ศิลานักปราชญ์หรือศิลาในตำนาน ในบางแหล่งที่มาอาจเรียกว่าศิลาอาถรรพ์ หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่ามันคืออะไร มีอยู่จริง ๆ ไหมบนโลกใบนี้ ในอดีตศิลานักปราชญ์เกิดจากนักเล่นแร่แปรธาตุที่ใช้วิทยาการของวิทยาศาตร์บวกกับไสยศาตร์ ซึ่งถ้าผู้ใดสามารถสร้างศิลานักปราชญ์ได้ ผู้นั้นถือว่าเป็นสุดยอดของนักเล่นแร่แปรธาตุ เพราะศิลานักปราชญ์คือศิลาในตำนานที่มีเรื่องราวบอกเล่าสืบต่อกันมาของนักเล่นแร่แปรธาตุ ซึ่งสามารถทำให้คงความเยาว์วัยและเป็นอมตะไปชั่วนิรันดร์ ในอดีตเรื่องของการเล่นแร่แปรธาตุเป็นที่นิยมมาก และผลงานของการเล่นแร่แปรธาตุบางส่วนได้ถูกนักวิทยาศาตร์นำมาสานต่อ ดัดแปลงแก้ไขกลายมาเป็นสิ่งของที่เราใช้กันอยู่ในปัจุบันก็มี นักเล่นแร่แปรธาตุมีความเชื่อที่ว่า สิ่งของทุก ๆ อย่างบนโลกใบนี้รวมถึงสิ่งมีชีวิตล้วนเกิดมาจากธาตุทั้งสี่ นั่นก็คือ ดิน น้ำ ลม และไฟ ซึ่งในของทุก ๆ สิ่งล้วนประกอบด้วยธาตุทั้งสี่นี้เป็นองค์ประกอบ นักเล่นแร่แปรธาตุเชื่อว่าหากทำการปรับลดหรือเพิ่มองค์ประกอบของธาตุทั้งสี่ที่มีอยู่ในของสิ่งนั้น ๆ แล้ว อาจทำให้ของสิ่งนั้นกลายเป็นของอีกสิ่งหนึ่ง หรืออาจเป็นของสิ่งใหม่ที่ไม่เคยมีอยู่บนโลกนี้ก็ได้ จากที่กล่าวมาอาจจะเห็นได้ว่า นักเล่นแร่แปรธาตุในอดีตมีความคล้ายคลึงกับนักวิทยาศาสตร์สาขาเคมีในสมัยปัจจุบัน ซึ่งจริง ๆ แล้วทั้งนักเล่นแร่แปรธาตุและนักวิทยาศาสตร์มีทัศนคติกับมุมมองที่ต่างกัน นั่นก็คือนักวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันศึกษาในเรื่องของกฎธรรมชาติ และสิ่งมีชีวิตที่มีอยู่ในปัจจุบัน แต่นักเล่นแร่แปรธาตุจะศึกษาในเรื่องที่ตรงกันข้ามกับนักวิทยาศาตร์ คือสามารถเปลี่ยนสสารต่าง ๆ ให้กลายเป็นทองได้ การไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย หรือการสร้างสิ่งมีชีวิตจากสิ่งของที่ไม่มีชีวิตได้ ซึ่งตามข้อมูลการเล่นแร่แปรธาตุที่เก่าแก่ที่สุด จะอยู่ในช่วงสี่พันปีก่อนคริสตการที่ดินแดนอียิปต์กับบาบิโลเนีย ซึ่งสิ่งของชิ้นแรกที่ถูกแปรธาตุออกมาได้นั้นก็คือปูนฉาบขาวนั่นเอง และได้มีการค้นพบแก้วตั้งแต่ในช่วงหนึ่งพันห้าร้อยปีก่อนคริสตกาลอีกด้วย นั้นหมายถึงว่าสมัยอียิปต์โบราณและบาบิโลเนียตือชนชาติแรก ๆ ที่ให้ความสำคัญกับการแปรธาตุเป็นอย่างมาก จนในที่สุดได้มีการเผยแพร่มายังชนชาติกรีก ซึ่งถือว่าเป็นชนชาติที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในสมัยนั้นและเริ่มมีการขยายการเล่นแร่แปรธาตุมาทางฝั่งยุโรปในไม่ช้า สุดท้ายก็ได้เกิดเป็นความนิยมทั่วทั้งทวีป ต่อมาเมื่อเริ่มมีศาสนาเข้ามา ความเชื่อเกี่ยวกับการกำเนิดของทุกสิ่งที่เกิดมาจาก ดิน น้ำ ลม และไฟ ก็ค่อยๆเลือนหายไป โดยแทนที่ด้วยพระเจ้าและซาตาน ความนิยมการเล่นแร่แปรธาตุทางฝั่งยุโรปก็ได้ค่อย ๆ เลือนหายไป แต่กลับได้รับความนิยมในฝั่งเอเชียแทน ซึ่งต่อมาได้มีนักเล่นแร่แปรธาตุคนหนึ่งสามารถสกัดทองออกมาได้ มีชื่อว่า " อาบูมู ซายาบรี บรินฮยาน " ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังในยุคนั้นเป็นอย่างมาก ต่อมาได้มีการบันทึกเกี่ยวกับศิลานักปราชญ์ว่า เป็นสสารละลายที่เกิดจากการเล่นแร่แปรธาตุและมีคุณสมบัติที่มากที่สุดของโลกเราซึ่งสามารถเปลี่ยนวัตถุต่าง ๆ ให้กลายเป็นเงินกับทองได้ โดยจะแบ่งออกเป็นสองลักษณะคือ ศิลานักปราชญ์ที่เป็นหินมีขาว สามารถเปลี่ยนโลหะหรือสิ่งของให้กลายเป็นเงินแท้บริสุทธิ์ได้ส่วนศิลานักปราชญ์อีกชนิดหนึ่งจะมีสีแดง สามารถเปลี่ยนโลหะหรือสิ่งของให้กลายเป็นทองคำบริสุทธิ์ได้ อย่างไรก็ดีมีความเชื่อในหมู่นักเล่นแร่แปรธาตุว่า ถ้าหากผู้ใดนำศิลานักปราชญ์มาทำให้เป็นของเหลวแล้วดื่มกิน จะทำให้ผู้นั้นมีอายุยืนยาวขึ้นและกลับมาเป็นวัยเยาว์อีกครั้ง แต่ถ้าหากผู้ใดได้ดื่มกินมากพอจะทำให้เป็นอมตะ ไม่มีความแก่เฒ่าตลอดไป อย่างไรก็ดีเรื่องศิลานักปราชญ์ในทางวิทยาศาสตร์อาจจะไม่มีการค้นพบและพิสูจน์ได้ แต่ศิลานักปราชญ์ก็มีการกล่าวถึงตั้งแต่สมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน ทุก ๆ อย่างบนโลกของเราอาจจะยังมีสิ่งที่รอการค้นพบอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์สายพันธ์ุใหม่หรือแม้แต่กระทั่งแร่ธาตุต่างๆที่มีอยู่บนโลกใบนี้ ไม่แน่ว่าในอนาคต เราอาจจะค้นเจอหรือทำการสร้างศิลานักปราชญ์ขึ้นจนสำเร็จก็เป็นได้ภาพที่ 1 เครดิตรภาพจาก Pixabayภาพที่ 2 เครดิตรภาพจาก Pixabayภาพที่ 3 เครดิตรภาพจาก Pixabayภาพที่ 4 เครดิตรภาพจาก Pixabay