แค่อ่านชื่อเรื่องก็ชวนสงสัยแล้ว เพราะอินเดียมักจะขึ้นชื่อว่า เป็นประเทศที่วุ่นวาย ผู้คนแออัด ยิ่งถามหาความสะอาดเนี่ย แทบจะไม่ต้องพูดถึง แต่ก็ไม่ใช่ว่า จะเป็นแบบนั้นทุกเมือง ครั้งหนึ่ง ผมได้มีโอกาสไปเที่ยว รัฐสิกขิม ได้เห็นถึงความสวยงาม ความเรียบง่ายของวิถีชีวิตของคนบนภูเขาที่ปลูกไร่ชาเป็นอาชีพ มันช่างสวยงามทั้งชีวิตและ ธรรมชาติ เป็นเมืองที่ไร้ความวุ่นวาย ไร้ความจอแจ เรียบง่าย เรามาทำความรู้จักกับสิกขิมมากขึ้นกันครับ ไปเที่ยวสิกขิม ด้วยงบไม่ถึง 20,000 บาท ที่พักดีอีกนิดก็สองหมื่นต้นๆ จำนวน 6 วันเที่ยวครบเลย ทริปนี้ ผมเดินทางด้วยสายการบินหนึ่งที่ลำเครื่องเป็นสีแดง มุ่งหน้าสู่ Kolkata ประเทศอินเดีย แล้วต่อเครื่องไปยังบักโดกรา ซึ่งเป็นสนามบินที่ใกล้ที่สุดกับเมือง Gangtok รัฐสิกขิม เมืองหลวงแห่งขุนเขาในอ้อมกอดหิมาลัย คืนแรกไปพักที่เมืองหลวงของรัฐสิกขิม คือ Gangtok และวันต่อมาเดินทางไปยังเมืองดาร์จีลิ่ง เมืองทางทิศตะวันตกของอ่าวเบงกอล เห็นวิวหมู่บ้านที่ปลูกขึ้นตามไหล่เขา ตั้งเรียงรายกันเป็นขั้นบันได ไม่ต่างกับไร่นา และขุนเขาที่เห็นคือไร่ชาอลังการมาก เมือง Darjeeling ถนนกับรางรถไฟ ถูกสร้างให้เป็นสิ่งที่ต้องอยู่คู่ขนานกัน รถไฟยังคงเป็นแบบหัวจักรไอน้ำ มีโบกี้เพียงไม่กี่โบกี้ เป็นขบวนสั้นๆ วิ่งตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นยันพระอาทิตย์ตก รถไฟสายนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1879 มีระยะทางเพียง 88 กิโลเมตร เท่านั้น รถไฟสายนี้จึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโก้ จากหน้าที่พัก (Darjeeling) แค่เดินออกมารอที่หน้าประตู ก็เห็นรถไฟวิ่งแล่นอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้ว ระหว่างทางรถไฟ หากอากาศดี ฟ้าใส วิวเทือกเขาหิมาลัยก็จะปรากฏอยู่นอกหน้าต่างรถไฟอย่างอลังการ เมืองเล็ก Darjeeling เมืองนี้น่ารัก ไม่ผิดหวังที่ได้มา แม้จะมีหมอกหนาตลอดทั้งวัน ทำให้ไม่สามารถเห็นเทือกเขาหิมาลัยได้ แต่ก็ได้เห็นวิถีชีวิตที่เก่าแก่ของคนเมืองนี้ดำเนินไปกับความเก่าแก่ของรถไฟสายมรดกโลกแห่งนี้เช่นกัน รถไฟสายนี้มีชื่อว่า Darjeeling Himalayan Railway ภาพรถไฟกำลังมา หยิบกล้องใหญ่มาถ่ายไม่ทัน เลยคว้ามือถือขึ้นมาถ่ายอย่างไว ที่เที่ยวอื่นๆ ได้แก่ ลาชุง (Lachung) - ยุมถัง (Yumthang) - Zero Pt. ผมเดินทางจากหมู่บ้านลาชุง ไป Zero Point เพียงระยะทาง 50 กว่ากิโลเมตร แต่ก็ใช้เวลาในการเดินทางหลายชั่วโมงอยู่เหมือนกัน เพราะกิโลเมตรปกติ กับกิโลเมตรบนดอยที่นี่ คงต้องคูณด้วย 3 หรือ 4 เท่า เลยทีเดียว แต่ระยะทางและความสูง ไม่ได้เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด เพราะวิวสองฝั่งถนน คือ ภูเขา แม่น้ำ หุบเขา กราเซีย เทือกเขาหิมาลัย เรียกได้ว่า วันเดียวครบทุกรสชาติ สวย อลังการ เมืองลาชุง เมืองเล็กๆ ในหุบเขา อยู่ทางตอนเหนือของสิกขิม และมีอาณาเขตติดต่อกับประเทศจีน (ฝั่งทิเบต) โดยประชากรของเมืองนี้ส่วนใหญ่จะเป็นชาวเลปซาและ ชาวทิเบต หมู่บ้านลาชุงที่ผมไปพักจะเป็นจุดสุดท้ายของนักท่องเที่ยวที่ทางการอนุญาตให้มาพักได้ เลยขึ้นไปจากหมู่บ้านนี้จะไม่มีที่พัก แต่ยังสามารถเดินทางไปเที่ยวได้ เหนือสุดอีกหน่อยคือ หุบเขายุมถัง และ Zero Point สถานที่สุดท้าย ชื่อจึงบ่งบอกได้ดีว่า เรามาจุดสิ้นสุดการเดินทางแล้วนะ ไปต่อ อาจจะถูกยิงตายได้ ฮ่าๆๆ หมู่บ้านยุมถัง ก็เป็นจุดแวะพักช้อปปิ้ง ไม่ต่างอะไรกับแม่สายเลย แค่เล็กกว่า แต่สิ่งที่ใหญ่กว่า คือ ยุมถังมีหุบเขาที่มีถนนและ แม่น้ำคดเคี้ยวไปมา เป็นหุบเขาที่สวยกว่าที่เคยเห็นมาก่อนเลยทีเดียว คนที่นี่แนะนำว่า ปลายเมษายนและ ต้นพฤษภาคม ดอกไม้แดง ม่วง เหลือง ชมพู จะบานเรียงเป็นริ้วตามลายของหุบเขา นึกตาม คงสวยเลยทีเดียว หุบเขาแห่งนี้ จึงได้ชื่อว่า Yumthand valley of flower มาพอถึงจุดเหนือสุดที่นักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยวได้ นั่นคือ Zero Point ฉากหุบเขาที่อยู่ตรงหน้ามันอลังการมาก ลึกเข้าไปในหุบเขานี้คือประเทศจีน ร่องหุบเขานี้ จึงอ่อนไหวเกินไปที่จะให้ใครต่อใครเข้าไปเที่ยวได้