จากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ปฏิเสธไม่ได้ว่าเวลานี้ทุกคนได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า ทำให้รัฐบาลต้องออกมาตรการป้องกัน และช่วยเหลือเยียวยา หนึ่งในนั้นที่เกี่ยวข้องกับพวกเราโดยตรงคือ ลดค่าน้ำ-ค่าไฟ 3% นาน 3 เดือน และขยายเวลาชำระค่าไฟฟ้าสำหรับเจ้าของกิจการโรงแรม และกิจการให้เช่าพักอาศัย เราจะมาดูรายละเอียด และวิธีการเข้าถึงการช่วยเหลือจากรัฐบาลแบบเข้าใจง่าย ไม่เกิดความสับสน เริ่มจากค่าไฟ คำถามแรกที่เกิดขึ้นคือ ต้องมีขนาดมิเตอร์ไม่เกินเท่าไหร่ , ที่บ้านเป็นโรงงานได้รับไหม คำตอบคือ.. ได้ทุกคน เพราะมาตรการนี้ประกาศชัดเจนว่า สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าทุกประเภท นั่นหมายถึงไม่ต้องสนใจว่าเราจะเป็นบ้านพักอาศัยธรรมดา , เป็นโรงงานเย็บผ้า หรือร้านอาหาร ทุกหลังคาเรือน ทุกอุตสาหกรรม เข้าถึงมาตรการนี้ทั้งหมด ไม่ว่าจะอยู่ในการดูแลของการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เดือนมีนาคมนี้หลายคนได้รับบิลค่าไฟแล้วเห็นว่าตัวเลขยังไม่ได้ลด ไม่ต้องตกใจ เพราะจะได้รับสิทธิ์ตั้งแต่รอบบิลเดือนเมษายน ถึงเดือนมิถุนายน 2563 โดยอัตโนมัติ ไม่ต้องไปยื่นขอหรือลงทะเบียนที่ไหนให้เสียเวลา สำหรับเจ้าของกิจการโรงแรม และกิจการให้เช่าพักอาศัย จะได้รับสิทธิ์เพิ่มในการขอผ่อนผันขยายเวลาการชำระออกไปไม่เกิน 6 รอบบิล เริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน เป็นต้นไป แต่ ไม่ได้สิทธิ์อัตโนมัติ ต้องไปติดต่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่สำนักงานการไฟฟ้าในพื้นที่ และคำถามที่หลายคนสงสัย ผู้เช่าที่พักอาศัยได้รับเงินคืนค่ามิเตอร์ไหม คำตอบคือ ไม่ได้ เพราะได้สิทธิ์สำหรับผู้ขอมิเตอร์ทั้งน้ำ-ไฟ ผู้เช่าเป็นเพียงผู้เช่ามิเตอร์จากทางหอพักเท่านั้น จึงไม่เข้าเงื่อนไขแต่อย่างใด มาถึงในส่วนของค่าน้ำประปา เงื่อนไขเช่นเดียวกับค่าไฟฟ้า โดยผู้ใช้ทุกหลังคาเรือนได้รับสิทธิ์ลดค่าน้ำประปา แบบอัตโนมัติ 3 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่รอบบิลเดือนเมษายน 2563 เป็นต้นไป และสถานประกอบการธุรกิจโรงแรม และกิจการให้เช่าพักอาศัย ยังขอผ่อนผันชำระ 6 เดือนเช่นเคย โดยต้องไปยื่นขอที่สำนักงานการประปาในท้องที่ เช่นเดียวกับการขอผ่อนผันค่าไฟฟ้า และยังมีสิทธิ์ต่อเนื่องในการขอคืนเงินมัดจำมิเตอร์ไฟฟ้า สรุปง่าย ๆ ตรงนี้คือไม่ต้องเดินทางไปลงทะเบียนที่ใด เพียงแค่ไปลงทะเบียนที่เว็บไซต์ของการไฟฟ้า https://dmsxupload.pea.co.th/cdp (บันทึกเก็บกันไว้เลย) ที่จะเปิดให้ลงทะเบียนวันที่ 25 มีนาคม 2563 และเลือกช่องทางรับเงินว่าจะเป็นบัญชีธนาคาร หรือ Prompt Pay จากนั้นรอรับเงินได้ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม 2563 ตามช่องทางการรับเงินที่เราได้เลือกไว้ หากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น วันข้างหน้าอาจได้เห็นมาตรการที่เข้มข้นขึ้นทั้งในด้านของการป้องกัน และเยียวยาผลกระทบ แต่เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากให้เดินทางไปถึงจุดนั้น เราจึงควรติดตามข่าวสารจากรัฐบาลอย่างใกล้ชิด รับผิดชอบตัวเองต่อสังคม และร่วมแรงร่วมใจฝ่าฟันวิกฤติอันเลวร้ายนี้ไปด้วยกัน เนื้อหาทั้งหมด อ้างอิงข้อมูลจากประกาศมติคณะรัฐมนตรี : www.thaigov.go.th/news/contents/details/27410 ภาพหน้าปก : โดยผู้เขียน