สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน วันนี้จะมาเล่าเรื่องจากประสบการณ์ จากการทำงานกู้ชีพกู้ภัยว่าการออกปฏิบัติหน้าที่ ออกเหตุฉุกเฉินต่างๆ ต้องทำอย่างไรบ้าง มีขั้นตองอะไรบ้างก่อนที่จะออกไปช่วยเหลือผู้ประสบเหตุอย่างปลอดภัยและถูกต้อง หน่วยกู้ภัยต่างๆ ต้องได้รับการขึ้นทะเบียนกับ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) จะมีฐานข้อมูลของหน่วยกู้ภัยทั่วประเทศ ทุกพื้นที่ หน่วยกู้ภัยในเขตอำเภอนั้นก็จะมีการแบ่งโซนพื้นที่กันเพื่อให้สามารถเข้าถึงผู้ประสบเหตุได้อย่างรวดเร็วมากที่สุด มาดูตัวอย่างสมมุติคร่าวๆ กันเลยนะครับ เช่น สมมุติถ้าเราขับรถผ่านมาพบเหตุ รถกระบะชนกับมอเตอร์ไซค์ มีบาดเจ็บ 1 ราย กับเสียชีวิต 1 คน เราก็จะโทรหา 1669 สมมุติว่าเหตุเกิดในอำเภอเมืองเชียงราย สายที่จะถูกโอนไปยังศูนย์สั่งการของโรงพยาบาลจังหวัดคือโรงพยาบาลศูนย์ของจังหวัดนั้นๆ เมื่อเจ้าหน้าที่รับสาย ก็จะถามเราว่าเกิดเหตุอะไรที่ไหนอาการผู้ประสบเหตุเป็นอย่างไรแล้ว เจ้าหน้าที่ 1669 ก็จะดูว่าเหตุเกิดพื้นที่ของหน่วยไหนที่รับผิดชอบก็จะสั่งให้หน่วยนั้นออกปฏิบัติการทางวิทยุสื่อสารว่าเกิดเหตุ ว.40 รถกระบะชนกับมอเตอร์ไซค์ตามที่เราแจ้ง 1669 ไปครั้งแรก เมื่อหน่วยกู้ชีพได้รับคำสั่งก็ออกปฏิบัติการไปช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ เมื่อหน่วยกู้ชีพไปถึงที่เกิดเหตุประเมินสถานการณ์แล้ว ก็ต้องแจ้งศูนย์สั่งการและเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ ว่าถึงที่เกิดเหตุแล้วพร้อมกับแจ้งว่าเหตุนั้นเป็นอย่างไรมีผู้บาดเจ็บกี่รายอาการเป็นอย่างไรบ้างในเบื้องต้น เมื่อหน่วยก็ชีพปฐมพยาบาลผู้ประสบเหตุแล้วมีอาการคงที่ ก็แจ้งศูนย์สั่งการว่า หน่วยกู้ชีพนี้ได้นำส่งผู้ป่วยเป็นชาย 1 ราย อายุประมาณ มีแผลฉีกขาดบริเวณขาขวานำส่งโรงพยาบาลเชียงรายเวลานี้ ก็จะรายงานทางวิทยุประมาณนี้ครับ เมื่อนำส่งผู้ป่วยถึงโรงพยาบาลก็ต้องรายงานกลับไปศูนย์สั่งการอีกว่าถึงโรงพยาบาลแล้วเวลานี้ สมมุติถ้าผู้ป่วยอาการสาหัสไม่สามารถทำหัตถการได้หน่วยกู้ชีพก็จะขอ ว.7 (ขอความช่วยเหลือ) รถ ambulance หรือรถของโรงพยาบาล ให้มารับช่วงต่อ ยังจุดนัดหมายกลางทาง เมื่อถึงโรงพยาบาลแล้วก็ต้องเขียน case ส่งรายงานศูนย์สั่งการด้วย และกลับถึงฐานก็ต้องรายงานอีกว่าถึงฐานแล้ว ทาง สพฉ.จะให้ค่าน้ำมันเวลาหน่วยกู้ชีพต่างๆ ออกปฏิบัติงานแบ่งเป็นรถกู้ชีพแต่ละประเภทเช่น รถ A (ambulance) รถของโรงพยาบาล จะได้ case ละ 1,000 บาท เป็นรถระดับสูง รถ B (Basic Life Support, BLS) รถระดับกลาง case ละ 500 บาท รถกู้ชีพมูลนิธิต่างซึ่งๆ เจ้าหน้าที่ต้องผ่านการอบรมหลักสูตรที่ สพฉ.กำหนดไว้ รถ FR (First Responder) ได้ case ละ 350 บาท ซึ่งเป็นรถระดับพื้นฐานเจ้าหน้าที่ก็ต้องผ่านการอบรบเหมือนกัน ส่วนมากรถกู้ชีพกู้ภัยต่างๆ จะเป็นรถ FR กันเป็นส่วนมาก ถ้ารถ B ระดับกลางไม่ค่อยมีมากนักเพราะต้องได้รับการอบรมค่อนข้างหลายสัปดาห์ เจ้าหน้าที่ในหน่วยนั้นๆ ไม่ค่อยมีเวลาไปอบรมและค่าลงทะเบียนค่อนข้างสูง จึงมีแต่หน่วยกู้ชีพขั้นพื้นฐานเสียมากกว่า อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่เหล่านี้ก็มาจากจิตอาสากันทั้งนั้นเงินเดือนก็ไม่มีให้ ทำด้วยใจที่อยากช่วยเหลือผู้ประสบเหตุฉุกเฉินเท่านั้นละครับ