แก้วมังกร หรือ Dragon fruit แก้วมังกรเป็นผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกาแต่สามารถปลูกได้ในประเทศไทยทุกพื้นที่ มีผลรูปร่างกลมรี เปลือกมีสีแดงหรือเหลืองแล้วแต่สายพันธุ์ เนื้อเป็นสีขาวหรือแดง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์นั้น ๆ มีเมล็ดเล็กสีดำคล้ายเมล็ดงากระจายอยู่ทั่วผล ผลแก้วมังกรอุดมไปด้วยสารอาหารมากมายเช่น วิตามินซี วิตามิน B1,B2,B3 และแร่ธาตุ แคลเซียม โพแทสเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก เป็นต้น แก้วมังกรจึงนับได้ว่าเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมอย่างสูง และราคาไม่แพงคุณสมบัติทางอาหารของแก้วมังกรเป็นผลไม้ที่มีไขมันไม่อิ่มตัวและมีแคลอรีต่ำซึ่งช่วยในการควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดีแก้วมังกรมีเนื้อมาก ทำให้อิ่มท้องนาน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมอาหารบำรุงผิวพรรณให้สวยงามเป็นผลไม้เย็นดับร้อน แก้กระหายได้ดีเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แข็งแรงมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ช่วยในการชะลอวัย ความแก่ชรา ผิวพรรณเต่งตึงป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจและบรรเทาอาการของโรคความดันโลหิตเนื่องจากการรับประทานแก้วมังกรไม่ทำให้เกิดการสะสมของไขมันในเส้นเลือดช่วยในการรักษาโรคเบาหวาน เพราะเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อยบรรเทาอาการของโรคโลหิตจาง เนื่องจากมีธาตุเหล็กมากลดอัตราการเกิดโรคมะเร็ง โดยสารต้านอนุมูลอิสระช่วยบำรุงและขับน้ำนมในสตรีหลังคลอดบูตรสามารถช่วยดูดซับและขับสารพิษต่าง ๆ และสร้างการทำงานของระบบกำจัดของเสียในร่างกายให้ดียิ่งขึ้นมีแคลเซียมสูงจึงช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรงแก้อาการท้องผูก เนื่องจากอุดมไปด้วยกากใยช่วยสร้างสมดุลของเชื้อแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ และ ป้องกันการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ช่วยป้องกันโรคมะเร็งต่อมลูกหมากสามารถรับประทานเป็นผลไม้สดเพิ่มรสชาติให้กับฟรุตสลัดและน้ำปั่นผลไม้วิธีการปลูกต้นแก้วมังกรตั้งเสาสูง 1.5–2.0 เมตรในกระถางหรือแปลงปลูกสำหรับให้ต้นแก้วมงกรยึดลำต้นลองก้นหลุมด้วยขุยมะพร้าวและใส่ปุ๋ยคอกลงไปในกระถางหรือหลุมในปริมาณที่พอดีนำกิ่งแก้วมังกรยาว 30-40 เซนติเมตร ปลูกรอบโคนเสา 4-5 กิ่ง แล้วใช้ดินกลบให้เต็มหลุมมัดกิ่งแก้วมังกรยึดไว้กับเสาด้ายเชือก เพื่อป้องกันไม่ให้ต้นล้มหักรดน้ำพอประมาณ ไม่ควรชุ่มเกินไปอีกประมาณ 24 เดือนแก้วมังกรจึงเริ่มให้ผลผลิตขอขอบคุณ ภาพปก ภาพที่1 ภาพที่2 ภาพที่3 ภาพที่4