เคล็ดลับของการเป็นผู้นำที่ดี ที่พอจะเป็นแนวทางในการนำไปประยุกต์ใช้ได้ในทุกระดับ ซึ่งจะกล่าวได้ดังต่อไปนี้หลัก 10 ข้อ ของผู้นำที่ดี 1.รู้งานในหน้าที่ ความรับผิดชอบส่วนหนึ่งของผู้นำคือการทำให้ลูกน้องรู้งานของตนเอง ถ้าเกิดปัญหาในการปฏิบัติงาน ผู้นำที่ดีต้องสามารถให้คำปรึกษา และแก้ปัญหาให้ผ่านพ้นไปด้วยดี ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะส่งผลให้เกิดการยกย่อง เลื่อมใส เคารพ นับถือ ให้ความเชื่อถือ และไว้วางใจในตัวผู้นำมาก 2. รู้จักตนเอง การรู้ถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของตนเองเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นผู้นำต้องรู้ถึงความสามารถและข้อจำกัดของตนเอง รู้ว่าตนเองมีจุดเด่น จุดอ่อนหรือข้อด้อยอะไรพยายามใช้จุดเด่นให้เป็นประโยชน์โดยพัฒนาลักษณะผู้นำที่เหมาะสมและแก้ไขข้อบกพร่องหรือปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้น 3. เอาใจใส่ดูแลลูกน้อง การเอาใจใส่ลูกน้องนั้นผู้นำจะต้องค้นหาให้พบว่าสิ่งใดคือความต้องการของลูกน้องและมีความอ่อนไหวต่อความต้องการของมนุษย์ ผู้นำต้องรู้ว่าลูกน้องมีบ้านพักอาศัยเพียงพอหรือไม่ ได้รับอาหารดีหรือไม่ ได้รับเงินเดือนตรงเวลาหรือไม่ มีปัญหาส่วนตัวที่ต้องการความช่วยเหลือหรือไม่ เมื่อลูกน้องวิตกกังวลเกี่ยวกับสภาพดังกล่าวแล้วเขาจะไม่สามารถมุ่งความสนใจในการทำงานได้อย่างเต็มที่ และภารกิจจะเสียหาย หากลูกน้องมีความเชื่อว่าเขาจะได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมแล้ว เขาจะมีความมั่นใจ ความเคารพ และความจงรักภักดีต่อผู้นำ 4. ทำตนเป็นตัวอย่างที่ดี ผู้นำต้องสร้างมาตรฐานสำหรับหน่วยงานทางด้านความประพฤติ และบุคลิกภาพ เพราะลูกน้องจะคอยสังเกตและเลียนแบบการปฏิบัติตัวและบุคลิกภาพของผู้นำเสมอ โดยหัวหน้าจะสังเกตการปฏิบัติตัวและภาพลักษณ์ส่วนตัวในทางที่ดีและทางไม่ดีของผู้นำไปพร้อม ๆ กัน ผู้นำที่มีความหยิ่งยโส และชอบกดขี่ จะไม่ได้รับความเคารพนับถือ ได้แต่ความขุ่นเคืองใจจากลูกน้อง 5. มีความสามารถในการถ่ายทอดข้อมูล ผู้นำจะต้องสามารถถ่ายทอดความคิดเห็นของตนหรือข้อมูลได้อย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพไปสู่ลูกน้องหรือเพื่อนร่วมงาน และยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่นในการปรับปรุงหน่วยงานและเพื่อทำให้หน่วยงานประสบความสำเร็จในภารกิจ ผู้นำที่รู้ข้อมูลข่าวสารดีจะสามารถประเมินความก้าวหน้าในการปฏิบัติงานของหน่วยตนเองเพื่อที่จะทำให้ภารกิจสำเร็จได้อย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริง โดยผู้นำที่ประสบความสำเร็จจะรับฟังความคิดเห็นจากลูกน้อง และรับเอาความคิดดี ๆ มาประกอบการตัดสินใจ ดังนั้นข้อมูลย้อนกลับของลูกน้อง จึงมีความสำคัญมากในขณะเดียวกันการทำให้ลูกน้องได้รับทราบถึงคุณภาพของงานที่เขาได้ทำไปแล้วและความสำคัญของงานในหน้าที่ของเขาก็จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างแรงจูงใจแก่ลูกน้องทางหนึ่ง จึงเป็นหน้าที่ของผู้นำที่จะพยายามรักษาช่องทางการสื่อสารให้เปิดอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสื่อสารสองทาง เพราะยิ่งผู้นำมีความอาวุโสมากขึ้นเท่าใด ยิ่งจำเป็นต้องรับฟังข้อมูลข่าวสารมากขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ ผู้นำที่ดีจะต้องเข้าใจว่าลูกน้องอาจเข้าใจแตกต่างจากสิ่งที่ผู้นำพยายามจะสื่อสารออกไป ซึ่งผู้นำจะต้องพยายามสื่อสารให้ได้อย่างชัดเจน 6. ตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษา ผู้นำจะต้องเห็นความสำคัญของการให้ลูกน้องมีความรู้ในงานที่ทำ ต้องมองถึงการเป็นพี่เลี้ยง และฝึกให้ทุกคนทำงานในหน้าที่ให้ดียิ่งขึ้น โดยการเปิดโอกาสให้แก่ตนเองและลูกน้อง ในการเข้ารับฝึกอบรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน หากผู้นำคงฝืนให้ลูกน้องทำงานโดยไม่มีความรู้ในเรื่องที่รับผิดชอบจะก่อให้เกิดผลเสียหายได้ 7. ความพร้อมของเครื่องมือในการทำงาน ผู้นำมีหน้าที่ที่จะให้หน่วยงานของตนมีสิ่งของที่เหมาะสมในการปฏิบัติภารกิจ ซึ่งได้แก่ เครื่องมือ เครื่องใช้ สถานที่ สิ่งอำนวยความสะดวก ที่จะทำให้ภารกิจสำเร็จอย่างราบรื่น บางครั้งสิ่งของเหล่านั้นอาจมีไม่เพียงพอ หรือไม่มี ผู้นำก็ต้องพยายามดำเนินการจัดหาสิ่งของเหล่านั้นมา การที่ผู้นำสนใจแต่การสั่งการโดยไม่สนใจสนับสนุนอุปกรณ์ หรือเครื่องมือที่มีความจำเป็นในการทำงาน จะส่งผลทำให้ให้ลูกน้องขวัญเสีย เกิดความท้อแท้ หมดกำลังใจที่จะทำงาน 8. สร้างแรงจูงใจ การสร้างแรงจูงใจต่อลูกน้องจะเกิดขึ้นได้นั้นขึ้นอยู่กับความเข้าใจต่อความต้องการของเขา และดำเนินการปรับความต้องการของลูกน้องเหล่านี้สอดคล้องกับความคาดหมายของหน่วยงานทุกคนจะทำงานเพื่อหน่วยงานที่เขารู้ว่าให้ความใส่ใจกับเขาและหน่วยงานที่มีภารกิจที่เขารู้สึกเชื่อมั่นศรัทธา ผู้นำจะต้องไม่ลืมว่า การสร้างแรงจูงใจที่ดีที่สุดคือการสร้างแรงจูงใจให้กับตนเอง อันเป็นเป้าหมายหนึ่งที่เราในฐานะที่เป็นผู้นำจะต้องสร้างสภาวะแวดล้อมที่เกื้อหนุนต่อการสร้างแรงจูงใจให้กับตนเอง 9. มีความรับผิดชอบ ผู้นำจะต้องรับผิดชอบ ในการปฏิบัติภารกิจของหน่วย ถ้าหากมีความผิดพลาดหรือล้มเหลวเกิดขึ้น ผู้นำต้องรับผิดชอบต่อผลนั้น หากผู้นำไม่เต็มใจที่จะรับผิดชอบต่อความผิดพลาดหรือความล้มเหลวที่เกิดขึ้นจะเป็นการทำลายชื่อเสียงเกียรติยศของผู้นำและจะทำลายความเคารพนับถือและความจงรักภักดีที่ลูกน้องมีต่อผู้นำ นอกจากนี้ความรับผิดชอบ ยังรวมถึงมาตรฐานทางวินัยภายในหน่วยงาน ดังนั้นผู้นำควรให้รางวัลแก่ผู้ที่ทำงานได้สำเร็จดีเยี่ยม และลงโทษผู้ที่ไม่รับผิดชอบต่องานจนทำให้ล้มเหลว โดยการให้รางวัลแก่ผู้ทำงานได้สำเร็จนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้งานและมีความสุข แต่การลงโทษผู้ที่ไม่รับผิดชอบต่องานนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ยากกว่ามาก อย่างไรก็ตามทั้งการให้รางวัลและการลงโทษนั้นเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้นำต้องกระทำ 10. ทำงานเป็นทีมและให้ทุกคนแสดงศักยภาพของตนเอง ผู้นำจะต้องรวบรวมความสามารถของแต่ละคน ให้ทำงานร่วมกันเป็นทีมเพื่อความสำเร็จของภารกิจของหน่วย หากแต่ละคนทำแต่งานของตนเองอย่างโดดเดี่ยวแล้ว ผลสำเร็จในภารกิจของหน่วยงานจะไม่ดีเท่าการทำงานเป็นทีม ในฐานะที่เป็นผู้นำ เราควรรู้วิธีการที่จะทำให้งานต่าง ๆ ในหน่วยงานดำเนินไปด้วยกันได้อย่างราบรื่นและสอดคล้องกันเราควรสร้างและดำรงไว้ซึ่งบรรยากาศของการทำงานเป็นทีมและความร่วมมือกันทำงานเพื่อให้ภารกิจสำเร็จ การทำงานเป็นทีมจะเกิดขึ้นได้เมื่อทุกคนเต็มใจที่จะทำภารกิจของหน่วยงานให้สำเร็จยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด หรืออาจกล่าวได้ว่า ทุกคนมีเป้าหมายร่วมกันที่จะทำภารกิจของหน่วยงานให้สำเร็จ ภาพประกอบที่ 1 ภาพปกโดย Jehyun Sung / ภาพประกอบที่ 2 รู้งานในหน้าที่โดย Amy Hirschi / ภาพประกอบที่ 3 มีความสามารถในการถ่ายทอดข้อมูลโดย Hans /ภาพประกอบที่ 4 สร้างแรงจูงใจโดย Alexas_Fotos