ ท่วงทำนองไว้ในเพลงเดียว ซึ่งก็ช่วยให้ผู้ฟังเกิดความสนุกสนานได้ เผลอ ๆ รู้ตัวอีกทีก็คือโยกไปกับเสียงเพลงแล้ว ซึ่งก็มีตั้งแต่เพลงสำหรับเด็ก วัยรุ่น คนทำงานยันวัยผู้สูงอายุ เรียกได้ว่าถนัดแบบไหนก็เลือกฟังได้ตามสะดวกเลย

4. เพลงคือครู

ซึ่งในปัจจุบันได้มีการนำเอาท่วงทำนอง จังหวะ ดนตรีต่าง ๆ มาประกอบในเนื้อหาบทเรียน ซึ่งที่เห็นชัด ๆ เลยคือ “เพลงสำหรับเด็ก” (เพลงกอไก่ เพลงABC) ที่จะให้เด็กเกิดความสนุกสนาน ร้องรำทำเพลง จนทำให้เด็กเกิดความใฝ่เรียนและเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถเปิดเพลงเหล่าเนี่ยให้ลูกน้อยฟัง ถึงจะยังอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ แต่น้อง ๆ จะสามารถจดจำและเกิดการเรียนรู้ได้อย่างกับมีครูมาสอนยังไงอย่างงั้นเลย เราก็เหมือนกันสังเกตดูว่าหากเราฟังเพลงเพลงนึง ฟังซ้ำไม่กี่รอบเราจะสามารถจำเนื้อเพลงได้ทั้งเพลง เข้าใจเนื้อหา ข้อคิดจากเพลง ๆ นั้นได้เพราะทำนอง ดนตรีต่าง ๆ บวกกับการเรียบเรียงและใช้ถ้อยคำที่มันฟังง่าย มันช่วยให้เราอยากที่จะจำอยากที่จะฟังมากขึ้นนั่นเอง เพลงช่วยเสริมสร้างความจำและเป็นครูสอนเราในบางเรื่องที่ไม่มีสอนในห้องเรียนได้ด้วยน๊า..

5. เพลงคือความสุขรูปภาพโดย Pexels

ยกตัวอย่างง่าย ๆ เลยคือเวลานั่งทำงาน ติวหนังสือ จิบกาแฟที่ร้านกาแฟหรือร้านชานมต่าง ๆ ทำไมเขาถึงต้องเปิดเพลงไปด้วยจนทำให้เรารู้สึกว่ามันผ่อนคลายซึ่งมันแตกต่างกันมากกับการนั่งทำในห้องทำงานที่บรรยากาศตึงเครียดหรือนั่งอ่านหนังสือในห้องสมุดเงียบ ๆ เพราะบทเพลงจะช่วยให้ร่างกายเราผ่อนคลายและหลั่งสารเอ็นโดฟินส์(สารแห่งความสุข) ออกมามากขึ้นทำให้เรามีความสุข ปลอดโปร่งและไม่กดดัน ให้เรามีความสุขกับการทำงานหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้นั่นเอง หรือแม้กระทั่งเวลาเข้านอนส่วนตัวเวลานอนไม่หลับ(นั้นคือความทุกข์ล่ะ) ก็ต้องอาศัยบทเพลงเนี่ยแหละช่วยกล่อมโดยอาจจะฟังเป็นเพลงจังหวะช้า ๆ ดนตรีเบา ๆ ก็ช่วยให้หลับง่ายและผ่อนคลายมากขึ้น ชีวิตแฮปปี้ค่า

เห็นไหมคะว่าเพลงไม่ได้มีไว้ให้ฟังอย่างเดียว แต่เพลงช่วยให้เรารู้สึกดีและให้อะไรกับเรามากมายเลยค่ะ รู้แบบนี้แล้วก็มาฟังเพลงกันเยอะ ๆ นะคะ จริง ๆ ไม่เพียงแค่ตอนที่เรารู้สึกแย่ อารมณ์ไม่ดีหรือมีความเศร้าเท่านั้นค่ะ ตลอดทุกช่วงเวลาที่ไม่ว่าจะดีจะแย่พิมพ์ใจก็จะมีเสียงดนตรี เสียงเพลงเป็นเพื่อนเสมอ เชื่อว่าทุกคนก็เป็น ซึ่งพิมพ์ใจชอบเรียกมันว่าวิธี “ดนตรีบำบัด” ค่ะ แต่ต้องฟังอย่างมีสติ ฟังเพื่อเรียนรู้น๊า...

รูปภาพหน้าปกโดย Pexels