“ใครรู้จักต้นจันผาร้อยกว่าปีที่ดาร์สะปวงบ้าง ““ไม่รู้จัก และไม่เคยได้ยินเลยค่ะ”… นั้นคือเสียงตอบจากเพื่อน ๆ ที่ถูกเราถามคนที่ถูกถามคือคนสุรินทร์โดยกำเนิด ส่วนคนถามนั้นหาใช่คนสุรินทร์ไม่ แต่ก็อยู่มานานและหลงเสน่ห์เมืองนี้ (คนถามเลยมีเหตุผลที่จะเขียนนำเที่ยวเมืองสุรินทร์ต่อไป เพื่อให้พี่น้องคนสุรินทร์ได้ภาคภูมิใจว่า อิสานใต้บ้านเฮา ที่มาจากหลายเชื้อชาติ ไม่ว่าจะกูย(ส่วย) เขมร ลาว ไทย… หลากหลายวัฒนธรรมรวมกันเป็นเวลาหลายร้อยปี ได้สร้างสิ่งดี ๆ สถานที่สำคัญมากมาย ให้รุ่นลูกหลานอย่างพวกเราได้เรียนรู้ ศึกษา และเก็บรักษาต่อไป)ย้อนคำถามอีกครั้ง… “ใครรู้จักต้นจันผา ดาร์สะปวงบ้าง “หลังจากที่ทุกคนตอบว่าไม่รู้จัก แต่มีเพื่อนบางคนถามกลับคืนว่า…แล้วต้นจันผาดาร์สะปวง คืออะไร สำคัญอย่างไร อยู่ที่ไหน เราตอบเพื่อนว่า… เราก็ไม่รู้จัก แต่มีรุ่นพี่แนะนำมาอีกที ก็เลยอยากชวนทุกคนไปดูด้วยกันเริ่มออกเดินทางจากตัวเมืองสุรินทร์มุ่งหน้าสู่ อ. กาบเชิงแต่เดี๋ยวก่อน!!!… คอนเช๊บการเที่ยวของเรานั้น ปลายทางสำคัญก็จริงอยู่ แต่ความงามระหว่างทางก็สำคัญไม่แพ้กันนะคร้าบบบบคิดหนักเหมือนกัน เพราะ “ความงามระหว่างทาง” ไม่รู้จะแนะนำให้งามตรงไหนก่อนดี เพราะสถานที่ท่องเที่ยว อ. กาบเชิง และเขตอำเภอที่ติดกันอาทิ อ.ปราสาท อ.พนมดงรัก แค่ 3 อำเภอ จากทั้งหมด 17 อำเภอของ จ.สุรินทร์ ( กาบเชิง, เขวาสินรินทร์, จอมพระ, ชุมพลบุรี, ท่าตูม, โนนนารายณ์, บัวเชด, ปราสาท, พนมดงรัก, เมือง, รัตนบุรี, ลำดวน, ศรีณรงค์, ศีขรภูมิ, สนม, สังขะ และสำโรงทาบ)… ความงามระหว่างทางที่เราจะพาแวะก่อนถึงจันผาดาร์สะปาง มีเยอะมาก และทุกที่นั้นต่างก็งามและมีเสน่ห์คนละแบบถ้าอยากเจอความงามระหว่างทางทุกแบบ ขอแนะนำให้ออกเดินทางแต่เช้า และถ้าอยากเที่ยวแบบอิ่มอกอิ่มใจ ก็ซื้อมาม่า ปลากะป๋อง ผลไม้ ของสด ของแห้ง ติดรถไปด้วยนะคะ… ซื้อทำไม ? ไม่ซื้อได้มั้ย ? ไปหากินข้างทางดีกว่ามั้ย จะได้กระจายรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน ก็ไม่ว่ากัน แต่ถ้าอ่านจบแล้วเปลี่ยนใจก็ขออนุโมทนาบุญด้วยนะคะ… เพราะ เส้นทางท่องเที่ยวสายกาบเชิง ปราสาทและวัดเยอะมาก (จ.สุรินทร์นอกจากจะเป็นถิ่นเมืองช้างและอารยะธรรมโบราณแล้ว ยังเป็นถิ่นที่มีพระเกจิอาจารย์อยู่มากมาย อย่างในอดีตก็มี หลวงปู่ดูลย์ หลวงปู่เจียม หลวงปู่หงษ์ หลวงปู่ธรรมรังสี)อย่างเช่นวันนี้ สถานที่ที่เรากำลังจะแวะก่อนถึงดาร์สะปวง… วัดโคกกรม... ต.จีกแตก อ.พนมดงรักหลวงปู่รอด อาภัสสโร หรือพระครูอาภัสร์ธรรมคุณ เจ้าคณะตำบลโคกลาง และเจ้าอาวาสวัดโคกรม ต.จีกแดก อ.พนมดงรัก เป็นพระที่โด่งดังมากในปัจจุบันนี้ โด่งดังในเรื่องของการให้ และมีเมตตา การช่วยเหลือคนในด้านการใช้ยาสมุนไพร โดยท่านได้รับความรู้ด้านตำรายาแบบโบราณจากหลวงปู่ของท่าน และในเรื่องวัตถุมงคลก็โด่งดังเช่นกัน… แวะกราบหลวงปู่ เพื่อนที่ไปด้วยกันเช่าวัตถุมงคลมาบูชาวัดป่าเขาโต้ะ… ต.บักได อ.พนมดงรักพระอาจารย์วสันต์ ได้พัฒนาจากเนินเขาเตี้ย ๆ และก้อนหินขนาดใหญ่ ซึ่งมีรูปร่างต่าง ๆ เช่น คล้ายโต้ะ คล้ายกบ คล้ายเต่า โพรงหินหน้าถ้ำ ให้กลายเป็นสถานปฏิบัติธรรม เป็นวัดป่าที่เงียบสงบ เหมาะสำหรับคนชอบเดินชมป่า ชมธรรมชาติ ซึ่งเราเดินเข้าป่าไปลึกมาก เพื่อไปดูสถานที่ที่พระอาจารย์บอกว่า เคยมีกองถ่ายหนังมาขอใช้สถานที่ถ่ายทำ จุดเด่นของวัดก็คือเจดีย์สามองค์ที่ตั้งอยู่บนโขดหิน ให้ความรู้สึกเหมือนย้อนอดีตไปยอดเขาสุเมรุในนิทานธรรมะสมัยโบราณ และสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างคือ บ่อน้ำทิพย์หรือบ่อน้ำอมฤต(บ่อพญานาค) ที่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ เพราะอยู่ที่สูงรายรอบด้วยแผ่นหิน แต่มีน้ำตลอดปี และลานหินแม่ปิง เป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทและพระพุทธรูปปางลีลา แวะไปกราบและสนทนาธรรมกับพระอาจารย์วสันต์ พร้อมถวายข้าวสารอาหารแห้ง ก็อิ่มใจได้บุญค่ะสถานปฏิบัติธรรม ลานหินป้าโมกข์… ต.แนงมุด อ.กาบเชิง พระเดชพระคุณหลวงพ่อสัญชัย จิตภภโล สอนการภาวนาที่นี่ และมีเปิดคอร์สอบรมเตโชวิปัสสนากรรมฐานจากท่านอาจารย์อัจฉราวดี วงศ์สกล ซึ่งถ้าท่านใดอยากเข้าอบรมวิปัสสนากรรมฐานหรืออบรมสมาธิอานาปนสติที่นี่ ก็ควรอ่านระเบียบการเข้าอบรมก่อนนะคะ (ระเบียบจะเคร่งครัดมาก เพราะเป็นการฝึกวิปัสสนาอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการไม่พูด และงดการใช้เครื่องมือสื่อสารทุกอย่าง)เป็นสถานที่สัปปายะ(สิ่งที่เหมาะสม ช่วยสนับสนุนในการบำเพ็ญภาวนาให้ได้ผลดี เหมาะแก่การปฎิบัติภาวนา 7 ประการ อันได้แก่ ที่อยู่ - ที่หาอาหาร - การพูดคุย - บุคคล - อาหาร - ดินฟ้าอากาศ และอริยาบถที่เหมาะกัน)น้องคนหนึ่งในคณะที่เดินทางมากับเรา เคยมาปฏิบัติธรรมที่นี่ วัดมงคลคชาราม(ช้างหมอบ)… ต.แนงมุด อ.กาบเชิงเป็นวัดที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของ จ.สุรินทร์ ที่ท่านเจ้าคุณพระพิมลพัฒนาทร หรือ หลวงปู่พวน วรมังคโร พระเกจิอาจรย์แห่งเทือกเขาพนมดงรัก ที่มีชื่อเสียงในด้านพรหมวิหารธรรม(เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา) เคยธุดงค์มาปฏิบัติธรรมในถ้ำใกล้ ๆ สถานที่แห่งนี้ แล้วมีความรู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้ศักดิ์สิทธิ์มาก มีรอยพระพุทธบาทอยู่เหนือถ้ำ ท่านเลยสร้างวัดนี้ขึ้นมา และตั้งชื่อวัดตามหินที่อยู่ในบริเวณวัด ซึ่งมีมีลักษณะคล้ายช้างหมอบ สิ่งที่น่าสนใจในวัด คือพระปรางค์กุญชรมณีศรีไตรยอดเพชร ที่เป็นองค์ปรางค์ 3 ยอดอยู่ตรงกลาง และมีปรางค์บริเวณโดยรอบทั้ง 8 ทิศ ซึ่งหลวงปู่พวนริเริ่มสร้างขึ้นเพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ หลวงปู่เป็นคนออกแบบประยุกต์ลวดลายที่ประกอบไปด้วยลายไทยผสมอาณาจักรขอม และหลังจากหลวงปู่มรณภาพเมื่อปี พ.ศ 2559 ก็ไม่มีการสร้างต่อ เพราะหลวงปู่บอกไว้ว่า ให้สร้างแค่นี้ก็พอปัจจุบันนี้มีพระจำพรรษาที่นี่ 4 รูป และมีคุณตาอายุ 70 ปี (ที่หลวงปู่พวนนำมาเลี้ยงตั้งแต่ยังเป็นเด็กหนุ่ม) เป็นคนคอยดูแลวัด เราถามคุณตาว่า วัดอยู่ไกลผู้คน ถนนหนทางก็ยังเป็นดินแดง ได้ข้าวปลาอาหารจากที่ไหน คุณตาบอกว่า ไม่อดอยากหรอก มีญาติโยมมาทำบุญเรื่อย ๆ และไม่กลัวอด เพราะในป่ามีอาหารผลไม้เยอะแยะ… คุณตาทองดีคุยเก่งมาก พาทัวร์ทั่ววัด… ร่วมถวายข้าวสารอาหารแห้งแก่พระ และคุณตา ก็อิ่มใจรู้สึกได้บุญดีนะคะสำหรับเราหลังจากที่หลวงปู่มรณภาพ เราก็ยังคงหาโอกาสมาที่วัดเสมอ เพราะเคยมากราบหลวงปู่ก่อนที่ท่านจะมรณภาพ และศรัทธาในคำสอนของหลวงปู่ที่สอนให้ยึดหลักธรรมะ ไม่มีตัว ไม่มีตน ไม่มีของตน ไม่มีเรา ไม่มีเขา ไม่มีของเรา ไม่มีของเขา ไม่มีใคร ไม่มีของใคร มันเป็นของมันอย่างนั้นเอง (ไม่เชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่เชื่อของขลัง ไม่หลงมงคล แต่ให้มั่นใจในปัญญา)…………———>>............ เดินทางมาครึ่งวันแล้ว คงจะเคลียนบาย(หิวข้าว) แล้ว … ข้าวเหนียวหมูย่างที่ซื้อมา ช่วยเราได้ (อย่างที่บอกตั้งแต่ต้นว่า ควรพกข้าวสารอาหารแห้ง ผลไม้ เพื่อได้ทำบุญกับพระแล้ว ก็อย่าลืมพกอาหารมาทำทานกับตัวเองด้วย เพราะถนนเส้นนี้ อยู่ในป่า ที่ยังไม่ค่อยไม่มีร้านค้าข้างทางให้เราได้แวะทาน) และอีกอย่างที่อยากบอกก็คือถนนเส้นนี้ยังคงเป็นทางดินแดงลูกรัง ที่ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางมาในหน้าฝนนะคะ หลังจากแวะชมความงามระหว่างทางหลายที่ และแล้วเราก็มาถึงจุดหมายปลายทาง.… จันผา ดาร์สะปวงสำนักปฏิบัติธรรมวัดเขาดาร์สะปวง… ต. แนงมุด อ.กาบเชิง(จอดรถปุ้บ นึกถึงคำของรุ่นพี่ที่บอกข้อมูลก่อนมาสั้น ๆ ว่า … ลองไปดูนะ นอกจากต้นจันผาพันปี ยังมีหลวงปู่ที่เป็นครูบาอาจารย์ที่รอบรู้สรรพวิชาอย่างน่าอัศจรรย์ใจ มีคนต่างจังหวัดมากราบท่านเยอะมาก) เป็นวัดที่สงบเงียบ ทุกอย่างดูสมถะเรียบง่าย ต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น ต้นจันผาอายุเกือบพันปีที่ถือว่าใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอยู่ท่ามกลางป่าเขาที่ยังอุดมสมบูรณที่นี่ ก่อนจะลงบันไดไปชมความมหัศจรรย์ของจันผา เราก็ขอพากราบนมัสการหลวงปู่ซึ่งท่านพำนักอยู่รูปเดียวที่วัดแห่งนี้ แต่น้อยคนที่จะรู้จักหลวงปู่ เนื่องจากหลวงปู่ปรารถนาที่จะอยู่อย่างสงบ ไม่อยากมีชื่อเสียง (ปัจจุบันหลวงปู่อายุ 83 ปี)เรามีโอกาสได้สนทนาธรรมกับหลวงปู่ เลยถามว่า ดาร์สะปวง หมายถึงอะไร หลวงปู่บอกเป็นปริศนาธรรมว่า หมายถึงลาแล้วทั้งปวง แต่ถ้าฟังแล้ว งง ก็ให้เข้าใจง่าย ๆ ว่า ดาร์สะปวงมาจากชื่อของต้นไม้ที่ชื่อต้นพลวง ได้ถวายผลไม้ อาหารแห้ง และได้กรวดน้ำรับพรจากหลวงปู่ด้วย รู้สึกอิ่มใจในธรรมมาก และหลวงปู่ก็ให้หนังสือบทสวดมนต์คุ้มกันสรรพอัตรายมา แต่ตัวหนังสือก็ลางเลือนบ้างแล้ว เพื่อนที่ไปด้วยกันเลยอาสาจะพิมพ์ใหม่ และเรากับเพื่อนคนอื่น ๆ จะนำมาส่งโรงพิมพ์เพื่อเผยแพร่เป็นธรรมทานต่อไป… …สพพทาน ธมมทาน ชินาติ : การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง…สำหรับต้นจันผานั้น หลวงปู่เล่าว่า ตอนแรก ๆ เมื่อเกือบ 40 ปีล่วงมาแล้ว หลวงปู่มาจำวัดอยู่ที่นี่ เห็นต้นจันผาหักลงมาและมีต้นยี่เข่งทับอยู่ หลวงปู่ก็จัดการบูรณะ เราก็ขออนุญาตหลวงปู่ลงไปชมความอัศจรรย์ของต้นจันผา… จันผาต้นนี้ ตั้งอยู่บนหินขนาดใหญ่ 2 ก้อน และมีช่องหินให้ลอดตามความเชื่อว่า ถ้าลอดช่องหินดังกล่าวแล้วจะเจอคู่ครอง (โปรดใช้วิจารณญาน) กระทรวงวัฒนธรรม ได้ประกาศขึ้นทะเบียน 63 ต้นไม้สำคัญของชาติ ซึ่งต้นจันผาของสำนักปฏิบัติธรรมวัดเขาดาร์สะปวง เป็นหนึ่งในจำนวนนี้ด้วย และในโอกาสนี้ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ก็ได้จัดพิมพ์หนังสือ “รุกข มรดกของแผ่นดิน ใต้ร่มพระบารมี” เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีเนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมายุ 63 พรรษา วันที่ 2 เมษายน 2561 กราบลาหลวงปู่ และเดินทางกลับ แต่ไหน ๆ ก็เข้ามาเส้นทางนี้แล้ว จะพาแวะชมความงามระหว่างทางกลับ ชมความอัศจรรย์ใจของสถานที่ท่องเที่ยวแถว ๆ นี้ให้หมด 1 วันแบบจุใจไปเลยละกัน มีที่ไหนอีก… รับรองต้องร้องว้าว Wow!,เขาทมอโรย... ต.แนงมุด อ.กาบเชิง รับประกันว่า ถ้าเดินทางมาถึงตรงนี้ ทุกคนต้องร้อง ว้าว!!! เพราะเราร้องไปหลายว้าว!!! ทมอ เป็นภาษาเขมรหมายถึงหินหรือเขา และ โรย หมายถึงร้อยหรือโปรย ดังนั้นทมอโรยจึงมีความหมายว่า หินจำนวนมากกระจายอยู่บริเวณนี้ จุดชมวิวเป็นลานหินกว้างอยู่บนเนินสามารถมองเห็นเนินเขาพนมเบง(รอยต่อระหว่างไทย - กัมพูชา) ทมอโรยเคยเป็นที่ตั้งของกองทัพพระเจ้าสีหนุ (พระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ อดีตกษัตริย์ของกัมพูชาที่ถูกขับไล่ออกจากตำแหน่ง ทำให้กลุ่มคนที่ฝักใฝ่ฝ่ายของพระเจ้าสีหนุ ต้องแตกออกมาหลบหนีอยู่ตามตะเข็บชายแดนของไทย) และสมเด็จสีหนุก็เคยขึ้นมาประทับที่นี่เพื่อเยี่ยมเยือนกองทัพ และที่นี่จะมีร่องรอยแกะสลักรูปพระราหูอมจันทร์ ซึ่งเป็นที่สำหรับการไว้บูชาขอพร และที่เราเห็นจากการเขียนบนแผ่นหินเป็นภาษาเขมร และภาษาไทย ว่า ขออ้อนวอน ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก ดวงวิญญาณพระมหากษัตริย์ในกัมพูชา ทั้ง 8 ทิศ วิญญาณวีรบุรุษที่ต่อสู้เพื่อชาติ พร้อมทั้งเจ้าป่าเจ้าเขาจงมาสถิต และปกป้องรักษาท่านทั้งหลาย ขอให้มีความสุขตลอดเวลา ในการปกป้องรักษาดินแดน ทรัพย์สิน และสมบัติของชาติ …นั่งชมพระอาทิตย์ตกดินได้ที่ผาไร้ชื่อ ซึ่งอยู่ห่างจากทมอโรยไปประมาณ 500 เมตร หรือจะปิคนิคข้าวเหนียวหมูย่างแกล้มวิวสวย ๆ ก็ได้ (ถ้ามีเวลามากพอ)ผามะนาว… ต.โคกตะเคียน อ.กาบเชิงระวังจะติดใจในความงดงามของธรรมชาติ ที่นี่ เพราะผามะนาวเป็นหน้าผาสูงสามารถมองเห็นผืนป่าใหญ่ด้านล่างมองไปได้ไกลถึงชายแดนเขมรเลย แนะนำให้มาช่วงหน้าหนาวเพื่อมาสัมผัสลมหนาวที่นี่ ชมแสงแรกของดวงอาทิตย์ยามเช้ามืด และทะเลหมอกอันสวยงามปราสาทตาควาย.... ต.บักได อ.พนมดงรัก ปราสาทตาควาย (ปราสาทตาวาย) หรือปราสาทตากระเบยในภาษาเขมร (กระเบยหรือกรอเบย หมายถึงควาย) สร้างในช่วงปลายสมัยนครวัดต่อตอนต้นสมัยบายน ระหว่างรัชกาลพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2 ถึงพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 เป็นปราสาทหินทรายองค์เดียวโดด ๆ สูงประมาณ 10 เมตร ปัจจุบันนี้มีการตกลงร่วมกันดูแลปราสาทตาควาย ระหว่าง ไทยกับกัมพูชา เพราะยังไม่มีการเจรจากันในเรื่องปักปันเขตแดน ความรู้สึกเวลาขึ้นมาที่ปราสาทแห่งนี้ กลิ่นความหลังแห่งมนต์ขลังของการต่อสู้แย่งชิงจะจุกที่คอหอยแต่ก็พยายามที่จะไม่พูดถึงเพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ก็ได้แต่ให้กำลังใจพี่ ๆ ทหารที่ปกป้องแผ่นดินอยู่ที่นี่ด้วยการแบ่งปันอาหารเพื่อแทนคำขอบคุณ และเป็นขวัญกำลังใจทุกครั้งที่เราขึ้นมา ปราสาทตาเมือนธม… ต.ตาเมียง อ.พนมดงรัก ประกอบไปด้วยปราสาทหินสามหลัง คือ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาเมือนโต้ด และปราสาทตาเมือน โดยปราสาทตาเมือนธม เป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุด(ธม หมายถึง ใหญ่) ตัวปราสาทอยู่บนเนินเขาสร้างครอบโขดหินธรรมชาติที่ศักดิ์สิทธิ์ในรูปของสยัมภูศิวลึงค์ ซึ่งเป็นสัญญลักษ์แทนพระศิวะ และเป็นที่สำหรับประกอบพิธีกรรมของศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนมาเป็นศาสนสถานของศาสนาพุทธในภายหลังปราสาทตาเมือนธม อยู่ในพื้นที่ที่มีข้อพิพาธระหว่าง 2 ประเทศ จัดเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษ มีทหารคอยตรวจตราความสงบอยู่ตลอดเวลา สามารถนำข้าวปลาอาหารมาแบ่งปันให้พี่ๆทหาร เพื่อเป็นกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ได้ เพราะพี่ ๆ น่ารัก อัธยาศัยดีมาก ๆ ตอนนี้รู้สึกเคลียนบายมาก(หิวข้าวมาก)เที่ยวทั้งวันตั้งแต่เช้าจนเย็น รู้สึกหิวมือไม้สั่น ก็แวะอุดหนุนของดี ของอร่อยข้างทาง กบยัดใส้ย่าง(อังแกบบอบ) ที่เดียวในโลก เป็นกบยัดใส้อร่อยที่สุดในสุรินทร์ หาซื้อได้ข้างถนนสาย อ.กาบเชิง เป็นกบจากธรรมชาติที่ลอกหนัง นำมาสับปรุงรสใส่เครื่องเทศยัดใส้ ย่างกลิ่นหอมฉุย เราชอบมาก อุดหนุนชาวบ้านทุกครั้งที่ผ่าน และก็ได้มากกว่าอังแกบบอบทุกครั้ง เพราะพริก ผัก ผลไม้ ที่ชาวบ้านปลูกเองก็น่าซื้อเดินทางกลับถึง อ.ปราสาทแล้ว ก็ต้องห้ามพลาดอีกหนึ่งสถานที่ ที่ไม่ควรพลาด!!! (ถ้ามาทันก่อนเวลาปิด 18.00 น.) ปราสาทบ้านพลวง ต.บ้านพลวง อ.ปราสาท เป็นศาสนาสถานขนาดเล็ก 1 หลัง สร้างตามศิลปะแบบบาปวน(ศิลปะที่มีการเล่าเรื่องโดยมีภาพบุคคล รูปหน้าสัตว์ประหลาดผสมผสานเทวดา) ตัวปราสาทสร้างด้วยหินทรายสีขาวบนฐานศิลาแลง ปราสาทบ้านพลวงเป็นปราสาทที่ยังสร้างไม่เสร็จ สังเกตได้จากภาพแกะสลักยังไม่เสร็จ โดยภาพส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องราวของเทพปกรณัมในลัทธิไศวะนิกาย แต่มีการสลักภาพสัตว์ เช่น สลักภาพกระรอกกระแต และกวางป่าไว้เหนือใบระกาด้านต่อดอกพันธุ์พฤกษา ซึ่งไม่ปรากฏในปราสาทใด เป็นอีกหนึ่งปราสาทที่ไม่ควรพลาดนะคะเทียวอ๊อคงัย ซะเรกตึ๊กนะ (ภาษาเขมร หมายถึง เที่ยวทั้งวัน รู้สึกกระหายน้ำนะ) … น้ำหวาน ๆ ก่อนเดินทางกลับเข้าตัวเมืองก็คงสดชื่นไม่น้อย ได้ยินคนในเมืองเขาเล่าลือว่า ร้านกาแฟที่ อ.ปราสาท วิวสวยดี งี้ต้องแวะ เอาให้จบทริปแบบแฮปปี้เอนดิ้งไปเลย!!ร้านกาแฟแลเครื่องดิ่ม บ้านวิชั่น… อ.ปราสาท ร้านกาแฟและเครื่องดื่มรสชาดดีหลากหลายเมนู ตกแต่งร้านสไตล์ย้อนยุคด้วยการนำของเก่ามาวางอย่างมีสไตล์ท่ามกลางทุ่งนาเขียวขจี ใครชอบแนวจิบกาแฟแลทุ่งนา ก็ขอแนะนำค่ะ “ตะเข็บชายแดนของอิสานใต้จ.สุรินทร์” ชายแดนที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ของการผสาน 2 วัฒนธรรม ไทย - กัมพูชา สำหรับเราแล้วมันคือเพชรเม็ดงามที่ไม่อยากให้ถูกเจียระไน เพราะสำหรับนักเดินทางอย่างเราแล้ว เส้นทางลูกรังดินแดงแบบนี้แหล่ะ “โคตรมหาเสน่ห์” แต่ก็ขอย้ำอีกทีว่าควรหลีกเลี่ยงการเดินทางบนเส้นทางนี้ในช่วงหน้าฝนนะคะ (ถ้าไม่มีฝน ก็เดินทางง่ายค่ะ)เคล็ดลับความสนุกของการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ถ้ามีโอกาสได้ศึกษาข้อมูลก่อนเที่ยว จะได้รับอรรถรสในการท่องเที่ยวมากขึ้น และจะทำให้นักท่องเที่ยวกลายเป็นนักเดินทางได้ การนำเที่ยวในทริปนี้ เรามาหลายครั้ง ครั้งละประมาณ 4-5 ที่ เพราะเส้นทางสายนี้ที่เที่ยวเยอะมากจริง การเที่ยวใน 1 วันเพื่อให้ครบทุกที่ อาจจะต้องรีบ และจะเหนื่อยเกินไป จนขาดอรรถรสได้ แต่เพราะอยากแนะนำสถานที่น่าไปในเส้นทางสายกาบเชิงให้อยู่ในทริปเดียวกัน เผื่อเป็นประโยชน์สำหรับนักท่องเที่ยวและนักเดินทาง เลยทำเป็นทริปเส้นทางเดียวกัน ถ้าท่านมีสถานที่อื่นใดบนเส้นทางสายนี้ นอกเหนือจากที่เรากล่าวมา ก็บอก แนะนำได้นะคะ จะยินดีมาก ๆ เพราะที่เขียนนี้ เขียนเฉพาะสถานที่ ที่เราไปจริง ๆ และเขียนอย่างตั้งใจเพราะ…ព្រោះខ្ញុំស្រលាញ់អ្នក : ยืงซะลันแอง ซึ่งหมายถึง Because l love you : เพราะว่า...ฉันรักเธอស្នេហា ... សុរិន : ลันนะมืง สะเร็นLove...Surin : รักนะ..เมืองสุรินทร์ทริปนี้มีน้องคนหนึ่งเป็นคนกูย(ส่วย) เราชอบมากเวลาน้องพูดภษากูย เพราะทุกคำที่น้องพูดไม่สามารถสะกดหรือเขียนเป็นภาษาใด ๆ ได้ น้องเล่านิทานให้พวกเราฟังด้วยว่า… ทำไมคนกูยถึงมีแต่ภาษาพูด แต่ไม่มีภาษาเขียน… ซึ่งฟังแล้วทึ่งและมหัศจรรย์มาก เอาไว้เราจะมาเขียนให้อ่านนะคะ ทริปหน้า เที่ยวท่าตูม บุกถิ่นกูยแห่งเมืองสะเร็นค่ะสวัสดีค่ะ พบกันใหม่นะคะ ภาพประกอบเรื่องทุกภาพโดยผู้เขียน : ไข่ฟู ครูนอกกรอบ