เชื่อว่าโควิด -19 ได้พรากเอาหลายสิ่งหลายอย่างไปจากทุกคน แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือความสุขจากการได้ท่องเที่ยว โดยเฉพาะกับประเทศ 'จีน' ซึ่งหลายคนอาจเข็ดขยาดจนไม่อยากไปเที่ยวอีกเเล้ว แต่เมื่อปลายปี 2019 ผมได้มีโอกาสไปเยือน 'ฉงชิ่ง' หนึ่งในมหานครสุดยิ่งใหญ่ของจีน ความสุขที่ได้จากทริปนั้นทำให้ผมอยากให้ทุกคนลองเปิดใจให้กับประเทศจีนอีกครั้ง เพราะผมไม่อยากให้ทุกคนเสียดาย หากก่อนตายไม่ได้ไปเห็นความยิ่งใหญ่ของฉงชิ่ง ถ้าพร้อมเเล้วก็ตามมาได้เลยครับ ก่อนไปฉงชิ่งต้องเตรียมอะไรไปบ้าง1. วีซ่าสำหรับเข้าประเทศจีน หากจ้างบริษัททำ ราคาไม่เกิน 2000 บาท2. ตั๋วเครื่องบิน สามารถบินตรงไปลงฉงชิ่งได้กับแอร์เชีย ราคาไป-กลับไม่เกิน 4500 บาท3. ที่พัก สามารถจองโรงแรมติดสถานีรถไฟฟ้าได้ในราคาเเสนน่ารัก ไม่เกินคืนละ 350 บาท4. ค่าใช้จ่ายจิปาถะอีกประมาณ 2500 บาทห๊ะ อะไรนะ ไม่ถึงหมื่น! ใช่เเล้วครับ เราสามารถไปยลโฉมอุทยานหลุมฟ้าสะพานสวรรค์ได้ในสนนราคาไม่เกิน 10000 บาทครับการเดินทางจากสนามบินดอนเมืองไปจนถึงสนามบินฉงชิ่งเจียงเป่ยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 15 นาที (เเต่ผมที่เริ่มต้นจากกระบี่ก็บวกเพิ่มไปอีก 1 วัน) เรียกได้ว่าดูซีรีส์ปรมาจารย์ลัทธิมารได้ไม่ถึง 3 ตอน ล้อเครื่องบินก็เเตะรันเวย์ซะเเล้ว เมื่อลงมาถึงสนามบินจะพบกับความโอ่โถงของสนามบิน นักท่องเที่ยวสามารถต่อรถไฟฟ้าเข้าเมืองได้จากสนามบินเลย โดยไม่ว่าเราจะนั่งไปไกลเเค่ไหน ค่ารถไฟฟ้าก็ไม่เคยเกิน 7 หยวน (ประมาณ 42 บาท) โอ้โห ราคาถูกอีกเเล้วครับพี่น้องหลังจากนำสัมภาระทั้งหมดเก็บไว้ในห้องพักเรียบร้อย ผมก็เริ่มออกเดินชมเมืองครับ อากาศที่ฉงชิ่งจะเย็นสบายทั้งปี อุณหภูมิประมาณ 17-19 องศา เหมาะกับการเดินเรื่อยเปื่อยเป็นอย่างยิ่ง ทันทีที่ก้าวย่างออกจากอาณาเขตของโรงแรม ผมก็ถูกห้อมล้อมไปด้วยความร่มรื่นของมวลเเมกไม้ อากง อาม่า เดินกันขวักไขว่ บ้างก็ยิ้มสรวลเสเฮฮา บ้างก็จับกลุ่มกันเล่าเรื่องราวชีวิตเมื่อลองมองย้อนกลับไปจึงได้ตระหนักว่า ทำไมหนอ โควิดถึงพรากช่วงเวลาดี ๆ เเบบนี้ไปจากเราทุกคนกันนะจุดเช็คอินที่ 1 : Jiafangbei ความเจริญใจกลางย่านมหานครเดินไปเรื่อย ๆ ก็จะถึงศูนย์รวมความเจริญของฉงชิ่งครับ (เปรียบดั่ง Time Square ที่นิวยอร์ก) นั่นก็คือย่าน Jiafangbei หรือเจียฝางเป่ย ที่เป็นจุดรวมตัวของนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาล (หากเป็นตอนนี้คงเงียบเหงาน่าดู) ถึงจุดนี้ผมเเวะพักถ่ายรูปกับหอนาฬิกาใจกลางเมืองเเละหาอะไรมารองท้องครับนี่เเหละครับมื้อเเรกของผมในเมืองจีน กับ KFC รสอะไรก็ไม่ทราบ เพราะพนักงานไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ ส่วนผมก็ได้จีนเเค่นิดหน่อย ดังนั้น ทางเดียวที่จะเอาตัวรอดจากสถานการณ์เเบบนี้ได้ก็คือ 'ภาษามือ' เท่านั้นครับ นี่เเหละครับเคล็ดลับในการเที่ยวจีน ฮ่า ๆจุดเช็คอินที่ 2 : Hongyadong อลังการย่านการค้าในถ้ำยักษ์ไม่ไกลจาก Jiafangbei ใกล้ ๆ กับริมเเม่น้ำ เป็นที่ตั้งของ Hongyadong หรือหงหยาต้ง สถานที่ท่องเที่ยวระดับ 4A ที่ทางการจีนลงทุนระเบิดเเละขุดเจาะถ้ำขนาดใหญ่ เเละเปิดเป็น Shopping Complex ที่รวมทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ในนี้ โดยเฉพาะของกินอย่างหม่าล่า !ฉงชิ่ง ถือเป็นสวรรค์ของคนรักหม่าล่าอย่างเเท้จริง เพราะที่นี่มีหม่าล่าขายอยู่ทุกเเห่งหน กลิ่นลอยมาปะทะจมูกเเบบนี้ มีหรือที่ผมจะพลาดจุดเช็คอินที่ 3 : ชมวิวเเม่น้ำ Yangtzeเสร็จภารกิจจากหงหยาต้ง ก็เป็นคิวของทางเดินเลียบเเม่น้ำ Yangtze ที่ทอดยาวเป็นกิโล ถือเป็นสถานที่หลีกหนีจากความวุ่นวายในตัวเมืองได้อย่างดีเยี่ยม บวกกับเเสงสนธยาสีทองทำให้ดูสวยงามเเละน่าค้นหาขึ้นจมเลยล่ะครับเเค่วันเเรกผมก็ตระเวนเก็บเเลนมาร์กต่าง ๆ ในตัวเมืองได้เกือบครบ ผมเดินถ่ายภาพไปเรื่อยระหว่างเดินทางกลับห้องพักเพื่อพักผ่อน บรรยากาศในเมืองฉงชิ่งช่างมีมนต์เสน่ห์ มีการผสานกันระหว่างความทันสมัยกับสถาปัตยกรรมในยุคโบราณอย่างลงตัว ราตรีสวัสดิ์ฉงชิ่ง ..วันที่ 2 เยือนอุทยานหลุมฟ้าสะพานสวรรค์นอกจากเซียวจ้าน จากปรมาจารย์ลัทธิมารเเล้ว ก็มีอุทยานหลุมฟ้าสะพานสวรรค์นี่เเหละที่ทำให้สถานที่ที่ทำให้ผมอยากมาฉงชิ่ง เนื่องด้วยทัศนียภาพอันเเปลกตาที่เป็นภูเขาหินปูนล้อมรอบโรงเตี๊ยมโบราณที่เปรียบเสมือนที่พักของเหล่าจอมยุทธ์ สถานที่เเห่งนี้ตั้งอยู่นอกเมืองฉงชิ่งครับ โดยเราจะต้องนั่งรถโดยสารประจำทางไปยังเมือง 'Wulong' หรืออู่หลง เเละต่อรถของอุทยานอีกทอดหนึ่งเพื่อเข้าไปในบริเวณอุทยาน สิรวมเวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมงจากตัวเมืองฉงชิ่ง ดังนั้น หากตื่นสาย อาจทำให้ 1 day trip ล่มได้เลยครับด้านหน้าอุทยานก็จะมีเจ้าบัมเบิลบีรอต้อนรับอยู่ ที่นี่เคยเป็นสถานที่ถ่ายทำ Transfomer 4 ด้วยนะหลังจากลงลิฟต์เเก้ในตัวอุทยาน ผมเเละนักท่องเที่ยวทุกคนก็ต่างอ้าปากค้างกับความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติครับจุดเช็คอินที่ 4 : 'นี่สินะ อุทยานหลุมฟ้าสะพานสวรรค์'นี่เเหละสถานที่ที่ผมรอเคย ไฮไลท์ของฉงชิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก สถานที่ที่ทำให้มนุษย์อย่างเรากลายเป็นเเค่ฝุ่นละอองเล็ก ๆ เมื่อเปรียบเทียบกับธรรมชาติ ยิ่งเดินลงบันไดเเต่ละขั้นก็ยิ่งเห็นภาพของโรงเตี๊ยมโบราณชัดเจนขึ้น มันเป็นเหมือนภาพศิลปะในจินตนาการไม่มีผิด พูดได้เต็มปากเลยว่า ของจริงนั้นยิ่งใหญ่กว่าในภาพเป็น 100 เท่าครับโดยค่าเข้าชมอุทยานในเดือนพฤศจิกายนนั้น สนนราคาอยู่ที่ 95 หยวน ประมาณ 408 บาท ไม่น่าเชื่อว่าเงินไม่ถึง 500 บาท จะพาเรามายังสถานที่ที่เป็นมรดกระดับ AAAAA (5A) ของจีนเเบบนี้แค่นี้ผมก็ตายตาหลับแล้วครับวันที่ 3 สถานที่อื่นที่น่าสนใจรอบ ๆ ตัวเมืองวันสุดท้ายของทริปเป็นการเก็บสถานที่อื่น ๆ ที่น่าสนใจรอบ ๆ ฉงชิ่งครับ โดยผมเริ่มออกเดินทางตั้งเเต่ 7 โมงเช้า นั่งรถไฟฟ้าสายสีเเดงเพื่อมุ่งหน้าไปยัง Ciqikou หรือตลาดโบราณสือชี่โข่วจุดเช็คอินที่ 5 : ตลาดโบราณ Ciqikouความน่าสนใจของที่นี่คือบรรยากาศของตลาดโบราณเเละการสัมผัสวิถีชีวิตในตอนเช้าของพ่อค้าเเม่ค้าชาวฉงชิ่งที่ต่างกุลีกุจอเปิดร้านตั้งเเต่เช้าตรู่เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว ไม่รู้ว่าหลังจากสถานการณ์โควิดเเบบตอนนี้ วิถึของตลาดที่นี่จะเปลี่ยนไปเป็นเเบบไหนเหมือนกัน หากลองกะขนาดของตลาดโบราณเเห่งนี้ด้วยตาเปล่า น่าจะมีขนาดประมาณถนนคนเดินท่าเเพที่เชียงใหม่ เนื่องจากสื่อชี่โข่วมีซอยเล็กซอยน้อยเต็มไปหมด หากเดินไปเรื่อยเปื่อยอาจมีหลงทางกันได้เลยทีเดียวครับอาหารที่พลาดไม่ได้ก็่เช่นเคยครับ 'หม่าล่าพริกฉงชิ่ง' ที่จะทำให้ลิ้นของท่านชาตั้งเเต่โคนจรดปลายจุดเช็คอินที่ 6 : ศาลาประชาคมเเละเขื่อนสามผา หากใครที่ต้องการชมความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยากรรมของฉงชิ่ง ผมขอเเนะนำสถานที่ทั้งสองเเห่งนี้ ได้เเก่ 'ศาลาประชาคม' และ 'Three George Musuem' ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามกัน ตรงศาลาประชาคมจะเป็นเเหล่งพบปะของผู้คน มีทั้งคุณพ่อคุณเเม่ที่พาลูกมาออกกำลังกาย เเละนักเรียนนักศึกษาที่มารวมกลุ่มทำกิจกรรมกันอย่างสนุกสนานส่วน Three George Museum คือ พิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่ที่บรรจุเรื่องราวของการสร้างเขื่อนสามผา (Three George Dam) เขื่อนที่ใหญ่ที่สุดในเเถบนี้ ด้านในมีจุดจำหน่ายของฝากเเละนิทรรศการที่เปิดให้เข้าชมได้ฟรี ห้ามพลาดครับจุดเช็คอินที่ 7 : Eling Park สวนสาธารณะกลางเมืองในที่สุดก็มาถึงจุดเช็คอินสุดท้ายของทริปนี้กันเเล้วนะครับกับ Eling Park สวนสาธารณะที่เป็นที่ตั้งของหอคอยชมเมือง 8 ชั้น โดยสามารถนั่งรถไฟฟ้าสายสีเเดงมาลงที่สถานี Eling Park ทางออกที่ 1 ได้เลยครับ ที่นี่เป็นสวนสารณะที่ค่อนข้างกว้างพอสมควร หากต้องการขึ้นหอคอยชมเมือง ให้มุ่งหน้าเดินทวนเข็มนาฬิกาขึ้นไปเรื่อย ๆ ประมาณ 15-20 นาทีก็จะมองเห็นยอดของหอคอยครับวิวฉงชิ่งในมุมสูงจากชั้น 8 ครับ และนี่ก็คือความทรงจำทั้งหมดของผมที่มีต่อ 'ฉงชิ่ง' เมืองที่รวบรวมความสวยงามของธรรมชาติเเละความเจริญที่มนุษย์สรรสร้างเอาไว้ด้วยกัน จนถึงตอนนี้ สารภาพว่าผมไม่สามารถสลัดภาพของฉงชิ่งในหัวออกไปได้เลย ไม่ว่าจะเป็นภาพของท้องถนนในเมือง ภาพของต้นไม้สีเขียวชอุ่ม ภาพของอุทยานหลุมฟ้าสะพานสวรรค์ รวมไปถึงภาพของตลาดโบราณสือชี่โข่วอันที่จริงผมได้ตั้งเป้าว่าจะกลับไปฉงชิ่งอีกครั้งในเดือนกรกฎาคมปีนี้ เเต่ดูเหมือนทุกอย่างต้องถูกเลื่อนออกไปเพราะโควิดเจ้าปัญหา ดังนั้น 'หมดโควิดเมื่อไหร่เเล้วเจอกันนะ ฉงชิ่ง'หากอ่านจบเเล้วมาร่วมคอมเม้นท์กันครับ เพียงเเค่บอกให้เรารู้ว่าหมดโควิดเเล้วทุกคนอยากไปเที่ยวที่ไหนมากที่สุด' อาจเป็นที่ไทยหรือต่างประเทศก็ได้สำหรับคอมเมนต์ที่โดนใจ รับไปเลย Code Wemall มูลค่า 200 บาท สำหรับชอปปิ้งออนไลน์ ผ่าน Wemall.com ทั้งหมด 3 รางวัลเงื่อนไข- ระยะเวลาในการเข้าร่วมสนุกกิจกรรม คอมเมนต์ ได้ตั้งแต่วันที่ 4 มิ.ย. - 30 ก.ค. 63 เวลา 12.00 น.- สำหรับผู้ที่เข้ามาร่วมกิจกรรม เมื่อเข้ามา comment ใต้บทความแล้วให้ระบุ ชื่อและอีเมล ของคุณที่ต้องการให้ทีมงานส่ง Code Wemall ไปให้ในคอมเมนต์นั้นๆ (ในกรณีที่คุณเป็นผู้ได้รับรางวัล Wemall code ทางทีมงาน TrueID In-Trend จะทำการส่ง Code Wemall ของคุณไปยังอีเมลที่ระบุไว้)- จะทำการประกาศชื่อบุคคลที่ได้รับของรางวัล 3 ชื่อในคอมเมนต์ใต้บทความ ในวันที่ 30 มิ.ย. 63 เวลา 18.00 น.- Code Wemall จะถูกทำการส่งไปยังอีเมลของผู้ชนะ 3 ท่านภายใน 7 วันทำการ ภายหลังจากที่ประกาศผู้ที่ได้รับรางวัลลงใน comment ใต้บทความ- ในส่วนของการคัดเลือกผู้ชนะเป็นสิทธิ์ของเจ้าของบทความในการคัดเลือกเท่านั้น ทางทีมงาน TrueID In-Trend ไม่มีส่วนในการคัดเลือกผู้ที่ได้รับของรางวัล Code Wemall แต่อย่างใดหมายเหตุ ภาพทุกภาพถูกถ่ายโดยเจ้าของบทความร่วมพูดคุยเเละเเบ่งปันประสบการณ์กันได้ที่Facebook : CallmepetchyIG: Callmepetchyอ่านบทความอื่น ๆ ของ Callmepetchy ได้ ที่นี่ผลงาน EngagementCampaign ประจำเดือนพฤษภาคม 2020รวม 'หนังหักมุม' ที่จะทำให้คุณอึ้งจนตกเก้าอี้ เรื่องไหนคือหนึ่งในใจคุณ #EngagementCampaignhttps://intrend.trueid.net/post/248964