7 ตุลาคม 2018 เป็นอีกวันที่ฉันนั่งดูข่าวการย้ายสวนสัตว์ดุสิตไปไว้ที่ปทุมธานี สวนสัตว์นี้จะเปิดให้บริการและปิดตัวลงในอีกไม่กี่วัน ทำให้เกิดนึกขึ้นมาได้ “เราไปอยู่กรุงเทพฯ ตั้ง 5 ปี แต่ยังไม่เคยไปสวนสัตว์ในตำนานนี้เลย เสียดายชะมัด” และแน่นอนความเสียดายก็ทำให้ฉันมายืนอยู่หน้าสวนสัตว์ในตำนานแห่งนี้8 ตุลาคม 2018 สวนสัตว์ดุสิต หรือเรียกง่ายๆว่าเขาดิน เป็นสวนสัตว์รุ่นคุณปู่ที่มีอยู่มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2441 เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ที่เที่ยว หรืออาจจะเป็นที่พบรักของใครบางคน อันดับแรกเราต้องไปซื้อตั๋วกันก่อน สำหรับผู้ใหญ่ราคา 100 บาท อยู่ได้ทั้งวัน...ลุย!!!!โซนแรกจะเจอกับสัตว์ที่มีถิ่นกำเนิดจากแอฟริกา ยีราฟเป็นตัวอย่างในการสอนทฤษฎีวิวัฒนาการของลามาร์ค ที่แย้งกันกับดาร์วินในทฤษฎีการคัดเลือกตามธรรมชาติ และเราก็มักสับสนตัวอย่างด้วย ยีราฟแม้คอจะยาวแต่ก็มีกระดูกคอจำนวนเท่ากับกระดูกคอของมนุษย์คือ 7 ชิ้น แต่ความยาวต่างกัน นอกจากมีประโยชน์ในการหาใบไม้ในที่สูงๆ กินได้แล้ว ยีราฟยังใช้คอในการต่อสู้กันอีกด้วย ด้วยความสูงของยีราฟ ทำให้ระบบหมุนเวียนโลหิตต้องพิเศษสุดๆ เรียกระบบนี้ว่า "Rete mirabile" อธิบายอย่างง่ายคือหัวใจที่หนักราว 10 กิโลกรัมจะสูบฉีดเลือดขึ้นไปเลี้ยงสมอง แสดงว่าความดันต้องสูงมาก แต่เวลาที่ยีราฟก้มดื่มน้ำ หลอดเลือดของมันก็วิวัฒนาการปรับความดันไม่ให้มากเกินกว่าสมองจะรับได้ม้าลาย ลายขาวดำหรือดำขาว??? ถัดมาเราจะพบกับเจ้าม้าลาย จากการศึกษาพบว่าที่จริงแล้วเจ้าม้าลายนั้นตัวสีดำและมีลายเป็นสีขาว ซึ่งมาจากการศึกษาตัวอ่อนของเจ้าม้าลายเมื่อยังอยู่ในท้องของแม่ม้าลายนั่นเอง แถมลายของแต่ละตัวก็ไม่เหมือนกันอีกด้วย ฉันเดินลัดมาทางสกายวอล์คและพบกับค่างห้าสี ซึ่งเป็นสัตว์ที่หายาก และสวยมากๆ ตอนที่ไปจะเห็นเค้านอนกันเป็นกลุ่มๆ มาจากพฤติกรรมการอยู่รวมกันเป็นฝูงเพื่อระวังภัยจากผู้ล่านั่นเอง เดินถัดมาจะพบกับโซนของเสือโคร่ง บนสกายวอล์คนี้มีรูปปั้นเสือ ฉันได้ยินเด็กน้อยร้องเรียกเจ้าเสือปูนปั้นนั้นว่า “อังกอร์ๆ” มาสวนสัตว์ดุสิต อีกดาวเด่นที่ไม่มาหาไม่ได้คือคุณแม่ลูกดกอย่างแม่มะลิ ฮิปโปมีความเทพในการนอนในน้ำและโผล่มาหายใจเป็นพักๆเหงื่อของฮิปโปมีสีแดงจนคนคิดว่าเลือด อันที่จริงมันก็ไม่ใช่ทั้งเหงื่อและเลือดนั่นแหละ แต่เป็นสารเคมีที่สร้างขึ้นมาปกป้องผิวหนังจากแบคทีเรียและแสงแดดชื่นชมแม่มะลิและก้อนขี้ของเธอแล้ว ก็มาเปลี่ยนบรรยากาศรำลึกความหลังที่หลุมหลบภัย ที่นี่สร้างขึ้นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นหลุมหลบภัยที่ใช้งานจริง ลองลงไปแล้วคับแคบจริง สงสารคนที่อยู่ในช่วงสงคราม เดินถัดมาจะเป็นโซนสัตว์ป่าสงวนตัวแรกที่จะเจอคือสมเสร็จ /ผสมเสร็จ/ หมูดุด สัตว์ที่ชีวิตงงๆ เหมือนหมู แต่ก็เหมือนช้าง ดูอีกทีก็คล้ายแรด แถมยังอยู่ในน้ำ สมเสร็จเป็นนักกระจายพันธุ์พืชของป่าที่ปัจจุบันจัดเป็นสัตว์สงวนของไทย และถูกจัดอยู่ในกลุ่มของสัตว์ป่าที่มีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ไม่ไกลกันจะพบละมั่งพันธุ์ไทยที่สูญพันธุ์ไปแล้วในธรรมชาติไม่ต้องถามก็พอรู้เลยว่าสาเหตุของการสูญพันธุ์ในธรรมชาติมีสาเหตุมาจากอะไร นอกจากโซนที่แสดงสัตว์แล้ว ที่นี่ยังมีพิพิธภัณฑ์แสดงภาพถ่าย บอกเล่าเรื่องราวของสวนสัตว์แห่งนี้อีกด้วย และอีกแลนด์มาร์คที่เป็นไฮไลต์คือมุมพักผ่อนที่มองไปจะเห็นพระที่นั่งอนันตสมาคม งดงามมากจริงๆ ถัดจากโซนนี้ ฉันย้อนเดินไปดูอีกโซน เป็นที่จัดแสดงหมี ตัวแรกที่เจอคือเจ้าหมีควาย สังเกตง่ายๆคือ เดินสองขา ที่หน้าอกเป็นตัววี อีกโซนที่หลายคนอาจไม่กล้าเข้าไปคือโซนแสดงสัตว์เลื้อยคลานและสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก ที่นี้จัดแสดงทั้งตัวเป็นๆ และแบบที่สตาฟฟ์ไว้ ไม่ว่าจะเป็นกิ้งก่า น้องเหี้ย จระเข้ หรือเจ้าเต่าที่มีหลาหลายสายพันธุ์ทั้งเต่าบกและเต่าน้ำ โซนต่อมาคือบริเวณที่จัดแสดงนก ดาวเด่นสำหรับฉันคงไม่พ้นสัญลักษณ์แห่งความรักเดียวใจเดียวอย่างนกเงือก และอีกตัวที่สีสันดึงดูดความสนใจเด็กและผู้ใหญ่ได้เป็นอย่างดีคือเจ้านกสีชมพูอย่างฟลามิงโก้ สุดท้ายก่อนกลับ ฉันเดินไปเยี่ยมเจ้าขี้เซาโคอาล่า เจ้านี่เป็นนักเสพติดตัวยงเพราะในใบยูคาลิปตัสอาหารของเค้าจะมีสารที่ออกฤทธิ์คล้ายยาเสพติด ส่งผลต่อสมองทำให้มีอาการง่วงนอนเหมือนคนเสพยาเสพติดเลยทีเดียว ตอนที่ไปดูจะเห็นได้ว่าเค้านอนทั้งวัน นอนตลอดเวลา น่าอิจฉาจริงๆ จบทริปแล้ว และที่นี่ก็ปิดตัวไปแล้ว ดีใจที่ครั้งหนึ่งได้มาเยี่ยมอดีตปอดกลางเมือง ที่พักผ่อนของชาวกรุงก่อนบรรดาสัตว์น้อยใหญ่จะย้ายไปที่แห่งใหม่ที่กว้างกว่าเดิม ไว้เจอกันที่ปทุมธานีนะ