เชื่อว่าแฟนฟุตบอลชาวไทยคงรู้จัก สารัช อยู่เย็น กองกลางทีมชาติไทยจากสโมสร เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด กันเป็นอย่างดี ซึ่งนอกจากสารัชจะเป็นกองกลางแถวหน้าคนนึงของไทยแล้วเขายังจัดเป็นนักเตะที่หน้าตาดีอีกด้วย สารัช อยู่เย็น ถือว่าเป็นนักเตะลูกหม้อของทีมเมืองทอง ยูไนเต็ดเลย เพราะเขาได้เซ็นสัญญากับเมืองทองเมื่อปี 2010 เขาเป็นนักเตะฝีเท้าดี บรรดาสตาฟโค้ชก็เห็นว่าเขาน่าจะเป็นกำลังสำคัญกับทีมได้ในอนาคต จึงได้ให้ทีมอื่นยืมตัวไปเล่นสร้างประสบการณ์ให้มากขึ้นเพื่อที่จะได้กลับมาเป็นกำลังหลักของทีมต่อไป ปี 2012 สารัชโดนทีมภูเก็ต ยืมตัวไปเล่น 1 ฤดูกาล จากนั้นในปี 2013 เขาก็ทีมนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ยืมตัวไปเล่นอีก 1 ฤดูกาล ฤดูกาลปี 2014 เขากลับมาเล่นให้กับเมืองทอง ยูไนเต็ด สารัชเล่นในตำแหน่งกองกลาง ด้วยสไตร์การเล่นที่เล่นบอลแบบง่าย จ่ายบอลมีทั้งลูกสั้น ลูกยาว เล่นชิ่ง เป็นตัวพักบอล เก็บบอลดี เป็นตัวเชื่อมบอลจากกลางไปหน้า สามารถแก้บอลในพื้นที่แคบ ๆ ได้ดี หรือบางครั้งยังสอดขึ้นไปทำประตูให้ทีมได้ด้วย เขาได้กลายเป็นห้องเครื่องคนสำคัญของทีม เป็นตัวหลักของทีมผนึกกำลังร่วมกับนักเตะอย่าง ธีรศิลป์ แดงดา ช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จอย่างมากมาย ในระดับชาติสารัชติดทีมชาติไทยมาตั้งแต่ชุดเยาวชนตั้งแต่ชุด 17 ปี 19 ปี 23 ปี แต่ที่ทำให้สารัชแจ้งเกิดทุกคนรู้จักเขาดีก็ต้องเป็นทีมชาติไทยในยุคโกลเด้นเจเรอเน ชั่นที่มีนัดเตะอายุน้อย ๆ ฝีเท้าดีอย่าง ชนาธิป ชัปปุยส์ ธนบูรณ์ เกริกฤทธิ์ และมีซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เป็นโค้ชทีมชาติในยุคนั้น ประสบความสำเร็จอย่างมากอย่าง ปี 2014 คว้าที่ 4 ในเอเชียนเกมส์ที่เกาหลีใต้ จากนั้นคว้าแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ ปี 2015 เป็นกัปตันทีม คว้าแชมป์ซีเกมส์ที่สิงคโปร์ ปี 2016 คว้าแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ และยังช่วยให้ทีมไทยผ่านเข้ารอบ 12 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชียด้วยการเป็นที่ 1 ของสาย ตอนนั้นชื่อเสียงของทีมชาติไทยชุดนี้โด่งดังสุดขีด ทั้งนักเตะและโค้ชเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสินค้าดัง ๆ มากมาย และสารัชเองเขาก็ได้เป็นพระเอก MV เพลงเชือกวิเศษของศิลปินลาบานูน และไม่นานเพลงเชือกวิเศษก็มียอดวิวทะลุเกิน 1 ล้านวิว เขาถึงกับได้รับฉายาว่านักเตะเชือกวิเศษ หลังจากนั้นโค้ชซิโก้ก็ได้ประกาศลาออกจากทีมชาติเนื่องจากทำผลงานได้ไม่ดีในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกรอบ 12 ทีมสุดท้าย และก็เหมือนกับว่าทีมไทยผ่านช่วงเวลาที่ดีไปแล้วรวมถึงสารัชเองด้วย เพราะว่าเขาเกิดมีอาการบาดเจ็บอย่างหนักในนัดที่ช่วยทีมเมืองทองลงสนามในไทยลีกเจอกับทีมสุโขทัย ซึ่งเขาต้องรักษาอาการบาดเจ็บยาวถึง 8 เดือนเลยทีเดียว สารัชหายเจ็บกับมาได้ในปี 2018 แต่ฟอร์มเขาเองก็ยังไม่ได้ดีเหมือนเก่า เขาไม่โดนมิโลวาน ราเยวัช เรียกติดทีมชาติไทยในศึกเอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ ซึ่งแฟนบอลก็ต่างเห็นด้วยว่าตอนนั้นสารัชไม่ได้อยู่ในฟอร์มเดิมที่ยังกลับไปติดทีมชาติได้ หลังจากนั้นปี 2019 สมาคมฟุตบอลก็ได้แต่งตั้ง อากิระ นิชิโนะ เป็นโค้ชคนใหม่ของทีมชาติไทยเพื่อสู้ศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชีย และสารัชก็มีชื่อติดทีมชุดนี้ของนิชิโนะด้วย ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า เขาติดทีมชาติได้ยังไงทั้ง ๆ ที่ฟอร์มในสโมสรก็ไม่ดี และแฟนบอลหลายคนก็คิดว่าหลังจากหายเจ็บหนักมาสารัชคงไม่อาจกลับไปฟอร์มเดิมในสมัยรุ่ง ๆ ได้ และหลายคนก็คงคิดว่าสารัชน่าจะโดนตัดตัวออกในที่สุด และเมื่อนิชิโนะประกาศรายชื่อ 23 คนสุดท้าย ปรากฎว่ามีชื่อของสารัชติดทีมอยู่ด้วย แถมยังได้ลงเป็น 11 ตัวจริงในนัดแรกที่ทีมชาติไทยเปิดบ้านเจอกับทีมเวียดนามอีกด้วย แฟนบอลหลายคนก็ตั้งคำถามว่า นิชิโนะเห็นอะไรดีจากสารัชถึงได้ส่งลงเป็นตัวจริงลงสนาม สารัชจับคู่พิธิวัตนักเตะฟอร์มดีจากทีมเชียงรายในแดนกลาง ทั้งคู่คุมแดนกลางให้ทีมชาติไทยได้ดีมาก พิธิวัตมีความแข็งแกร่ง ดุดัน ส่วนสารัชทำหน้าเป็นห้องเครื่องที่คุมจังหวะให้ทีมเป็นอย่างดี บอลของทีมไทยก็มาพักไว้ที่เขา การจ่ายบอลเปลี่ยนจากรับเป็นรุกทำได้เป็นอย่างดี ประสานงานกับนักเตะตัวหลักอย่าง ชนาธิป ฐิติพันธ์ ธีราทร ได้เป็นอย่างดี อาจจะเคยด้วยเล่นกันมานาน เซ็นต์บอลทันกัน รู้ใจกันเป็นอย่างดี ช่วงท้ายเกมส์สารัชมีอาการบาดเจ็บจนต้องถูกเปลี่ยนออกจากสนาม จนทำให้กลางไทยนั้นถึงกับขาดสมดุลของทีมไปเลย จบเกมส์ไทยกับเวียดนามเสมอกันไป 0-0 ด้วยฟอร์มนัดนี้สารัชได้รับคำชมจากแฟนบอลจนลืมฟอร์มแย่ ๆ นัดก่อน ๆ ของเขาไปเลย ทีมชาติไทยจำเป็นต้องมีเขา และถือเป็นจับคู่กันได้อย่างลงตัวในแดนกลางของสารัชกับพิธิวัต หลังจากนั้นสารัชและพิธิวัตก็ลงจับคู่ประสานด้วยกันทุกนัด ตอนนี้สารัชก็กลับมาเป็นสำคัญของทีมชาติไทยอีกครั้ง ฤดูกาลปี 2020 สารัชได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันทีมเมืองทองอย่างเต็มตัว หลังจากทั้ง ธีรศิลป์และธีราทรโดนทีมจากเจลีกซื้อตัวไปร่วมทีม สารัชจะนำพาทีมประสบความสำเร็จอะไรได้บ้างและในอนาคตเขาจะมีโอกาสไปค้าแข้งที่ต่างประเทศหรือไม่ ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าติดตามอย่างยิ่ง ภาพจากsport.true.net ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4