ปัจจัย 4: อาหาร (ที่อยู่)อาศัย โอสถ อาภรณ์เมื่อกล่าวถึงปัจจัย 4 หรือ 4 อ. ได้แก่ อาหาร โอสถ (ที่อยู่)อาศัย และอาภรณ์ แต่ถ้าจะวิเคราะห์ในเชิงลึกแล้วนั้น ถ้าเราขาดอาหาร ขาดที่อยู่อาศัย เราอาจไปเฝ้าพระอินทร์ ขาดเครื่องนุ่งห่มที่เหมาะกับสภาพอากาศ อาจร้อนตาย หรือหนาวตาย ส่วนยานั้น เราจำเป็นต้องทานในกรณีที่ร่างกายเกิดเจ็บป่วย/เสื่อมถอยลง จริงอยู่ที่บางโรคทานยาอาจหายแล้วหยุดยาเอง เช่น ยาแก้อักเสบเรามักทานเมื่อมีอาการเจ็บคอ แต่เมื่ออาการเจ็บคอหายเราย่อมสามารถหยุดยาตามแพทย์สั่งได้ แต่บางโรค เช่น โรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งทุกวันนี้ ยังไม่มีงานวิจัยใดบนโลก ที่ยืนยันว่า มียารักษาให้หายขาดแล้วผู้ป่วยหรือผู้อ่านบางท่าน อาจมีข้อสงสัยว่า แล้วยาที่คุณหมอสั่งให้ทาน เพื่ออะไร? ยาสลายลิ่มเลือดตอบเลย ณ ตรงนี้ คือ การทานยาดังกล่าว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองซ้ำ โดยผู้ป่วยจะมียาทานประจำ คือ ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เพราะถ้าไม่ทาน การเกิดโรคซ้ำย่อมมีสูง ซึ่งผู้เขียนจะมียาดังกล่าวก่อนนอน นั่นคือ วาร์ฟาริน (ไม่ใช่ ฟอร์มาลีน- ไม่ตลก) และการใช้ยาดังกล่าว ถือเป็นยาที่ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด เท่ากับว่าการลืมทาน ทานเกินขนาด รวมถึงการหาซื้อในท้องตลอด ย่อมต้องใช้ความระแวดระวังสูงถึงสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นรอยจ้ำ อาการเลือดออกง่าย การเลือกทานอาหารทั้งงด และทานในระดับที่เท่า ๆ กัน หรือควรทานอาหารบางประเภท ที่อาจมีผลต่อสรรพคุณของยา ทั้งไปเพิ่มฤทธิ์ หรือลดฤทธิ์ ต้องใช้ความระมัดระวังค่อนข้างสูง อาทิ อาหารที่มีส่วนประกอบของวิตามินเค ผักใบเขียว ผลไม้ที่มีวิตามินเอสูง ต้องสอบถามจากบุคลากรทางการแพทย์ ว่าทานได้มากน้อยเพียงใด เพราะถ้าเลือดข้นมาก ย่อมเสี่ยงจะเกิดโรคซ้ำ ถ้าเหลวมากย่อมเกิดรอยจ้ำ (เลืออดอกง่าย) เหมือนได้รับความกระทบกระเทือน/อักเสบอนึ่ง อาหารที่เพิ่มฤทธิ์ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ได้แก่ แปะก๊วย กระเทียม น้ำมันปลา มะม่วง มะละกอ ฯ ส่วน อาหารที่ลดฤทธิ์ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ได้แก่ บรอกโคลี นมถั่วเหลือง Q10 วิตามินเค และอื่น ๆดังนั้น ทั้งตัวผู้ป่วยและญาติ มีความจำเป็นต้องระแวดระวังทั้งอาหารการกิน และการทานยาให้ตรงเวลา อย่างที่เรียนไว้เบื้องต้นว่า ยาที่ได้รับนั้น เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยเป็นซ้ำไม่ได้รักษา แต่มีผู้ป่วยหลายท่านเข้าใจผิดว่า เมื่อตัวเองดีขึ้นจึงคิดจะลด หรือหยุดยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ ผิดนะครับ เพราะหลายท่านที่คิดเองเออเองแบบนี้ ตามที่ผมทราบ ผู้ป่วยเหล่านั้นไม่พิการก็เสียชีวิต ระวัง ! นอกจากการหยุดหรือลดยาเอง ผมขอเตือนผู้ป่วยว่า โฆษณาอาหารเสริม ยาหม้อ ยาลูกกลอน หรือการนวดกดจุด ต่าง ๆ ที่เขาว่าดีหรือรักษาอาการอัมพฤกษ์ อัมพาตได้ ผมเตือนด้วยความหวังดี ห้าม นะครับ เดี๋ยวจะสู่ขิตในที่สุด เพราะยาที่วิเศษสุดของโลกนี้ คือ กำลังใจและกายภาพ และปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยใดยืนยันว่า โรคหลอดเลือดสมองรักษาหายด้วยการทานยา แต่การทานยาอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ก่อให้เกิดโรคซ้ำ ไม่ได้รักษา ประกอบกับ ปาฎิหาริย์ไม่ได้เกิดจากการสวดภาวนา แต่มันเกิดจากการลงมือทำ (กายภาพ)ท้ายนี้ผมอยากฝากถึงผู้ป่วย และญาติผู้ป่วยทุกท่าน หากคิดจะลองวิธีการใด ๆ เพื่อบรรเทาปัญหาอันเป็นผลจากโรคหลอดเลือดสมอง รบกวนปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ มิฉะนั้นแล้ว หากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา ผมเกรงว่าอาจจำเป็นต้องนำส่งผู้ป่วยไปวัดแทนโรงพยาบาล!ด้วยรักและหวังดี Trust me coz I'm a stroke survivor! อย่าหยุดยาเอง ไม่เช่นนั้นสู่ขิตเครดิตภาพ : ภาพปก / 1 / 2 / 3 / 4อ้างอิง https://www.columbianeurology.org/neurology/staywell/stopping-blood-pressure-drugs-risks-stroke เอกสารวิชาการทางการแพทย์If their blood pressure returns to normal, they may feel that they [patients] no longer need the medication. But normal blood pressure means the medication is doing its job; halting medication will allow blood pressure to rise again, putting the person at risk for stroke and other complications of hypertension.เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !